สถาบันนิติวิทยาศาสตร์เปิดผลผ่าชันสูตรอดีต “ผกก.โจ้” ชี้ให้น้ำหนักไปที่ขาดอากาศหายใจจากการผูกคอเสียชีวิต ไม่พบร่องรอยทำร้ายอื่น “แม่-แฟนสาว” ไม่เชื่อผล นำร่างชันสูตรที่นิติ รพ.จุฬาฯ อีกครั้ง ลั่นผู้คุมที่ทำร้ายร่างกายต้องถูกทำโทษ ตำรวจประชุมคลี่ปมดับ รับระบุความยาว “ผ้าขนหนู” ไม่ได้เพราะถูกตัด ส่วนคดีทำร้ายร่างกายไม่คืบเพราะเรือนจำแจ้งขัดข้อง
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2568 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ผู้ต้องขังคดีทรมานผู้ต้องหาจนเสียชีวิต ที่อยู่ภายในห้องขังหมายเลข 50 อาคารแดน 5 อยู่ในสภาพผูกคอตายเสียชีวิตในเรือนจำกลางคลองเปรม
ล่าสุด ผศ.นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยคณะอนุกรรมการที่ร่วมสังเกตการณ์ แถลงผลการชันสูตรพลิกศพ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ว่าให้น้ำหนักไปที่เรื่องขาดอากาศหายใจ จากการผูกคอเสียชีวิตด้วยตนเอง โดยใช้ผ้าในการผูกรัดคอ เนื่องจากบาดแผลมีรอยกว้างประมาณ 1.4 เซนติเมตร จึงอาจไม่ใช่การใช้เชือกผูกคอเสียชีวิต อีกทั้งลักษณะของแรงที่เกิดขึ้น ไม่พบรอยช้ำบริเวณเนื้อเยื่อใต้ลำคอหรือบริเวณใต้รอยรัด และไม่พบการช้ำของกล้ามเนื้อลำคอ หรือบาดเจ็บของกระดูกแต่อย่างใด จึงให้เหตุผลว่าแรงที่มากระทำไม่ได้เยอะมาก
“ยังไม่พบร่องรอยบาดแผลที่ถูกทำร้ายอื่นด้วย จะมีแค่เพียงร่องรอยบาดแผลฟกช้ำบริเวณสะโพก ซึ่งเป็นรอยช้ำเก่า แต่ก็จะตรวจสอบโดยใช้เครื่องซีทีสแกน สแกนว่าเป็นร่องรอยบาดแผลในอดีตหรือไม่ แล้วจะลงรายละเอียดในรายงานอีกครั้งหนึ่ง” ผศ.นพ.วรวีร์กล่าว
ส่วนกรณีที่ญาติพบว่ามีเลือดออกในที่เกิดเหตุนั้น ผศ.นพ.วรวีร์ระบุว่า จากการสอบถามกับคณะชันสูตรในที่เกิดเหตุ เป็นไปได้สองกรณี กรณีแรกสงสัยว่าหลังเสียชีวิตจะมีของเหลวในร่างกายไหลออกมาคล้ายเลือด อาจออกจากทางปาก ส่วนกรณีที่สอง คือไหลออกมาจากบาดแผล เพราะพบบาดแผลถลอกที่บริเวณแขน ซึ่งคิดว่าน่าจะไม่ใช่เลือด คาดว่าเป็นของเหลวที่ไหลออกมาหลังเสียชีวิตเสียมากกว่า ซึ่งสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจได้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ส่วนแผลถลอก เราได้สอบถามกับทางพนักงานฝ่ายปกครอง บอกว่าเห็นตั้งแต่ช่วงไปชันสูตรศพ ที่เกิดเหตุแล้ว อาจเกิดขึ้นในช่วงที่นำร่างออกมา แล้วไปครูดกับของแข็งบางอย่าง เรื่องนี้ยืนยันได้ว่าเจอแผลถลอกตั้งแต่ชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่
“เรื่องผ้าที่ใช้ในการผูกคอ ทางพนักงานสอบสวนส่งให้ทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจเป็นผู้ตรวจพิสูจน์ต้องใช้ข้อมูลจากส่วนนั้นอีกครั้ง นอกจากนี้แพทย์จะต้องมีการตรวจสอบสารพิษในยาอีกด้วย ต้องใช้องค์ประกอบในการตรวจเลือดตรวจ ปัสสาวะที่ได้จากศพ จะใช้เวลา 2-4 สัปดาห์จึงจะได้ผลชันสูตรฉบับสมบูรณ์” ผศ.นพ.วรวีร์ระบุ
ให้จุฬาฯ ผ่าพิสูจน์อีกรอบ
ทั้งนี้ น.ส.จันทา อุทธนผล มารดา พ.ต.อ.ธิติสรรค์ น้องสาว และแฟนสาวของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เดินทางมาที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อสังเกตการณ์การผ่าพิสูจน์อดีตผู้กำกับโจ้ด้วย และล่าสุดทั้ง 3 เดินทางออกจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไปยังนิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ เพื่อผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง โดยมีรถของเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำไป
