“อดุลย์” หนุนดำเนินคดีฮั้ว สว.ให้ถึงที่สุด ซัดบิดเบือนเจตนารมณ์ รธน. ที่เป็นผลพวงการต่อสู้ของเหตุการณ์พฤษภา ’35 อัด กกต.ละเว้นหน้าที่ทั้งช่วงเลือกและหลังเลือก เข้าข่ายผิดมาตรา 157 ต้องลงโทษ 2 เท่า
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2568 นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา ’35 ผู้ก่อตั้งสภาที่ 3 กล่าวถึงการดำเนินคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่าปัญหาการฮั้วเลือก สว.เป็นผลสืบเนื่องมาจากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ กกต.จัดให้ดำเนินการเลือกกันเอง ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ ซึ่งมีการร้องเรียนว่ามีการจัดฮั้ว บล็อกโหวตกันอย่างชัดเจน แต่ กกต.ไม่ระงับยับยั้ง แก้ไข จึงมีการไปฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความไม่ชอบมาพากลของการเลือก สว.ให้มีการนับคะแนนใหม่ และให้การเลือก สว.เป็นโมฆะ ซึ่งตนเองก็ได้คัดค้านการประกาศผลด้วย แต่ กกต.ก็ยังดันทุรังประกาศรับรอง สว.ทั้ง 200 คน จึงมีผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ส่วนใหญ่ไม่ตรงปก ไม่ถือว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยในระดับประเทศตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด วันนี้จึงทำให้เกิดวิกฤตในสถาบันหลักของระบอบประชาธิปไตย
นายอดุลย์กล่าวต่อว่า กกต.มีอำนาจตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ก่อนประกาศผล หากมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้ กกต.มีอำนาจสั่งระงับ ยับยั้ง แก้ไข หรือยกเลิกการเลือก และสั่งให้ดำเนินการเลือกใหม่ ซึ่งได้มีการร้องเรียนและเปิดเผยหลักฐานชัดเจนแล้ว แต่ กกต.กลับเพิกเฉย ถือว่า กกต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และหลังการประกาศผลแล้ว หากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ใดกระทําการอันเป็นการทุจริต ให้ กกต.ยื่นคําร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น แต่ กกต.ก็ยังเพิกเฉย เตะถ่วงอีก ทำแต่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
“ที่สำคัญมีการให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด มีการจัดตั้งทำเป็นขบวนการ ใช้โรงแรมซักซ้อม แจกโพย บล็อกโหวตกันอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องกว่า 1,000 คน มีการใช้เงินหลายร้อยล้านบาท แต่ กกต.ไม่มีการดำเนินการตามกฎหมาย ถือว่า กกต.ชุดนี้มีความผิดตาม ม.157 สองเท่า ซึ่งจะต้องมีผู้ดำเนินคดี กกต.ชุดนี้ และสมควรได้รับโทษจำคุกสองเท่าของอดีต กกต.ชุดที่เคยโดนคดีจำคุก เพราะถือว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาบ้านเมือง” นายอดุลย์กล่าว
นายอดุลย์กล่าวอีกว่า เมื่อ กกต.ละเว้นไม่ทำตามอำนาจหน้าที่ กลุ่ม สว.สำรองจึงไปร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้รับคดีฮั้ว สว.เป็นคดีพิเศษ และเมื่อมีการรับดำเนินคดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน ก็เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของตนเอง เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อ 3 สถาบันหลักของระบอบประชาธิปไตย ทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ รวมทั้งองค์กรอิสระ
“ที่ผ่านมาก็เป็นที่ทราบกันดีว่ากลุ่ม สว.ที่มาจากการฮั้ว บล็อกโหวต ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ ได้ทำตามใบสั่งของกลุ่มการเมือง โหวตไปในทิศทางเดียวกันทุกครั้ง สามารถกำหนดให้ใครนั่งในองค์กรอิสระก็ได้ หากทำกันได้ถึงขนาดนี้ องค์กรอิสระก็ไม่มีความอิสระอย่างแท้จริง เป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่เป็นผลพวงจากการต่อสู้ของเหตุการณ์พฤษภา ’35 จึงขอเตือนกลุ่มการเมืองว่า พวกท่านกำลังทำลายระบอบประชาธิปไตย จะทำให้วงจรอุบาทว์กลับมาอีก จึงขอสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีฮั้ว สว.ตามกฎหมายให้ถึงที่สุด เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ และลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป” นายอดุลย์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท

