แฉดูด‘ลุงป้อม’ บิ๊กพลังประชารัฐเผยเพืิ่อไทยชวนไปร่วมรัฐบาล

รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเผย  ระดับบิ๊กในพรรคเพื่อไทยชวนไปร่วมรัฐบาล  ติดต่อผ่าน "ลุงป้อม" ด้วย แต่ยันไม่ร่วมหากไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ ลั่น 19 สส.ไม่ย้ายไปไหน เป้าหมายสมัยหน้า 60 ที่นั่ง ด้าน "เสธ.หิ" โชว์ผลงานชิ้นโบแดงของ "พีระพันธุ์" ฝ่าฟันอุปสรรค ลดค่าไฟ-สร้างความมั่นคงพลังงาน ไม่แปลกใจถูกโจมตี ทำลายชื่อเสียงจากผู้เสียประโยชน์ หวังเขี่ยพ้นตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2568 นายชัยมงคล  ไชยรบ สส.สกลนคร รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ระบุจะเปิดตัวกลุ่มบุคคลจากพรรคฝ่ายค้าน โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐว่า เพิ่งจะมีการคุยเรื่องนี้กันในพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ในการประชุมใหญ่ที่ผ่านมา ซึ่งคุยทั้งส่วนตัวและกลุ่ม และได้แจ้งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐทราบว่าจะมีคนย้ายมาอยู่กับเรามากพอสมควร  โดยมาจากหลายที่ ยืนยันว่าของพรรคพลังประชารัฐไม่มีไปที่นั่น เพราะเราคุยกันชัดเจนว่าทุกคนยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ สกรีนกันทั้งหมดทุกคน ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าจะอยู่ร่วมกัน ลงเรือลำเดียวกันจนวันสุดท้าย

เขาเผยว่า ในวันดังกล่าวมีการพูดคุยกันถึงจุดยืนว่าจะก้าวไปด้วยกัน และมีการวางแผนการเลือกตั้ง มีการเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ใครรับผิดชอบตรงไหนอย่างไร มีการแบ่งงานกันเรียบร้อย ส่วนคนที่อยู่ในข่าวที่มีการคาดการณ์กันว่าจะไปนั้น ก็ได้รับมอบหมายงานไปแล้วเรียบร้อย ส่วนตัว สส. ตนก็คุยแล้วเรียบร้อย หัวหน้าทีมก็คุยแล้วเรียบร้อย ทุกคนยังเหมือนเดิม ยืนยันว่าไม่มีใครไปสักคน

ผู้สื่อข่าวถามว่า พอเปิดเผยได้หรือไม่ว่าบุคคลที่มีข่าวว่าจะไปคือใคร รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตอบว่า คนเหล่านี้ก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลการเลือกตั้ง ทั้ง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค ซึ่งตนจำไม่ได้หมด แต่ประมาณนี้

เมื่อถามว่า เมื่อ พล.อ.ประวิตรได้ถามทุกคนแล้วได้เน้นย้ำอะไรหรือไม่ นายชัยมงคลเผยว่า  หลังจากประชุมใหญ่พรรคเสร็จแล้วเราก็นั่งคุยกัน ความจริงเราก็คุยมาก่อนหน้านั้นแล้ว โดยทุกคนมีความมั่นใจ แน่นอนว่าเราทุกคน สส.ที่เหลืออยู่ 19 ชีวิต จะเดินทางทางการเมืองด้วยกัน มั่นคงไปด้วยกัน เป็นตายไปด้วยกัน นี่คือสิ่งที่เราให้สัจจะวาจาไว้ต่อกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ซึ่งยอมรับว่ามีการติดต่อกันในการที่จะให้เข้าร่วมรัฐบาล  ทั้งติดต่อผ่านทางตนทั้ง พล.อ.ประวิตรด้วย เขาโทร.มาหา พล.อ.ประวิตรว่าจะเข้ามาร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรพูดมาตั้งแต่ก่อน 2-3 เดือนแล้ว โดยมีการคาดการณ์กันไว้ว่ารัฐบาลต้องมีปัญหา ซึ่งเรายืนยันชัดเจนแล้วว่าไม่ร่วมหากไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ

ถามย้ำว่า ใครที่ติดต่อ พล.อ.ประวิตร นายชัยมงคลตอบเลี่้ยงว่า อย่าให้บอกเลย ตนก็ได้รับการติดต่อเหมือนกัน โดยคนที่ติดต่อมานั้นมาจากพรรคเพื่อไทย มีการติดต่อจริง โดยมีการติดต่อว่าหากเข้าร่วมรัฐบาลก็ให้ไปทั้งพรรค ซึ่ง พล.อ.ประวิตรยืนยันชัดเจนว่าไม่ไปร่วม เมื่อเราไม่ไปร่วมรัฐบาลชัดเจนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็มีปัญหา ซึ่งถ้าเราเข้าไปเรามองว่าเท่ากับว่าเราไปเสริมให้คนอยู่ในอำนาจ โดยที่คนที่เป็นผู้ใช้อำนาจตรงนั้นก็คือหัวหน้ายังไม่มีศักยภาพเพียงพอในการแก้ไขปัญหาประเทศ แต่ถ้าการปรับแล้วบ้านเมืองมันดีขึ้นก็ไม่เป็นไร

ซักว่า พล.อ.ประวิตรได้ให้กำลังใจกับสมาชิกพรรคอย่างไรบ้างในการประชุมใหญ่พรรคที่ผ่านมา รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐชี้แจงว่า เราอยู่ด้วยความอบอุ่นและจริงใจ เพราะเราอยากให้ท่านมีความสุขในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ทุกคนพร้อมที่จะทำงาน ทุกคนทำงานที่ได้รับมอบหมายกันอย่างเต็มที่

เป้าหมายอยู่ที่ 60 ที่นั่ง

เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรยังพร้อมที่จะสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายชัยมงคลกล่าวว่า  ท่านพูดว่าอย่างไรเราก็ไปด้วยกัน เป้าหมายอยู่ที่ 60 ที่นั่ง เราต้องทำให้ได้ ตอนนี้แม้ว่าเราจะเหลือ 19 คน แต่เราจะเพิ่มเข้ามา อย่าง สส.จังหวัดไหนมี 1 คน ก็ต้องเพิ่มให้ได้อีก 1 คน ส่วนคนที่จะเข้ามาร่วมกับเรานั้น ได้มีการวิดีโอคอลมาคุยกับ พล.อ.ประวิตรเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้มาตอนนี้ เราค่อนข้างมั่นใจว่าในระดับผู้ใหญ่คงมีการประสานงานกัน บางคนอยู่พรรคอื่นอาจจะอึดอัด  แต่มันยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะแสดงตัวตอนนี้

"คนที่ติดต่อมาเป็นฝ่ายรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย ส่วนของฝ่ายค้านไม่มี เพราะเราไม่เอาของเพื่อน เราไม่ตกปลาในบ่อใคร เราไม่ต้องการให้คนที่จะมาอยู่กับเราเป็นงูเห่า ถ้าจะมาต้องมาด้วยอุดมการณ์" นายชัยมงคลกล่าว

ด้านนายหิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความในหัวข้อ “ผลงานเป็นที่ประจักษ์” พร้อมระบุว่า “ตั้งแต่ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สิ่งที่ท่านพยายามทำคือ การสร้างความมั่นคงทางพลังงานและพลังงานราคายุติธรรมเพื่อประชาชน การควบคุมราคาน้ำมัน พยายามปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน การปรับลดค่าไฟฟ้า ตรึงราคาแก๊ส ซึ่งมีปัญหาอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะการพยายามปรับลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท เพื่อส่งเสริมการแข่งขันทางด้านอุตสาหกรรมกับต่างประเทศ ตลอดจนลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน การประกาศนโยบายด้านการปรับลดราคาพลังงานช่วงแรกๆ ก็มีเสียงต่อต้านว่ามันเป็นไปไม่ได้ โครงสร้างเดิมของราคาไฟฟ้า ถ้าจำไม่ผิดน่าจะขึ้นไปถึง 4.6-4.7 บาท เมื่อท่านตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.1 กว่าๆ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าท่านจะทำให้ระบบโครงสร้างค่าไฟฟ้าเสียหาย จะตรึงได้แค่ระยะเวลาสั้น รัฐต้องเสียเงินชดเชยมากมาย แต่ในปัจจุบัน ท่านก็สามารถทำได้จริงโดยการใช้ระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถลดราคาค่าไฟฟ้าได้ตามนโยบาย และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี ที่ท่านสามารถทำให้มีการประกาศราคาค่าไฟฟ้าลงไปต่ำกว่า 4.00 บาท