เมื่อรถมูลนิธิมาถึง แม่ ผกก.โจ้ได้จุดธูป 1 ดอก ก่อนที่เจ้าหน้าที่มูลนิธินำร่างของ ผกก.โจ้ลงมาจากรถเพื่อนำไปเก็บไว้ที่ห้องเย็น รอทำการผ่าชันสูตรในช่วงเช้าวันที่ 10 มี.ค. โดยช่วงระหว่างเคลื่อนร่าง ผกก.โจ้ ตัวแทนญาติได้จับร่างแล้วพูดว่า “โจ้อยู่ที่นี่ 1 คืนก่อนนะ” ทำให้แฟนสาวร้องไห้ออกมาท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติ
น.ส.จันทาเผยว่า วันนี้ที่นำร่างของผู้กำกับโจ้มาที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ เพราะต้องการให้มีการชันสูตรอีกครั้งหนึ่ง และต้องการทำทุกอย่างให้ผู้กำกับโจ้ให้ได้มากที่สุด
เมื่อถามว่า เป็นเพราะไม่เชื่อผลการชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์หรือไม่ น.ส.ทราย แฟนสาว ผกก.โจ้ ตอบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างสามารถบิดเบือนได้ พี่โจ้อยู่ในนั้นถูกทำร้ายร่างกาย เราแค่จะแจ้งความเราก็ทำไม่ได้ พี่โจ้เสียชีวิตแล้ว เขาบอกว่าพาไปโรงพยาบาลก็ไม่พาไปแล้วหนูจะเชื่อได้อย่างไรว่าอะไรทุกอย่างนี้เป็นความจริง หนูไม่ได้เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหู ทำให้ตอนนี้ครอบครัวไม่เชื่ออะไรง่ายๆ อีกแล้ว ที่ผ่านมารู้มาตลอดว่า ผกก.โจ้มีความทุกข์ตลอด ทั้งถูกกลั่นแกล้งรังแกทำร้ายร่างกายมาตลอด ก็เชื่อมาตลอดว่า ผกก.โจ้ยังสู้
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้ดูข่าวการให้สัมภาษณ์ของเรือนจำเมื่อวานนี้ และบอกว่า ผกก.โจ้มีความต้องการที่จะถูกขังเดี่ยว ทางแฟนสาวและแม่ของ ผกก.โจ้มองว่าไม่เป็นความจริง ใครกันที่จะอยากถูกขังเดี่ยว พร้อมบอกว่า ที่ผ่านมาทางครอบครัวพยายามต่อสู้ มีการไปร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ ก็เพื่อนำ ผกก.โจ้ออกมาจากการถูกขังเดี่ยว พร้อมบอกว่าการที่ ผกก.โจ้ถูกขังเดี่ยวนั้น เป็นการถูกขังเดี่ยวที่ไม่มีความผิด เป็นการถูกกล่าวหาว่ากระด้างกระเดื่อง เลยมองว่าการที่เรือนจำออกมาให้สัมภาษณ์เช่นนั้นกับเหตุการณ์หลายๆ ที่ครอบครัวเห็นมันต่างกัน รวมถึงเรื่องเรือนจำออกมาบอกว่าพยายามช่วยเหลือ ผกก.โจ้ โดยการนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งได้ดูภาพกล้องวงจรปิดก็เห็นว่าไม่ได้มีการช่วยเหลือแต่อย่างใด ทำให้รู้สึกถึงความไม่ปกติ และมองว่าทางเรือนจำไม่น่าเชื่อถืออะไรได้
“คนเราจะสามารถบิดเบือนความจริงได้ถึงขนาดนี้ จะต้องเป็นคนที่คิดมาเยอะมากๆ และต้องมีความตั้งใจ และไม่ใช่ใจที่ดี และหลังจากนี้คงไม่สามารถเชื่ออะไรได้อีก" แฟนสาว ผกก.โจ้ระบุ
ส่วนเรื่องที่มีการไปยื่นให้ตรวจสอบกรณีที่ ผกก.โจ้ถูกผู้คุมทำร้ายร่างกายภายในเรือนจำนั้น ได้มีการยื่นให้ตรวจสอบไปหลายที่ แม่ ผกก.โจ้ยืนยันว่าได้นำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนกับ ผบ.คนเก่าถึง 2 รอบ คนใหม่ก็ยื่นไป 2 รอบ ก็เงียบเหมือนเดิม อีกทั้งยังมีผู้ใหญ่ภายในเรือนจำติดต่อมาหาครอบครัวให้ถอนแจ้งความแลกกับการปล่อยให้ ผกก.โจ้ออกมาจากห้องขังเดี่ยว แต่ครอบครัวไม่อยากถอนแจ้งความ ทางนั้นก็บอกกับครอบครัวว่าจะเอาหลักฐานอะไรไปสู้กับเขา เขาก็ต้องปกป้องคนในบ้านเขา
