สส.ส้มเสนอใช้ตึกถล่ม ล้างพิษร้าย ‘ประยุทธ์’!

ตะลึง! สส.พรรคส้มไอเดียบรรเจิด  ใช้เหตุตึก สตง.ถล่ม ยกเครื่องใหญ่แก้รัฐธรรมนูญและการปฏิรูปรัฐราชการ เชือดองค์กรอิสระเพราะมาจากรัฐบาลประยุทธ์ ตัวไม่อยู่แล้วแต่พิษร้ายที่ทิ้งไว้มันกัดกร่อนระบอบประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความระบุว่า คำถามที่อยู่ในใจประชาชนทั้งประเทศตอนนี้ คือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นแบบนี้ นอกจากวิจารณ์แล้ว  ประชาชนทำอะไรได้บ้าง คำตอบ คือประชาชนทำอะไรไม่ได้เลย และแม้กระทั่งตัวแทนจากประชาชนโดยตรง อย่าง สส. ก็ทำอะไรไม่ได้  เพราะผู้ตรวจเงินแผ่นดินแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และ สตง. ในส่วนคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินที่มาเริ่มจากการสรรหาแล้ว สว.จะเป็นคนโหวตรับรองแต่งตั้ง ส่วน สตง.เป็นข้าราชการที่รับนโยบายจากคณะกรรมการ พูดง่ายๆ คือสำนักงานจะทำงานแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับแนวทางที่คณะกรรมการวางให้

น.ส.รักชนกระบุอีกว่า รัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2560 รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ฉบับคนดีย์ที่มาจากการรัฐประหาร กำหนดให้มีองค์กรอิสระ 5 องค์กร ได้แก่ 1.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 2.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 3.คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 4.คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) 5.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  ซึ่งทั้งหมดนี้จะแต่งตั้งโดย สว.ซึ่งไม่ได้มีที่มาจากประชาชน และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ให้อำนาจอะไรประชาชนหรือสภาผู้แทนราษฎรสามารถถอดถอนองค์กรอิสระได้เลย ยกเว้น ป.ป.ช. ที่ถอดถอนได้ผ่านการเข้าชื่อแล้วส่งผ่านไปยังประธานสภาฯ

ถ้าถามว่าทำไมถอดถอนองค์กรอิสระไม่ได้  มันเป็นแบบนี้มาตลอดเลยหรือ คำตอบคือไม่ใช่  เพราะในอดีต รัฐธรรมนูญฉบับคนธรรมดา ฉบับ พ.ศ.2540 และฉบับ พ.ศ.2550 ให้อำนาจประชาชนและ สส.ถอดถอนองค์กรอิสระได้ เช่น ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 สส.จํานวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 50,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องประธานวุฒิสภา เพื่อให้ สว.มีมติถอดถอนบุคคลในองค์กรอิสระออกจากตําแหน่งได้ ขณะที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ให้ประชาชนจำนวน 20,000 คนขึ้นไป และ สส.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของสภาผู้แทนราษฎร สามารถยื่นถอดถอนองค์กรอิสระโดยยื่นประธานวุฒิสภา ส่วนรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ไม่ได้ให้อำนาจประชาชน

“ต้องย้ำว่าที่มาขององค์กรอิสระที่ทำให้ประเทศเป็นแบบนี้ คือรัฐบาลประยุทธ์ ทุกองค์กรทุกคนถูกสรรหาและถูกเลือกมาโดย สว.ที่ประยุทธ์สั่งซ้ายหันขวาหันได้ แน่นอนกว่าตอนนี้ตัวไม่อยู่แล้ว แต่พิษร้ายที่ทิ้งไว้มันจะกัดกร่อนระบอบประชาธิปไตย และกัดกินประเทศเราให้ถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ เราจะแก้กันจริงๆ จังๆ ได้หรือยัง นี่คือโอกาสอันดีที่สุดของรัฐบาล เพราะตอนนี้ประชาชนทั้งประเทศเห็นตรงกันว่าต้องแก้ปัญหา แต่ทุกคนไม่รู้ว่ารากที่แท้จริงของมันคืออะไรกันแน่ ทุกคนจึงได้แต่โฟกัสกับยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่เราจะแก้แบบลูบหน้าปะจมูกไม่ได้ เพราะสุดท้าย ปัญหาเดิมมันก็จะกลับมากำเริบใหม่อยู่ร่ำไป อยากให้รัฐบาลเพื่อไทยหยิบเอาโอกาสนี้ที่หนองฝีมันกำลังแตก วิกฤตมันสะท้อนให้เห็นแล้วว่ารัฐราชการที่รวมศูนย์และแข็งตัวไม่สามารถตอบสนองต่อปัญหาที่มาอย่างฉับพลันได้ ควรถือเอาโอกาสนี้ยกเครื่องใหญ่ไปเลย ทั้งเรื่องแก้รัฐธรรมนูญและการปฏิรูปรัฐราชการ!” น.ส.รักชนกระบุ

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมสอบสวนสาเหตุอาคาร สตง.แห่งใหม่ถล่มว่า เรื่องนี้เป็นกระบวนการ ซึ่งหากได้เห็นการแถลงของนายกฯ โดยหากได้ติดตามการทำงานของนายกฯ ที่ผ่านมา ที่ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานดำเนินการ และในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ก็มีคำสั่งให้ทุกกระทรวง ว่าให้ใครรับผิดชอบอะไรบ้าง ขออย่าคิดว่าเป็นเรื่องตึกถล่มและจะดำเนินการอย่างไร 

วันเดียวกันนี้ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลชุดช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเหตุแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา โดยกองทัพไทย ผลัดที่ 2 เพื่อเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสนับสนุนการช่วยเหลือประเทศเมียนมาจากเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหว โดยใช้ชื่อยุทธการ “มัณฑะเลย์ 82” ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมด้วย

สำหรับการเดินทางครั้งนี้ นับเป็นผลัดที่ 2  โดยมีกำลังพลผลัดละ 55 นาย แบ่งออกเป็น  ส่วนกองบังคับการควบคุม 5 นาย, ส่วนประสานงาน 4 นาย, หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน MERT 22 นาย, ช่างโยธา 12 นาย, หน่วยค้นหาและช่วยเหลือ 6 นาย, หน่วยสนับสนุนทั่วไป 6 นาย และหน่วยรักษาความปลอดภัยอีก 6 นาย เพื่อไปปฏิบัติภารกิจเป็นเวลาประมาณผลัดละ 8 วัน โดยมีภารกิจหลักอยู่ 2 อย่างคือ ภารกิจทางการแพทย์ ที่ต้องให้ความช่วยเหลืออย่างน้อย 100 คนต่อวัน  และภารกิจทางการช่าง ที่ต้องสร้างที่พักพิงชั่วคราว 30 หลังต่อวัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผุด‘ฉก.อินเตอร์’ ปราบแก๊งคอลฯ ‘พท.’ฟุ้งคุม‘มท.’

ผบ.ทสส.เตรียมจัดตั้ง “ฉก.นานาชาติ” ล้างบางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “ดนุพร” ขย่มเชื่อ  3 เดือนข้างหน้าอาชญากรรมจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังเพื่อไทยกุมบังเหียนมหาดไทย