ดินไหวหลอนคนไทย หวั่นอาฟเตอร์ช็อก!อพยพคนจากตึกสูง/มท.1ชี้อุปาทานหมู่

แผ่นดินไหวหลอนคนไทย หลายตึกสูงอพยพคนหลังมีกระแสข่าว “อาฟเตอร์ช็อก” จากเมียนมา โดยเฉพาะอาคารรัฐ “อิ๊งค์” ยันเช็กแล้วไม่ส่งผลถึงไทย จี้เจ้าของตึกเร่งตรวจสอบพร้อมยืนยันเข้าใช้ได้ตามปกติ “อนุทิน” รับอาจเป็นอุปาทานหมู่ที่ยังตื่นตกใจอยู่ “ดีเอสไอ-สรรพากร-แรงงาน” ตัดปัญหาให้เวิร์กฟรอมโฮม "แพทองธาร" นั่งหัวโต๊ะประชุมเรื่องระบบเตือนภัย ก่อนระบบเต็มจะมาเดือน ก.ค.นี้

เมื่อวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์ระบุว่า “แผ่นดินไหว กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประกาศลดระดับความรุนแรงจากระดับ 3 ลงเป็นระดับ 2 โดยเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ปภ.ได้ประเมินความรุนแรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวทั้ง 18 จังหวัดและ กทม. พบว่าความรุนแรงไม่ขยายวงกว้างสามารถควบคุมพื้นที่ได้แล้ว จึงได้ลดระดับความรุนแรงของสาธารณภัยจากขนาด 3 (การจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่) ลงเป็นระดับ 2 (การจัดการสาธารณภัยขนาดกลาง) คืนอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 เพื่อประสานงานและจัดการในพื้นที่ตัวเองต่อไป ขอให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติโดยเร็ว"

ขณะเดียวกัน ได้เกิดกระแสข่าวเกี่ยวกับการสั่นไหวของอาคารสูงหลายแห่งในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีการอพยพประชาชนออกจากอาคารสำคัญหลายจุดทั่วเมือง สร้างความตื่นตระหนกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคาร A และ B, ศาลอาญาและศาลยุติธรรม,  ตึกกองทัพไทย, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, ตึกกรมสรรพากร, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น

โดยที่ศูนราชการฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หรืออาคารเอ ในช่วงเวลา 09.30 น. เกิดกระแสว่าบางจุดของตัวอาคารเกิดเสียงดังพร้อมมีเศษปูนร่วงลงมา และมีรายงานว่าอาคาร A ทรุดและเอียง จึงมีประกาศเสียงตามสายให้ทุกคนออกจากตัวอาคารอย่างเร่งด่วนและงดเข้าใช้อาคาร ซึ่งต่อมาทีมวิศวกร ที่ปรึกษาของศูนย์ราชการฯ ได้เดินทางเข้ามาตรวจสอบโครงสร้างอาคารอีกครั้ง โดยนายไพรัช เล้าประเสริฐ ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง เผยว่าปูนมีรอยร้าวจนกะเทาะแตกเล็กน้อย ซึ่งเป็นเพียงปูนที่ฉาบด้านนอกของเสาที่ค่อนข้างเปราะบาง รองรับแรงกระแทกไม่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ส่งผลถึงตัวเสาที่เป็นโครงสร้างอาคารด้านใน จึงไม่ใช่เรื่องรุนแรงหรือกระทบต่อตัวอาคาร

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงสร้างตึกของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลังทั้งหมดยังแข็งแรง โดยมีการตรวจสอบจากทีมวิศวกรตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค. และในส่วนของอาคาร A และ B ของศูนย์ราชการฯ นั้น ยืนยันว่าทุกจุดไม่ได้รับความเสียหาย ตอนนี้อาจเป็นช่วงอ่อนไหวและมีข่าวออกมาเยอะ จึงอยากสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องออกไป