ส่วนกรณีที่ทางราชทัณฑ์นำกล้องวงจรปิดวินาทีที่ผู้กำกับโจ้เดินเข้าห้องคุมขังเดียวด้วยท่าทีที่ปกติ และราชทัณฑ์ยืนยันว่าไม่มีใครทำร้ายร่างกาย เรื่องนี้แม่ของ ผกก.โจ้ยังคงบอกว่ายังแคลงใจอยู่ อีกทั้งเรื่องผ้าที่ใช้ผูกคอนั้นมองว่าผ้ายาวแค่ 50 เซนติเมตร กว้าง 1 ฟุต จะใช้ผูกคอกับลูกกรงได้อย่างไร
ด้านแฟนสาวระบุอีกว่า จากการที่ดูคลิปกล้องวงจรปิดก็ไม่ได้เห็นอะไรมาก ส่วนก่อนหน้านั้นได้คุยกับ ผกก.โจ้ ยังบอกกับครอบครัวว่าจะสู้ และยังดูมีกำลังใจ ไม่ได้มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าจะทำร้ายร่างกายตนเอง เพราะฉะนั้นมองว่าเรือนจำจะพูดอะไรก็พูดได้ เคยมีการขอให้ตำรวจเข้าไปสอบปากคำภายในเรือนจำกรณีที่ถูกทำร้ายร่างกาย แต่ทางเรือนจำก็ไม่อนุญาต ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทางเรือนจำอ้างว่าจะต้องไปสอบถามทางผู้คุมก่อนว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ซึ่งก็มองว่าทางตำรวจมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปสอบปากคำ ผกก.โจ้ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงไม่สามารถเข้าไปสอบปากคำได้
เมื่อถามว่า ถ้าสุดท้ายผลชันสูตรออกมาว่า ผกก.โจ้ทำร้ายร่างกายตนเอง คิดว่าเกิดจากภาวะถูกกดดันหรือไม่ น.ส.ทรายระบุว่า แน่นอนอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างที่พยายามร้องเรียน เป็นเพราะถูกรังแก กดดัน ก็พยายามที่จะทำให้ ผกก.โจ้หลุดพ้นมาจากตรงนั้น
เมื่อถามว่า มีอะไรอยากจะฝากถึง ผกก.โจ้เป็นครั้งสุดท้ายหรือไม่ แฟนสาวระบุว่า ผกก.โจ้รู้มาตลอดว่าตนเองและครอบครัวช่วยเขามาจนถึงที่สุด ตั้งแต่เข้าไปอยู่ภายในเรือนจำ หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกาย ไม่มีวันไหนที่ครอบครัวไม่เต็มที่ ไม่ว่าสิ่งที่กำลังพยายามทำในวันนี้จะสามารถช่วยได้หรือไม่ หรือทวงความยุติธรรมอะไรได้หรือไม่ ครอบครัวก็ทำเต็มที่ และเชื่อว่าที่เรือนจำพยายามบิดเบือนความจริง เปลี่ยนแปลง ปกปิด หรือช่วยเหลือใคร แต่ตนยังเชื่อในรัฐมนตรี และยังเชื่อในหน่วยงานต่างๆ ที่วันนี้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัว
เมื่อถามว่า มีอะไรอยากจะฝากถึงผู้คุมที่ทำร้ายร่างกาย ผกก.โจ้หรือไม่ เขาตอบว่า “พี่โจ้ทำผิดด้วยความประมาท ทำให้คนอื่นถึงแก่ชีวิต พี่โจ้ก็ต้องรับโทษ แต่ท่านทำร้ายร่างกายคนโดยไม่มีเหตุจำเป็น ท่านกดดัน กลั่นแกล้ง ดูถูก เหยียดหยาม ท่านก็ต้องได้รับโทษเหมือนกัน”
ยังไม่รู้ความยาวผ้าขนหนู
สำหรับในวันที่ 10 ม.ค. หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการชันสูตรพลิกศพรอบ 2 แล้ว ทางครอบครัวจะเดินทางมารับศพในช่วงเวลา 15.00 น. ก่อนจะรับศพไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน โดยจะสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 คืน
ส่วนที่ สน.ประชาชื่น ภายหลังจาก พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ผบก.น.2, พ.ต.อ.ธิติพงศ์ ภิวัฒน์วุฒิกุล รอง ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก.สน.ประชาชื่น เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อเร่งรัดติดตามคดีการตายของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เป็นเวลากว่า 2 ชม.
