5จังหวัดอย่าตกใจ ประเดิมเตือนภัย เซลล์บรอดคาสต์

รัฐบาลขอ ปชช. 5 จังหวัดอย่าตกใจ ประเดิมทดลองแจ้งเตือนภัยผ่านเซลล์บรอดคาสต์ "ดีเอสไอ" ร่วมกับโยธาธิการฯ-สตง.-กิจการร่วมค้า ตรวจเอกสาร 121 ลัง หาหลักฐานมัดคดีนอมินี-ฮั้วประมูลตึกถล่ม สอบ 25 วิศวกร เจอปลอมลายเซ็น 19 ราย

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษากองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บก.ปภช.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 พ.ค. เวลา 13.00 น. จะมีการทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยผ่านระบบเซลล์บรอดคาสต์เป็นครั้งแรก โดยทดสอบในระดับเล็ก ครอบคลุมพื้นที่นำร่อง 5 แห่ง ได้แก่ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย, ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี, ศาลากลางจังหวัดสุพรรณบุรี, ศาลากลางจังหวัดสงขลา และอาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ  อาคาร A และ B ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ส่งตรงเข้าโทรศัพท์มือถือทุกเครื่องที่อยู่ในพื้นที่ทดสอบ โดยจะมีเสียงสัญญาณดังขึ้นแม้โทรศัพท์จะปิดเสียง ซึ่งอาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก จึงขอย้ำเตือนสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับสัญญาณเตือนดังกล่าวว่าเป็นการทดสอบระบบ

ส่วนครั้งที่ 2 จะมีขึ้นในวันพุธที่ 7 พ.ค. เวลา 13.00 น. เป็นการทดสอบระดับกลาง ครอบคลุม 5 พื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองฯ จ.ลำปาง, อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา, อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์, อ.เมืองฯ จ.สุราษฎร์ธานี และเขตดินแดง กรุงเทพฯ และครั้งที่ 3 ในวันอังคารที่ 13 พ.ค. เวลา 13.00 น. ทดสอบระดับใหญ่ โดยจะแจ้งเตือนในรูปแบบเต็มพื้นที่ระดับจังหวัด 5 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่, จ.อุดรธานี, จ.พระนครศรีอยุธยา, จ.นครศรีธรรมราช และกรุงเทพฯ ทั้งนี้ เมื่อเสร็จสิ้นการทดลองระบบทั้ง 3 ครั้งแล้ว ปภ.จะดำเนินการทดลองระบบในระดับประเทศทั้ง 77 จังหวัดพร้อมกันต่อไป

ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 14.30 น. ภายหลังดีเอสไอนำโดย ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 32/2568 กรณีความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542, พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค, พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองคดีฮั้วประมูล), นางภัทรพร วิจิตรทัศนา ผอ.ส่วน 2 กองคดีฮั้วประมูล ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง ผู้แทนสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ผู้แทนกิจการร่วมค้า PKW ผู้แทนกิจการร่วมค้า ITD-CREC และบริษัทสัญญาการออกแบบ ประกอบด้วย ผู้แทนจากบริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเอกสาร 121 ลัง ซึ่งได้มาจากการอายัด 26 ตู้คอนเทนเนอร์ ภายในไซต์งานชั่วคราวอาคารก่อสร้างตึก สตง.

โดยใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและผู้แทนกิจการร่วมค้า ได้ร่วมกันตรวจสอบเอกสารทั้งหมดและจำแนกเอกสารเสร็จสิ้นเรียบร้อย โดยภายใน 1 ลังเอกสาร ประกอบด้วย 6 แฟ้ม ทั้งนี้ มีรายงานว่าเอกสารบางส่วนได้ถูกนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในสำนวนคดี

ส่วนการเรียกสอบปากคำพยานวิศวกร มาครบทั้ง 8 ราย รวมสอบสวนแล้ว 25 ราย ซึ่งในวันที่ 2 พ.ค. จะเป็นวันสุดท้ายสำหรับการสอบสวนปากคำพยานวิศวกรอีก 10 รายที่เหลือ โดยได้รับการสรุปผลดังนี้ วันที่ 29 เม.ย.68 มีพยานวิศวกรมาพบพนักงานสอบสวน 7 ราย ให้การยอมรับว่ามีการปลอมลายเซ็น 6 ราย และยอมรับว่าเป็นลายเซ็นของตนเองจริง 1 ราย ส่วนวันที่ 30 เม.ย.68 วิศวกรเข้าพบ 10 ราย ยอมรับว่ามีการปลอมลายเซ็น 6 ราย และเป็นลายเซ็นของตนเองจริง 4 ราย ส่วนวันที่ 1 พ.ค.68 วิศวกร 8 ราย ยอมรับว่ามีการปลอมลายเซ็น 7 ราย และเป็นลายเซ็นของตนเองจริง 1 ราย

ต่อมาเวลา 14.55 น. ผู้แทน สตง.ได้เดินออกจากห้องตรวจสอบเอกสาร ผู้สื่อข่าวจึงได้พยายามเข้าไปสอบถามว่า วันนี้ตรวจสอบเอกสารเสร็จสิ้นแล้วใช่หรือไม่ แล้วเป็นเอกสารประเภทใดบ้าง ทางผู้แทน สตง.ตอบว่า “ตรวจเสร็จแล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นเอกสารของผู้รับจ้างตามที่ตรวจพบในตู้คอนเทนเนอร์" 

เมื่อถามว่า ตรวจสอบพบความผิดปกติได้หรือไม่ ผู้แทน สตง.ระบุว่า "ยังไม่ทราบ ยังไม่ได้พิจารณา โดยเอกสารที่เป็นของตู้คอนเทนเนอร์ สตง.มีทั้งหมด 30 ลัง ซึ่งมีจำนวนเยอะ ทั้งนี้ เอกสารทั้งหมดไม่ได้ถูกพิจารณานำเข้าสำนวนของดีเอสไอทั้ง 30 ลัง แต่มีนำเข้าบางส่วน และคืนกลับมาบางส่วน"

ขณะที่เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง  ผู้แทนกิจการร่วมค้า PKW ผู้แทนกิจการร่วมค้า ITD-CREC ต่างเดินทางกลับเรียบร้อยแล้ว.