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์  กล่าวว่า ผู้บริหารบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ได้รายงานว่า ยังไม่พบปัญหาของตัวอาคารศูนย์ราชการฯ ทั้งหมด และได้ส่งทีมวิศวกรเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าตัวอาคารยังมีความปลอดภัย  ไม่มีปัญหาโครงสร้างใดๆ ทั้งสิ้น

DSI ให้กลับไปทำงานที่บ้าน

ขณะเดียวกันบริเวณด้านข้างตึกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้แจ้งรวมพล ภายหลังมีรายงานอาคารศูนย์ราชการฯ อาคาร A สั่นสะเทือน โดย ร.ต.อ.โสรัจ กลิ่นภิรมย์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ ประกาศยืนยันว่าได้มาตรวจดูอาคารดีเอสไอครบทุกจุดทุกชั้น เชื่อว่าโครงสร้างของตึกยังดีอยู่ แต่วันนี้เพื่อคลายความกังวล หากท่านใดไม่ติดงานด่วนหรือต้องเคลียร์งานจริงๆ สามารถเดินทางกลับบ้านได้เลย ไป WORK FROM HOME ที่บ้านแทน

ส่วนที่ศาลอาญา หลังได้รับแจ้งว่าอาจมีอาฟเตอร์ช็อก ทำให้ผู้ที่เดินทางมาศาลและเจ้าหน้าที่ต่างรีบวิ่งลงบันไดออกจากอาคารศาลอาญา ท่ามกลางสัญญาณเตือนที่ร้องดัง นอกจากนี้ ในละแวกเดียวกันซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลอุทธรณ์ ศาลแพ่ง และศาลอื่นๆ เจ้าหน้าที่และประชาชนต่างออกมายืนกันนอกอาคาร โดยมีผู้บริหารศาลอาญาและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความเรียบร้อย ซึ่งบางคนบอกว่ารับรู้ถึงแรงสั่นไหว บางคนบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไร และต่อมาผู้บริหารและทีมวิศวกรได้เข้าสำรวจโครงสร้างของอาคาร พบว่าใช้ได้ตามปกติ

ขณะที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองทัพบก ยอมรับว่าช่วงเช้ามีคำสั่งอพยพข้าราชการทหารลงจากตึกมารวมตัวกันที่พื้นที่โล่ง บริเวณด้านหน้าอาคาร ภายหลังได้รับรายงานว่ามีอาฟเตอร์ช็อก  ซึ่งกำลังพลส่วนใหญ่ไม่รู้สึกถึงความสั่นสะเทือน จากนั้นจึงกลับขึ้นตึกทำงาน

ที่บริเวณหน้าอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ได้ประกาศผ่านรถขยายเสียง ขอให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่อย่าได้ตกใจ ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เหมือนกับตอนนี้ทุกคนแพนิก จึงขอว่าอย่าตื่นตกใจ

พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทีมวิศวกรและทีมช่างโยธาตรวจสอบทุกอาคารใน สตช. รวมถึง รพ.ตำรวจ มีการลงนามโดยวิศวกรที่ตรวจสอบ และได้รับการยืนยันว่าอาคารภายใน สตช.ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวแต่อย่างใด ผลกระทบที่แตกร้าวเกิดจากการใช้งานมานาน แต่รากฐานมั่นคง

“สิ่งที่เป็นห่วงอีกเรื่อง อยากให้ผู้บังคับบัญชาแต่ละอาคารถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียน เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกเมื่อไหร่ จึงได้สั่งผู้การสันติบาล 3 ให้กำหนดพื้นที่อพยพเคลื่อนย้ายในกรณีที่เกิดเหตุให้ชัดเจน เรามีอยู่ 20 ชั้น จะไปอยู่พื้นที่ไหน โซนไหน ลงมาจากอาคารแล้วให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบและเช็กยอด มีลูกน้องหลงเหลืออยู่หรือไม่ เพื่อให้สันติบาลจัดชุดเข้าไปค้นหา” พล.ต.อ.ไกรบุญระบุ

ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำคณะแถลงข่าวภายหลังการตรวจสอบอาคารรัฐสภาจากเหตุแผ่นดินไหวว่า ได้ตรวจสอบตั้งแต่วันเสาร์ที่ 29 และในวันอาทิตย์ที่ 30 มี.ค.ก็มีการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง นำโดย ศ.การุญ จันทรางศุ อุปนายกสภาวิศวกรคนที่หนึ่ง พบว่าไม่มีข้อกังวลใจ

ว่าที่ ร.ต.ยุทธนา สำเภาเงิน รองเลขาธิการสภาฯ ระบุว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารรัฐสภา ซึ่งจะประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ศ.การุญ, รศ.เอนก ศิริพานิชกร กรรมการสภาวิศวกร รวมถึงผู้แทนผู้ตรวจสอบอาคาร ตัวแทนกรมโยธาธิการและผังเมืองเข้ามาร่วมทำการตรวจสอบด้วย ซึ่งคณะกรรมการคงตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. รอท่านประธานสภาฯ มาลงนามและจะรีบดำเนินการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้อาคารรัฐสภามีความมั่นคงแข็งแรงปลอดภัย และสามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ

สรรพากรให้ WFH

ด้านกรมสรรพากรได้ชี้แจงกรณีเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ว่า ได้เชิญเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญจากกรมโยธาธิการและผังเมืองเข้ามาทำการตรวจสอบอาคาร 27 ชั้น และอาคารข้างเคียงจำนวน 3 อาคาร โดยได้ตรวจสอบโครงสร้างหลัก โครงสร้างรอง ระบบไฟฟ้า  ระบบน้ำ ระบบลิฟต์ ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา โดยผลการตรวจสอบปรากฏว่า 1.อาคารข้างเคียง ได้แก่ อาคารคอมพิวเตอร์ อาคารที่พัก และอาคารจอดรถ มีความปลอดภัย ได้รับสถานะสีเขียว ซึ่งสามารถให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้ 2.ส่วนอาคารหลัก 27 ชั้น โครงสร้างหลักไม่มีปัญหา โครงสร้างรองพบว่าผนังมีรอยแตกร้าวเล็กน้อย กระเบื้องและฝ้ามีความเสียหายในบางจุด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากกรมโยธาฯ ได้ขอให้กรมสรรพากรงดใช้อาคารดังกล่าวจนกว่าอาฟเตอร์ช็อกจะหมด รวมถึงแนะนำให้ทำการซ่อมแซมปรับปรุงในเบื้องต้น ก่อนให้เจ้าหน้าที่เข้ามาปฏิบัติงาน ดังนั้นกรมสรรพากรจึงได้ออกแนวปฏิบัติให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ณ ตึกหลัก 27 ชั้น ทำการ Work From Home เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หรือไปปฏิบัติงาน ณ พื้นที่สำรองที่กรมสรรพากรได้จัดเตรียมไว้

ส่วนกระทรวงแรงงานนั้น นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้มีบันทึกให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงานทุกคน ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งในวันที่ 31 มี.ค.-1 เม.ย. 68 หรือจนกว่าจะได้รับการแจ้งยืนยันผลการตรวจสอบความปลอดภัยจากกรมโยธาธิการ

ด้าน น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเกิดเหตุความสับสน มีประชาชนอพยพลงจากตึกและอาคารสูงว่า ขอแจ้งให้ชัดเจนก่อนว่าตอนนี้อาฟเตอร์ช็อกที่อยู่ที่เมียนมาไม่มีผลกระทบกับไทยและกรุงเทพฯ ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยายืนยันแล้วไม่มีกระทบ อย่างที่บอกไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าคนรับผิดชอบตึกทุกตึกควรตรวจสอบว่าตึกแต่ละตึกนั้นลิฟต์เสียหรือไม่ และหากการเช็กนี้มีข้อสงสัยใดๆ ให้ติดต่อไปยัง ปภ.

“ตอนนี้ที่มีการวิ่งกันออกมาจากตึก ไม่ได้มีในเรื่องของอาฟเตอร์ช็อกหรือแผ่นดินไหวเพิ่มเติม ยืนยันว่าไม่มีภัยธรรมชาติ ทั้งนี้แต่ละตึกผู้ที่รับผิดชอบต้องออกมาคอนเฟิร์ม ว่าแต่ละตึกสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่แต่ละตึกต้องช่วยกันรับผิดชอบเรื่องนี้”

เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้นายกฯ กังวลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเรื่องใดมากที่สุด นายกฯ กล่าวว่า อยากให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริงตรงนี้ก่อนว่าในเรื่องของภัยธรรมชาติไม่มี ตอนนี้ต้องดูว่าแต่ละตึกชัวร์แล้วหรือไม่ว่าตึกนั้นๆ ได้รับการตรวจสอบแล้ว ถ้าตรวจสอบแล้วก็สามารถขึ้นตึกได้ปกติ และวันนี้ก็มาร่วมงานอยู่ที่ชั้น 7 ซึ่งตึกต่างๆ ที่มีชั้นสูงมากกว่านี้ ถ้าตรวจสอบแล้วว่าสามารถเข้าได้ทุกตึกก็เข้าได้ อย่างเพื่อนของตนคุยกันในไลน์กลุ่ม สามารถขึ้นไปทำงานได้ตามปกติบนตึกสูงชั้น 30 กว่าๆ

 “ความจริงแล้วเราแจ้งเตือนไปในเฟซบุ๊ก เพราะได้รับข้อความว่ามีความตกใจใน 3-4 ตึกที่เกิดขึ้น ซึ่งเราก็พยายามจะสื่อสารทุกช่องทางว่าตอนนี้ไม่ได้มีเหตุการณ์ทางธรรมชาติเกิดขึ้น ขออย่าเพิ่งตกใจกัน เช็กเรื่องตึกให้ดีก่อนทุกตึก”

จี้เจ้าของตึกตรวจสอบ

จากนั้นเวลา 12.00 น. น.ส.แพทองธารโพสต์เฟซบุ๊ก และทวีตผ่าน X ระบุกรณีที่มีการแชร์รูปภาพประชาชนอพยพออกจากตึกว่า การอพยพของแต่ละตึกเป็นวิจารณญาณของแต่ละหน่วยงาน แต่ขอให้เป็นคำสั่งที่ชัดเจนและได้ตรวจสอบข้อมูลจากทางราชการแล้ว ขอยืนยันว่าขอให้รอข่าวจากทางการจะเป็นข่าวที่ได้รับการรับรองว่าถูกต้อง และไม่เกิดการสร้างความกังวลหรือตื่นตระหนกระหว่างพี่น้องประชาชน

น.ส.แพทองธารทวีตผ่าน x อีกครั้งว่า ได้ตรวจสอบกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปว่า 1. ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานไม่มีแผ่นดินไหวในประเทศไทย และอาฟเตอร์ช็อกจากเมียนมาไม่กระทบต่อประเทศไทยใดๆ ทั้งสิ้น 2.รอยร้าวที่เกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้เจ้าของตึกสั่งอพยพ เริ่มมีรายงานว่าเป็นรอยร้าวเดิม จึงขอยืนยันคำสั่งเดิมจากท่านผู้ว่าฯ ให้เจ้าของตึกเร่งตรวจตึก เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าเป็นรอยเก่า รอยเดิม หรือรอยใหม่ เพื่อให้เกิดการตัดสินใจที่ถูกต้อง 3.ขอให้เจ้าของอาคารเร่งตรวจสอบตึกให้เกิดความแน่ใจก่อนการเปิดให้ใช้บริการ โดยหากไม่แน่ใจให้สอบถามไปยังกรมโยธาธิการ และ ปภ. เพื่อเข้าร่วมตรวจสอบตึก 4.การอพยพของแต่ละตึกขอให้เป็นคำสั่งที่ชัดเจนและได้ตรวจสอบข้อมูลจากทางราชการ ขอยืนยันว่าขอให้รอข่าวจากทางการ จะเป็นข่าวที่ได้รับการรับรองว่าถูกต้อง และไม่เกิดการสร้างความกังวลหรือตื่นตระหนกระหว่างพี่น้องประชาชน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวเช่นกันว่า กรมทรัพยากรธรณี กรมอุตุนิยมวิทยาออกมายืนยันแล้วว่า ไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างที่คิด และกรมโยธาธิการและผังเมือง นายกสภาวิศวกรก็เข้าไปตรวจดูที่ศูนย์ราชการฯ อาคาร A แล้วว่าไม่มีอะไร แต่อาจเป็นอุปาทานหมู่ ซึ่งยอมรับว่าเป็นไปได้  เนื่องจากเป็นช่วงที่คนยังตื่นตระหนกอยู่

