สวนดุสิตโพลเผย "ดัชนีการเมืองไทย" หลังศึกซักฟอก "อิ๊งค์" เรตติงร่วง! "เท้ง" แซง 10% ชี้การแก้ปัญหาความยากจนคะแนนต่ำสุด ชื่นชอบแจกเงินหมื่นเฟส 3 ศาลสั่งจำคุก "สิระ" 1 ปี ไม่รอลงอาญา ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 20 ปี เหตุลักไก่สมัคร สส.ปี 62 ทั้งที่รู้ขาดคุณสมบัติ แต่ให้ประกันตัวสู้คดีระหว่างอุทธรณ์
เมื่อวันที่ 31 มีนาคม สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนมีนาคม 2568” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,141 คน ระหว่างวันที่ 24-28 มีนาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนมีนาคม 2568 เฉลี่ย 4.95 คะแนน ลดลงจากเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ได้ 5.02 คะแนน
ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุดคือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.46 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุดคือ การแก้ปัญหาความยากจน เฉลี่ย 4.43 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือนคือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร้อยละ 45.53 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือนคือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาชน ร้อยละ 55.28 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือนคือ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 3 ร้อยละ 43.05 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือนคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ แพทองธาร ร้อยละ 66.28
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า คะแนนดัชนีการเมืองไทยเดือนมีนาคมลดลงต่ำกว่า 5 คะแนนอีกครั้ง หลังจบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เห็นชัดจากคะแนนผลงานฝ่ายค้านที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับคะแนนผลงานรัฐบาลที่ลดลงไปอยู่อันดับที่ 11 และผลงานนายกรัฐมนตรีไปอยู่อันดับที่ 14 แม้มีผลงานคืบหน้าแจกเงินหมื่นกลุ่มวัยรุ่น แต่ก็ยังไม่เพียงพอให้ประชาชนรู้สึกเชื่อมั่นจากการตอบคำถามในสภาฯ แต่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่เห็นการพัฒนาด้านการเมืองที่ชัดเจนขึ้นของตัวนายกรัฐมนตรี
ผศ.ยอดชาย ชุติกาโม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ดัชนีการเมืองไทยเดือนมีนาคม 2568 ลดลง สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นทางการเมืองของคนไทยที่ลดลง ทั้งนี้ในบรรดาตัวชี้วัดทั้ง 25 ตัว มีเพียง 6 ตัวชี้วัดที่มีคะแนนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อาทิ ผลงานของฝ่ายค้าน, การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ, การประพฤติตนและพฤติกรรมของนักการเมือง, การแก้ปัญหาการว่างงาน, ผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด แต่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญคือ เรื่องการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส โดยได้ 4.70 คะแนน เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ได้เพียง 4.61 คะแนน
ส่วนผลงานของนายกฯ นั้น ได้คะแนนลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้าน นายณัฐพงษ์มีคะแนนความนิยมเหนือนายกฯ แพทองธารกว่า 10% อย่างไรก็ดี รัฐบาลจะต้องไม่ลืมว่าการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่ผลโพลชี้ว่าการแก้ปัญหาความยากจนและราคาสินค้าได้รับคะแนนลดลงมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่นายกฯ ควรให้ความใส่ใจมากกว่าการรับฟังข้อมูลจากผู้ใต้บังคับบัญชา โดยปราศจากความเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.3200/2566 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิระ เจนจาคะ อดีต สส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นจำเลยฐานกระทำผิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560, พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 4, 42 (12), 151 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 มาตรา 9 (5), 24, 25 พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งของจำเลย 20 ปีด้วย
โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2562 จำเลยได้บังอาจลงลายมือชื่อสมัครรับเลือกตั้ง สส. เขต 9 กทม. โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. อันเป็นลักษณะต้องห้าม เนื่องจากจำเลยเคยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ให้จำคุก 4 เดือน ฐานฉ้อโกง อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ตามคดีอาญาหมายเลขดำ อ 812/2538 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2218/2538 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2538
โดยนายสิระเดินทางมาเข้าฟังการพิพากษาในเวลา 09.00 น. แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว
ต่อมาที่ห้องพิจารณา 903 ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า คำเบิกความของพยานโจทก์และพยานหลักฐานพบว่า จำเลยต้องโทษคำพิพากษาถึงที่สุดที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงปทุมวันว่าคดีที่ พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนต่อนายสิระ ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์จำนวน 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 เป็นความผิด 2 กระทง จำคุกกระทงละ 4 เดือน รวม 8 เดือน คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 4 เดือน ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าจำเลยต้องโทษคำพิพากษาคดีถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน จำเลยจึงเป็นบุคคลต้องห้ามไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สส.
เห็นว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักและน่าเชื่อถือเพียงพอ ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นเพียงการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ เชื่อว่าจำเลยรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติสมัครรับเลือกตั้ง เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง
พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. พ.ศ. 2561 มาตรา 4, 42 (12), 151 ให้ลงโทษจำคุก 1 ปี และให้เพิกถอนสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้ง 20 ปี นับตั้งแต่วันที่มีคำพิพากษา
ต่อมาทนายความของนายสิระได้ยื่นหลักทรัพย์ต่อศาลเพื่อขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้นายสิระ จำเลย ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 110,000 บาท.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท

