
อัยการภาค 6 สั่งไม่ฟ้อง "พอล แชมเบอร์ส" คดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตามมติคณะทำงานกลาง ยื่นศาลขอปล่อยตัว "วินธัย" โผล่แจง "กมธ.ความมั่นคงฯ" ยัน "กองทัพ" ไม่มีไอโอ รับเป้าหมายติดตาม เพื่อชี้แจงความเข้าใจผิดต่อทหาร ปัดเอี่ยวเพจด่านักการเมือง ท้าหากเจอแจ้งดำเนินคดีเลย
เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลก สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองพิษณุโลก คดีระหว่าง พ.อ.มงคล วีระศิริ ผู้กล่าวหา ดร.พอล แซมเบอร์ส (Dr.Paul Chambers) ผู้ต้องหา ข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
และข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 6 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2), 20 ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาจะครบกำหนดฝากขัง ครั้งที่ 2 ในวันที่ 1 พ.ค.2568
นายศักดิ์เกษมกล่าวว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญ ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด อธิบดีอัยการภาค 6 มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 6 ตามความเห็นและมติของคณะทำงานกำหนดแนวทางการบังคับใช้กฎหมายในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
พนักงานอัยการจังหวัดพิษณุโลกจะได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก พร้อมทั้งดำเนินการส่งสำนวนพร้อมความเห็นและคำสั่งไม่ฟ้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 6 เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นแย้งในคำสั่งไม่ฟ้องหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1 ต่อไป
ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อะไรยังไง "อานนท์" งง พนักงานสอบสวนขอออกหมายจับ ศาลออกหมายจับให้ตามพนักงานสอบสวนขอ เพราะมีเหตุผลหลักฐานเพียงพออัยการสั่งฟ้อง อธิบดีอัยการสั่งไม่ฟ้อง ผมอยากอ่านสำนวนฟ้องทั้งหมดของพนักงานสอบสวนแล้วครับ กลางทางของกระบวนการยุติธรรม ทำไมแย้งกันเองมากระหว่าง พนักงานอัยการ กับอธิบดีอัยการ พนักงานสอบสวนที่พิษณุโลก จะให้ช่วยอะไร ก็โทรหาอานนท์ได้นะครับ เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในคดีมาตรา 112 มาเป็นร้อยคดีแล้ว ผมขออ่านสำนวนและพิจารณาหลักฐานอย่างรอบคอบแล้วจะแนะนำอย่างตรงไปตรงมาครับ ว่าควรทำอย่างไร โทรมาได้เลยครับ
ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ วาระการพิจารณาศึกษาปฏิบัติการข่าวสาร หรือ IO ทางสื่อสังคมออนไลน์ของหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ส่งผลกระต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดย พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า กองทัพบกไม่มีการทำ IO แต่คำนี้เกิดขึ้นกับทั่วโลก ซึ่งใช้ปฏิบัติการทางทหาร คือการใช้ IO เป็นเครื่องมือสื่อสารในการรบ และอยู่ในภารกิจป้องกันประเทศ เมื่อมาอยู่ในประเทศไทย กองทัพจึงใช้ในการเสริมสร้างความเข้าใจ และแก้ไขในสิ่งที่เข้าใจผิด ด้วยวิธีประชาสัมพันธ์ หากพบว่าไม่ถูกต้องเหมาะสม ก็มีขั้นตอนการดำเนินการอยู่แล้ว เช่น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และเรื่องการหมิ่นประมาท ที่ดำเนินการได้อยู่แล้ว โดยขั้นตอนในการดำเนินการมีเป้าหมายคือ บุคคลที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก ซึ่งอาจรวมไปถึงนักการเมือง หรือนักวิชาการด้วยที่จะอยู่ในกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากสังคมให้ความสนใจ
พล.ต.วินธัยยืนยันว่า การติดตามจากกองทัพไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะสุดท้ายเราจะต่อสู้กันด้วยข้อเท็จจริง ดังนั้น หากความเข้าใจผิดเกิดจากเป้าหมายดังกล่าว ก็จะต้องเร่งชี้แจงก่อน พร้อมยอมรับตรงๆ ว่า เป้าหมายอื่น คือผู้ที่มีทัศนคติไม่ดีกับทหาร โดยมีความต้องการที่สังคมรับรู้ข้อมูลอีกด้านหนึ่ง ย้ำว่าไม่ได้โกรธหรือตั้งตัวเป็นคู่ขัดแย้ง และยอมรับว่ากองทัพบกใช้อินฟลูเอนเซอร์ในช่องทางออนไลน์ แต่ทำในลักษณะเปิดเผย ส่วนข้อมูลต่างๆ ที่ออกมาโจมตีนักการเมือง โดยมีการแอบอ้างว่าเป็นทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นนั้น พล.ต.วินธัยยืนยันว่า ไม่ใช่หน่วยงานกองทัพ และหากพบเหตุในลักษณะนั้น ก็สามารถดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้เลย