พล.ต.ต.เจษฎากล่าวว่า มีการประชุมติดตามเร่งรัดคดี ทั้งในส่วนคดีที่ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตและถูกทำร้ายร่างกาย โดยคดีการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้นั้น เบื้องต้นมีการเก็บพยานหลักฐานในพื้นที่มาครบแล้ว รวมถึงกล้องวงจรปิดทั้งหมด ซึ่งหลังจากนี้จะตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดอย่างละเอียด โดยเฉพาะผ้าขนหนูที่ผู้กำกับโจ้ใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งความยาวของผ้าตอนนี้ยังระบุไม่ได้ เนื่องจากพบว่าเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้ตัดออก เพื่อช่วยเหลือและเข้าไปด้านในห้องขังเดี่ยว
“คดีที่ผู้กำกับโจ้ถูกทำร้ายร่างกายนั้น ได้มอบอำนาจให้ทนายความมาแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการดำเนินการมาอย่างตลอด และได้ข้อมูลใบความเห็นแพทย์ว่าผู้กำกับโจ้มีรอยฟกช้ำถูกทำร้ายร่างกายมาแล้ว แต่เบื้องต้นยังไม่ได้มีการเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และยังไม่ได้สอบสวน รวมถึงยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร และยังไม่ได้สอบปากคำผู้กำกับโจ้ มีเพียงเข้าไปพูดคุยเบื้องต้นด้วยการเข้าไปเยี่ยมเท่านั้น” พล.ต.ต.เจษฎากล่าว
พล.ต.ต.เจษฎายอมรับว่า การเข้าไปสอบปากคำจะต้องมีขั้นตอนการเข้าไปดำเนินการในเรือนจำ แต่เมื่อประสานไปแล้วทางเรือนจำแจ้งว่ามีความขัดข้องเกิดขึ้น หลังจากนี้ก็จะดำเนินการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ยอมรับว่าคดีนี้เมื่อผู้ร้องทุกข์เสียชีวิตไปแล้ว ทำให้การดำเนินการยากขึ้น แต่ก็อยู่ในวิสัยที่ทำได้ ส่วนประเด็นที่ทางญาติมีนักโทษอีก 5 คนที่ถูกผู้คุมคนเดียวกันทำร้าย เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบความผิดจะเร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่ได้กังวลอะไร พร้อมดำเนินการตามหลักวิทยาศาสตร์ และจะทำทุกอย่างให้โปร่งใสที่สุด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เย้ยมั่นคงรำวง ดับไฟใต้ไม่คืบ! ‘อ้วน’เสียงอ่อย
"สว.ไชยยงค์" ฟาดรัฐบาล “ดับไฟใต้” ไม่คืบ “สว.ใต้” ชี้กล้าๆ กลัวๆ ปล่อย "กอ.รมน.ภาค 4-สมช.” รำวง เสนอใช้ กม.ก่อการร้ายสู้
ขีดเส้น30วันแจงส่งทักษิณชั้น14
"ผู้ตรวจการแผ่นดิน" ขีดเส้น 30 วัน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจงปมส่งตัว "ทักษิณ" รักษาชั้น 14 รพ.ตำรวจ
พิงอาเซียนสู้ทรัมป์ ธปท.ชี้4ปัจจัยเสี่ยง
นายกฯ ย้ำไทยจับตาท่าทีสหรัฐใกล้ชิดทุกมุม เชื่ออเมริการอดูฟีดแบ็กรอบโลกเช่นกัน
ซื้อเสียงเลือกตั้งซ่อม บี้กกต.นครฯจะจับกี่โมง ‘ธรรมนัส’ลุยช่วย‘บิ๊กโอ’
โค้งสุดท้ายเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีฯ กกต.จัดกิจกรรม Road Show ไม่ซื้อสิทธิ
ผงะ!กินหัวคิวปีละ2แสนล. ‘สตง.’กอดขั้นตอนแก้แบบ
"สตง." ก้นร้อนร่อนเอกสารแจง ปรับแก้แบบปล่องลิฟต์ ความหนาลดลง 5 ซม.
ไทย-เขมรชื่นมื่น โชว์สัมพันธ์75ปี ฮุนเซนโอ๋ลูกแม้ว
"ไทย-เขมร" ชื่นมื่น เปิดตราสัญลักษณ์สัมพันธ์ 75 ปีสองประเทศ ลงนามเอกสาร 7 ฉบับ