โจมตีและด้อยค่าผลงาน

นายหิมาลัยกล่าวว่า แน่นอนครับ ค่าไฟฟ้าที่ลดลงไปนั้นจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีต้นทุนที่ลดลง ธุรกิจการค้าของประชาชนทั่วไป เช่น ร้านค้ารายย่อย แผงลอย วินมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ ค่าไฟฟ้าที่ลดลงไปนั่นหมายถึงกำไรที่เพิ่มขึ้นหรือรายรับที่เพิ่มขึ้น เป็นการกระจายรายได้ ที่รวดเร็วและเข้าถึงประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าทุกท่าน  ท่านพีระพันธุ์ทราบดีว่านี่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ซึ่งเมื่อท่านพ้นตำแหน่งไปแล้ว หากยังใช้โครงสร้างราคาพลังงานในระบบนี้อยู่ ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าแก๊ส ก็มีโอกาสที่จะขึ้นราคา เหมือนก่อนหน้านี้ ท่านจึงมีแนวความคิดในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบ รวมทั้งระบบการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรมมากขึ้น จึงได้มีความพยายามที่จะเสนอกฎหมาย เพื่อความมั่นคงของพลังงานและโครงสร้างราคาที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน

“จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีการโจมตี ทำลายภาพพจน์และชื่อเสียง ปล่อยข่าวลือต่างๆ เพื่อให้ท่านพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนที่กฎหมายต่างๆ ที่ท่านพยายามเสนอจะได้รับการบรรจุเข้าวาระของ ครม. ซึ่งถ้าหากกฎหมายพวกนี้สามารถผ่านสภา ออกมาบังคับใช้ได้ ก็จะทำให้ราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ราคาแก๊ส มีความเป็นธรรมและมั่นคงมากขึ้น ท่านพีระพันธุ์พูดกับผมเสมอว่า ถ้าเราทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติแล้ว หากมีปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากผู้เสียผลประโยชน์ เราก็ต้องยอมรับและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน ที่สำคัญที่สุดคือเรากล้าหาญที่จะทำตามหน้าที่หรือไม่ ครั้งหลังสุดนี้ มีการประกาศลดค่าไฟฟ้า ลงมาที่ราคา 3.98 บาท ซึ่งเกิดจากความพยายามของท่าน ที่ไม่ยอมแพ้ แม้มีอุปสรรคมากมาย สิ่งที่เกิดขึ้นเวลานี้ มีการออกข่าวโจมตีและด้อยค่าผลงานอย่างต่อเนื่อง” นายหิมาลัยระบุ

นายหิมาลัยกล่าวด้วยว่า ขอขอบคุณทุกๆ  กำลังใจที่กรุณามอบให้ท่านพีระพันธุ์ และพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นอย่างสูง ขอให้ท่านทั้งหลายมั่นใจได้ว่า ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะทำหน้าที่เป็นนักรบพลังงานเพื่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนจนวินาทีสุดท้าย

ต้องอดทนและยืนหยัด

ขณะที่ นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ  (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพีระพันธุ์ถูกยื่นตรวจสอบการถือหุ้นในบริษัทเอกชน รวมถึงถูกโยงกับกระแสข่าวที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กําลังไต่สวนคดีถุงยังชีพ จะกระทบต่อพรรคหรือไม่ ว่านายพีระพันธุ์ชี้แจงได้หมดอยู่แล้ว ทั้งเรื่องการถือหุ้น และเรื่องที่ถูกร้องเรียนใน ป.ป.ช. ซึ่งในข้อเท็จจริงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง นายพีระพันธุ์พร้อมชี้แจงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อถึงเวลาแน่นอน ท่านมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิด ขอให้ผู้สนับสนุนพรรคสบายใจได้