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ แถลงว่า เอกสารของ กอ.รมน.ที่มีการสรุปข่าว และประเมินเป็นประจำ พบปัญหาว่ามีการสรุปข้อมูลข่าวสาร และการกระจายต่อ ในลักษณะที่เป็นการกล่าวหาและใส่ความเท็จต่อบุคคลต่างๆ ทั้งยังมีการจัดหมวดหมู่ต่างๆ เช่น กลุ่มบุคคลที่แอบอ้างสถาบันฯ ใช้หาประโยชน์ ซึ่งมีชื่อของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม อยู่ในรายชื่อ ทั้งยังมีการรวมรายชื่อกลุ่มต่อต้านสถาบันฯ ที่เพจของพรรคประชาชนรวมอยู่ในกลุ่มนี้
เอกสารชิ้นนี้ กอ.รมน.ยอมรับว่าเป็นเอกสารจริง ไม่มีข้อโต้แย้งหรือถกเถียงว่าเอกสารนี้ปลอม แต่ กอ.รมน.ปฏิเสธว่า ในส่วนเนื้อหาเป็นการกระทำที่ผิดพลาดของคนใน กอ.รมน. และข้อมูลบางอย่างก็เป็นข้อมูลที่ปรากฏอยู่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเราไม่ทราบว่าขั้นตอนที่นำข้อมูลมานั้น นำมาจากส่วนไหน หรือเพจใดบ้าง เนื่องจากไม่ปรากฏอยู่ในรายละเอียด
คณะกรรมาธิการฯ จึงตั้งข้อสังเกตว่า หากเกิดข้อผิดพลาดจริงต้องมีการลงโทษผู้กระทำความผิด เพราะความผิดปกติของการใส่ร้ายนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นในหลายครั้ง และการจะบอกว่าเป็นการผิดพลาดหลายๆ ครั้งนั้น จึงดูไม่น่าเป็นความผิดพลาด แต่อาจเป็นความจงใจที่ทำให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายการเมือง ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตาม ซึ่งเอกสารเหล่านี้ต้องมีการลงนามโดยบุคคลสำคัญใน กอ.รมน.หลายคน ดังนั้นจึงสามารถเอาผิดได้เลย เบื้องต้นเรายืนยันว่า ถ้า กอ.รมน.บริสุทธิ์ใจ ไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสี สร้างความแตกแยกทางการเมืองหรือสังคม ต้องมีบุคคลที่รับผิดในเรื่องนี้
สำหรับกรณีการใช้ IO ขอแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ คณะทำงานพิเศษ ทบ. ซึ่งในโครงสร้างคณะทำงานพิเศษนั้น มีข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้อง ปรากฏชื่อ พล.อ.ธรรมนูญ วิถี รองผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ระบุเป็นหัวหน้าคณะทำงานพิเศษนี้ และ พล.ต.วินธัยก็ยอมรับว่าคณะทำงานพิเศษชุดนี้มีอยู่จริง แต่ทาง ทบ.ปฏิเสธ โดยยืนยันว่าไม่มีการดำเนินการใดๆ ในลักษณะที่ใส่ร้ายป้ายสีหรือสร้างความแตกแยกทางการเมือง ที่เราเรียกกันว่าปฏิบัติการ IO เลย ทำเต็มที่เพียงเผยแพร่และประชาสัมพันธ์งานของกองทัพบกเท่านั้น อาจมีเพียงการส่งต่อไปยังอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ ซึ่งเรายังไม่ทราบรายชื่อ โดยส่งต่อผ่านผู้สื่อข่าวที่ติดตามกองทัพเป็นประจำ
"คณะกรรมาธิการฯ จะมีการทำหนังสือไปถึงหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอคำชี้แจงอธิบายที่ชัดเจนเรื่อง IO พร้อมทั้งแจ้งเรื่องไปยังผู้ตรวจการแผ่นดิน และ ป.ป.ช. หวังให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป" นายรังสิมันต์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พสกนิกรซาบซึ้ง ‘พระพันปีหลวง’ ทรงให้ไร้ข้อแม้!
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
จับตาสว.เคาะ2ป.ป.ช. ผุดกมธ.คุ้ยชีวิต2กกต.
จับตาสภาสูงโหวต 2 ป.ป.ช.ใหม่พุธนี้ วัดใจ สว.สีน้ำเงินให้ผ่านหรือตีตกสองบิ๊กตุลาการ
คนกรุงเทพฯเอือม‘พท.’ ปชน.แชมป์โพลต่อเนื่อง
คนกรุงเอือมเพื่อไทยชัดเจน นิด้าโพลเผย “จุลพันธ์” ติดโผนายกฯ อันดับ 5
เพื่อไทยโวปักธง‘สุพรรณบุรี’
"ยศชนัน" นำทัพเพื่อไทยประเดิมหาเสียง "อยุธยา-สุพรรณฯ" ประกาศปักธงไม่สนบ้านใหญ่
ลั่น‘ไทย’เชื่อตัวเอง อนุทินกร้าวไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม/นย.เสียขารายที่8
“อนุทิน” ลั่นยังไม่ให้ประเทศไหนเข้ามาเป็นคนกลางเจรจา เป็นเรื่องระหว่างไทยกับกัมพูชาโดยตรง ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
ยึดเนิน350ได้แล้ว! ร่าง2ทหารกล้ากลับมาตุภูมิ/ส่งสัญญาณเตือนชนชั้นนำเขมร
ข่าวดี! ทหารไทยควบคุมเนิน 350 ได้แล้ว อยู่ระหว่างการสถาปนาความมั่นคง นำร่าง 2 วีรบุรุษกลับมาตุภูมิ ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ ตรวจพบการปะทะเป็นระยะ

