20ปี‘ไฟใต้’ไม่เปลี่ยนแปลง!

คนชายแดนใต้ชี้ 2 ทศวรรษสถานการณ์ยังแย่เหมือนเดิม เผยนโยบายดับไฟใต้มีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า “สมช.” ประณามโจรใต้ไร้อารยะกระทำต่อผู้บริสุทธิ์ บี้ยุติก่อเหตุโดยทันที ยันเร่งนำตัวมาดำเนินคดี จนท.รู้ตัว 6 คนร้ายกราดยิงตากใบ คาดชุดเดียวกับสังหาร 2 อส.ปี 67 นราธิวาสยังระอุ! วางบึ้มตำรวจเจ็บ 3

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเรื่อง “2  ทศวรรษ แก้ไขปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้” ระหว่างวันที่ 28-30 เม.ย.2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,100 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับสถานการณ์ความปลอดภัยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้         เมื่อถามถึงสถานการณ์ความปลอดภัยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 33.45 ระบุว่าสถานการณ์แย่เหมือนเดิม รองลงมา ร้อยละ 20.36 สถานการณ์ดีเหมือนเดิม, ร้อยละ 18.55 สถานการณ์ค่อนข้างดีขึ้น, ร้อยละ 14.64 สถานการณ์ค่อนข้างแย่ลง, ร้อยละ 10.00 สถานการณ์แย่ลงมาก และร้อยละ 3.00 สถานการณ์ดีขึ้นมาก

ด้านการพัฒนาความเจริญในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 42.18 ระบุว่าการพัฒนาค่อนข้างดีขึ้น  รองลงมา ร้อยละ 37.45 ไม่ค่อยมีการพัฒนาเท่าไร, ร้อยละ 14.55 ไม่มีการพัฒนาเลย และร้อยละ 5.82 การพัฒนาดีขึ้นมาก ด้านความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 33.55 ระบุว่าความสัมพันธ์ดีเหมือนเดิม รองลงมา ร้อยละ 30.64 ความสัมพันธ์ค่อนข้างดีขึ้น, ร้อยละ 19.91 ความสัมพันธ์แย่เหมือนเดิม, ร้อยละ 7.09 ความสัมพันธ์ค่อนข้างแย่ลง, ร้อยละ 5.64 ความสัมพันธ์ดีขึ้นมาก, ร้อยละ 3.00 ความสัมพันธ์แย่ลงมาก สำหรับการให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล พบว่า ร้อยละ 42.36 ระบุว่าไม่ค่อยให้ความสำคัญ รองลงมา ร้อยละ 31.82 ไม่ให้ความสำคัญเลย, ร้อยละ 18.82 ค่อนข้างให้ความสำคัญ, ร้อยละ 5.91 ให้ความสำคัญมาก และร้อยละ 1.09 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการให้ความสำคัญกับนโยบายการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งต่อไป พบว่า ร้อยละ 47.55 ระบุว่าให้ความสำคัญมาก รองลงมา ร้อยละ 27.36 ค่อนข้างให้ความสำคัญ, ร้อยละ 15.55 ไม่ค่อยให้ความสำคัญ, ร้อยละ 9.18 ไม่ให้ความสำคัญเลย และร้อยละ 0.36 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่่ผ่านมา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ออกแถลงการณ์ประณามการก่อเหตุต่อผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ได้ปรากฏเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งได้ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเด็ก สตรี และผู้สูงอายุนั้น ขอประณามการกระทำที่ไร้อารยะดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมาย และบรรทัดฐานระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและปราศจากซึ่งความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ซึ่งล้วนแต่บั่นทอนบรรยากาศแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจ รวมทั้งแสดงถึงความไม่จริงใจอันเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ในโอกาสนี้ สมช.ขอแสดงความเสียใจต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งพี่น้องไทยพุทธและไทยมุสลิม ที่ต้องสูญเสียครอบครัว เพื่อน พี่น้อง รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบทางร่างกายและจิตใจ สมช.ตระหนักดีว่า เพียงคำพูดไม่อาจทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นหายไป แต่ขอให้คำมั่นว่า ภาครัฐจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธธรรมอย่างถึงที่สุด และจะมุ่งผลักดันมาตรการคุ้มครองและปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างเต็มกำลังความสามารถ

สมช.ขอส่งสารฉบับนี้ไปถึงกลุ่มขบวนการและผู้ก่อเหตุรุนแรงให้ยุติการก่อเหตุร้ายที่ปราศจากความรับผิดชอบนี้ในทันที พร้อมทั้งขอยืนยันว่าการก่อเหตุต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ จะไม่มีทางช่วยให้การแสวงหาทางออกทางการเมืองเกิดขึ้นได้เลย