เขากล่าวอีกว่า กรณีถุงยังชีพ ยืนยันว่านายพีระพันธุ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งทางเจตนาและการเตรียมการ ซึ่งท่านพร้อมชี้แจงด้วยเหตุผลและเอกสารหลักฐานต่างๆ ยํ้าว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ นายอัครเดชกล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าช่วงนี้ ทั้ง IO หรืออะไรหลายอย่าง เข้ามาดิสเครดิตนายพีระพันธุ์ เพราะท่านตั้งใจทำงานให้กับประชาชน จึงเป็นไปได้ที่ต้องมีแรงเสียดทานกับผู้ที่เห็นต่าง อย่างเช่นการลดค่าไฟ  ก็ต้องไปต่อสู้กับหลายส่วน จนเกิดแรงเสียดทานหรือข้อกล่าวหาต่างๆ ด้วยหรือไม่ มองว่าอาจมีความเชื่อมโยงกัน

               เมื่อถามว่า เรื่องคดีจะเป็นจุดที่ทำให้พรรคแตกหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวว่า สส.เตรียมทิ้งนายพีระพันธุ์ นายอัครเดชกล่าวว่า ณ เวลานี้พรรคยังมั่นคง ขอให้สบายใจได้ นายพีระพันธุ์และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค รทสช. ยังสามารถบริหารพรรคได้ และ สส.ของพรรคส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ก็ชัดเจนแน่นอนว่าจะเดินไปพร้อมกับหัวหน้าและเลขาธิการพรรค เพื่อทำงานให้กับประชาชน เราต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชน แม้จะมีแรงเสียดทาน เราก็ต้องอดทนและยืนหยัดให้ได้

“มั่นใจว่า สส.ส่วนใหญ่ยังยืนหยัดกับพรรค  และพรรคก็ไม่ได้แตกอย่างที่เป็นข่าวแน่นอน”  นายอัครเดชกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘โจรใต้’ก้าวอีกขั้น ใช้โดรนขนระเบิด บึ้มเขตเศรษฐกิจ

โจรใต้ขยับไปอีกขั้น! แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ตรวจสอบโดรนต้องสงสัยถูกฝังดินในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เผยบินได้ไกล 10 กม. บรรทุกน้ำหนัก 15 กิโลกรัม คาดเตรียมก่อเหตุเมืองเศรษฐกิจ-ขนสิ่งผิดกฎหมาย

‘เพื่อไทย’ดาหน้าไล่‘หนู’

เพื่อไทยดาหน้าประกาศแยกทางภูมิใจไทย “สุทิน” ชี้ “อนุทิน” แค่อยากรักษาสถานะตัวเอง ใช้วิธีต่อรอง ขู่ จี้ปรับ ครม.เร็วๆ อ้างทำให้นโยบายรัฐบาลเป็นรูปธรรม “วรชัย”

พท.เพ้อเจ้อหนัก ชั้น14ไม่โยงศาล

เพื่อไทยเพ้อหนัก! "อนุสรณ์" อ้างมติแพทยสภากับคดีชั้น 14 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เชื่อมโยงกัน “เด็จพี่”

เขมรไปศาลโลกแล้ว ‘ฮุนเซน’ ชูนิติธรรมควํ่าโต๊ะJBCซัดไทยเหมือนรัสเซียรุกรานยูเครน

เขมรป่วนก่อนประชุม JBC “ฮุน มาเนต” ยันไปเจอกันที่ศาลโลก ยื่นข้อพิพาท 4 พื้นที่ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และบริเวณช่องบก-มุมไบ จะไม่คุยใน JBC

'สุทิน' หนุนปรับครม. จิก 'อนุทิน' แค่รักษาสถานะตัวเอง

“สุทิน คลังแสง” หนุนปรับ ครม. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเพื่อประชาชน แต่เตือนต้องชั่งน้ำหนักความพร้อมของรัฐบาล ซัด “อนุทิน” โวยเพราะไม่อยากเสียเก้าอี้ ไม่ต่างจากคนอื่นที่พยายามต่อรองเพื่ออยู่รอด

พปชร.ซัดรัฐบาลมัวแต่แบ่งเก้าอี้ ชาวบ้านจะอดตายอยู่แล้ว!

สุธรรม จริตงาม สส.พลังประชารัฐ ลุยตลาดทุ่งสง รับฟังเสียงประชาชนสะท้อน เศรษฐกิจไทยทรุดหนัก วอนรัฐบาลหยุดแบ่งเก้าอี้ทางการเมือง แล้วหันมาเร่งแก้ปัญหาปากท้อง ชี้ชาวบ้าน หมดหวังกับผู้นำชุดนี้ ที่ไม่เห็นหัวความทุกข์ของประชาชน