“ขออย่าตื่นตระหนก หากอยากให้สบายใจ หลายหน่วยงานและหลายบริษัทสามารถออกนโยบายเวิร์กฟรอมโฮมได้ คงไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง  และได้สั่งการให้กรมโยธาธิการและผังเมืองออกคำสั่ง ให้เจ้าของอาคารทุกอาคารเร่งตรวจสอบอาคาร” นายอนุทินกล่าว

กทม.ย้ำไร้ผลกระทบ

ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.แถลงว่า เช้านี้มีเหตุการณ์ตื่นตระหนกในหลายอาคาร ว่ามีเหตุการณ์สั่นไหวและมีการอพยพคน ประเด็นแรกต้องมีสติ อย่าตื่นตระหนก เชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมา หลายคนยังคงกลัวอยู่ ขอแจ้งว่าอาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้นส่งผลกับประเทศไทยน้อยมากและมีขนาดเล็กมาก ซึ่งตามหลักแล้วจะไม่รู้สึก ประเด็นที่สอง ตึกที่ผ่านแผ่นดินไหวเมื่อวันศุกร์มาได้ น้ำหนักของคนที่ขึ้นไปน้อยมากเมื่อเทียบกับน้ำหนักของโครงสร้าง ตอนนี้น้ำหนักที่ตึกแบกอยู่คือตัวตึกเอง ถ้าแบกตัวเองได้โอกาสพังทลายแทบไม่มีเลย ขอย้ำว่าต้องตั้งสติให้ดี อย่ากังวลเกินเหตุ

“อาคารไหนที่พบรอยร้าวใหม่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน หรือเกิดความกังวลจริงๆ ให้โทร.แจ้งมาที่ 1555 เราจะส่งคนไปตรวจสอบ แต่รอยร้าวต้องพิจารณาให้ดีเพราะอาจเป็นรอยเก่าที่มีมาก่อนแผ่นดินไหว”

ดร.สุกันยาณี  ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันเช่นกันว่า การเกิดอาฟเตอร์ช็อกจากแผ่นดินไหวที่เมียนมาไม่ส่งผลกระทบต่อไทย โดยสถิติอาฟเตอร์ช็อกหลังเกิดแผ่นดินไหวในเมียนมาตั้งแต่ 28 มี.ค. เวลา 07.00 น.ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2568 เกิดรวม 207 ครั้ง อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบกับไทย และไม่ส่งผลให้เกิดการสั่นไหวของอาคารสูงในช่วงเช้าวันนี้

ในเวลา 12.40 น. ที่กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. ได้แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าที่ศูนย์ราชการฯ ว่า ได้ประสานไปยังกรมอุตุนิยมวิทยาและกองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว เพื่อตรวจสอบข้อมูลแผ่นดินไหว  ทราบว่าเมื่อเช้าของวันนี้ เวลา 09.29 น. และ 10.05 น. มีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้น ขนาดความรุนแรงอยู่ที่ 3.7 ศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ เมียนมา ซึ่งได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาว่า ไม่ส่งผลกระทบถึงความรู้สึกสั่นไหวถึงพื้นที่กรุงเทพฯ และได้สอบถามไปยัง ผวจ.เชียงใหม่ ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่รู้สึกสั่นไหว

“บกปภ.ช.ขอยืนยันให้ประชาชนทราบว่า อาฟเตอร์ช็อกที่เกิดขึ้นต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้จะไม่รุนแรงเท่า Main Shock ครั้งแรกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ศุกร์ที่ผ่านมา”นายภาสกรระบุ

ในเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธารเป็นประธานการประชุมติดตามและแก้ไขปัญหาการเตือนภัย SMS โดยนายกฯ ได้ไล่เบี้ยเรื่องส่งข้อความเตือน รวมทั้งการขอความร่วมมือเอกชนในเรื่องดังกล่าว โดยเมื่อเวลา 15.00 น. ในการประชุมได้มีการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือระบุว่า “นี่คือการทดสอบ การส่งข้อความของระบบ Cell Broadcast ผู้ได้รับปฏิบัติภารกิจตามปกติ THIS IS A TEST Cell Broadcast message. No action is needed”

แก้ระบบเตือนภัย

ต่อมาเวลา 15.05 น. ทันทีที่ น.ส.แพทองธารมาถึงจุดให้สัมภาษณ์ ได้สอบถามสื่อมวลชนว่าได้รับข้อความแจ้งเตือนหรือไม่ โดยสื่อมวลชนส่วนใหญ่แจ้งว่าไม่ได้รับข้อความ ขณะที่สื่อมวลชนบางคนตอบว่าได้ ก่อนระบุว่า วันนี้มาร่วมกันคิด เป็นการถอดบทเรียนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเราสามารถปรับปรุงแก้ไขตรงไหนได้บ้าง นี่คือสิ่งที่ได้ข้อสรุป เพราะ Cell Broadcast (CB) หรือวิธีการส่งข้อความสั้นๆ พร้อมกันไปยังผู้ใช้โทรศัพท์ จะมาในช่วงเดือน ก.ค. เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกจะทำอย่างไร

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องที่จะทำคือ 1.จะเปลี่ยนแปลงระบบระเบียบปฏิบัติประจำ หรือ Standard Operating Procedure (SOP) จากที่รับข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา โดยที่ ปภ.ไม่ต้องมาวิเคราะห์เรื่องข้อความอีก ซึ่งเคยใช้เวลา 1 ชั่วโมง โดยจะวางรูปแบบข้อความไว้เลย ต้องเป็นข้อความที่กระชับ เข้าใจง่าย  ซึ่งเรื่องของการส่ง SMS ที่ได้เฉพาะระบบแอนดรอยด์อยู่ ซึ่งมี 70 ล้านเบอร์ IOS อีก 50 ล้านเบอร์ ตอนนี้ กสทช.ก็ติดต่อกับ Apple ว่าให้สามารถรับข้อความได้เช่นกัน เพื่อที่จะขยายเบอร์ให้มากยิ่งขึ้น

นายกฯ กล่าวต่อว่า 2.ระหว่างรอ Cell Broadcast ระบบเต็ม ให้ใช้ระบบ Virtual Cell Broadcast (CBE) หรือส่งข้อความเสมือนจริงก่อน ซึ่งระบบแอนดรอยด์ ปภ.สามารถส่งข้อความผ่านโอเปอเรเตอร์ได้เลย ส่วนอีก 50 ล้านเลขหมายในระบบ IOS ให้ส่ง SMS ไปก่อน โดย ปภ.ส่งข้อความผ่านโอเปอเรเตอร์ได้เลย เพื่อกระจายสู่เบอร์ประชาชน โดยดีอี และ กสทช.จะเร่งเจรจากับ IOS เพื่อให้ใช้ระบบ Virtual Cell Broadcast ทั้งหมดนี้จะสามารถใช้ได้ในทันที

 “เมื่อสักครู่ที่ได้ทดลองจะมีเสียงเตือนดังขึ้นเหมือนเบอร์ที่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์น้ำท่วม พายุเข้า จะมีเสียงดังขึ้นที่โทรศัพท์เลย ไม่ว่าจะปิดเสียงอยู่หรือไม่ มันจะดังเตือนขึ้นมา ซึ่งเอาไว้เตือนในเรื่องสำคัญ เช่นแผ่นดินไหวหรือเหตุการณ์ใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้น” น.ส.แพทองธารกล่าว.