ส่วนความคืบหน้าเหตุคนร้าย 6 คนขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ (จยย.) 3 คัน กราดยิงใส่บ้านของชาวบ้าน 3 หลัง ในพื้นที่บ้านปลักปลา ม.5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ช่วงค่ำวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ซึ่งมีเด็กและคนชรารวมอยู่ด้วย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 รายนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้า บริเวณใกล้กับเชิงสะพานคลองชลประทาน ซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับบ้านพักจุดเกิดเหตุและห่างเพียง 50 เมตร สามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายซึ่งมีทั้งหมด 6 คนเอาไว้ได้ โดยหลังก่อเหตุได้ขี่รถ จยย.มุ่งหน้าหลบหนีไปทาง ต.ปูโยะ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับ ต.โฆษิต อ.ตากใบ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังไล่กล้องวงจรปิดทั้ง 2 เส้นทาง เพิ่มเติมว่าคนร้ายกลุ่มนี้ได้หลบหนีไปในทิศทางใด

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ประเมินจากภาพวงจรปิดที่กลุ่มคนร้ายลงมือก่อเหตุ ทั้งจำนวนคนและจำนวนยานพาหนะ รวมทั้งปลอกกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม.ที่ตรวจสอบพบในที่เกิดเหตุซึ่งมีมากกว่า 20 ปลอก เป็นกระสุนปืนขนาดเดียวกันทั้งหมด ยกเว้นปลอกกระสุนปืนพกขนาด 9 มม. ที่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งเชื่อมโยงว่าเป็นขนาดกระสุนปืนที่ยิงมาจากอาวุธปืนเอเค 102 ที่กลุ่มคนร้าย 6 คนขโมยปืนประจำกายเอเค 102 ของเจ้าหน้าที่ อส.ชุด รปภ.ครูโรงเรียนวัดสิทธิสารประดิษฐ์ หลังยิงเสียชีวิตทั้ง 2 นาย บนถนนเลียบคลองชลประทาน ม.5 ต.พร่อน อ.ตากใบ หรือไม่อย่างไร  รวมทั้งกลุ่มคนร้ายได้เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้คือ เหตุยิง 2 เจ้าหน้าที่ อส.เสียชีวิต 19 ก.พ.67 ซึ่งต้องรอการยืนยันผลตรวจปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม.

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนสอบสวนผลจากการซัดทอดของผู้ให้ความช่วยเหลือในคดียิง 2 อส.เสียชีวิต จนเจ้าหน้าที่สามารถรู้เบาะแสตัวกลุ่ม 6 คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในคดีดังกล่าว และคาดว่าน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกันทั้ง 6 คน ที่ก่อเหตุแล้วเสร็จจะหลบหนีไปซ่อนตัวในประเทศเพื่อนบ้าน โดยอาศัยข้ามตามช่องทางธรรมชาติ ที่เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ในแฟ้มบุคคล ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคง แต่ยังไม่ได้เป็นบุคคลที่ต้องคดีใดๆ ดังนี้ 1.นายไซปูรูสามัน ชาว ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ 2.นายอีซาล ชาว ต.นานาค อ.ตากใบ 3.นายฆอตือมัง ชาว ต.นานาค อ.ตากใบ 4.นายอัสนัน ชาว ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี 5.นายฮาเรส ชาว อ.สุไหงโก-ลก และ 6.นายแอ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง

วันเดียวกัน เวลา 13.30 น. พ.ต.อ.วีระศักดิ์ เพอแสละ ผกก.สภ.จะแนะ รับแจ้งมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่กล่องป้องกันกล้องวงจรปิด ที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้า บริเวณสามแยกริมถนนในหมู่บ้านไอร์ลาฆอ ซึ่งเป็นบ้านย่อยของบ้านไอร์โซ ม.5 ต.ช้างเผือก ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคดีความมั่นคง กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ทราบชื่อคือ 1.ส.ต.ท.ภคพงศ์ สุวรรณชะนะ ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณใบหน้าและข้อมือซ้าย อาการสาหัส 2.ด.ต.สาธิต คำแหง ถูกสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ และ 3.ส.ต.ท.ธีปกร ชูสิงห์ ถูกสะเก็ดระเบิดที่ขาขวา

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 8 นาย เดินทางไปยังพื้นที่ อ.จะแนะ เพื่อไปเก็บรวบรวมพยานหลักฐานในคดีคนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ตามประกอบยิงหญิงชราตาบอดเสียชีวิตคาที่ ส่วนบุตรชายได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านไอร์บือแต ม.4 ต.ช้างเผือก เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา โดย ส.ต.ท.ภคพงศ์ได้เป็นคนปีนขึ้นไปบนเสาเพื่อไปเอาเมมโมรีการ์ด และระหว่างที่เอื้อมมือไปเปิดกล่องป้องกันกล้องวงจรปิดได้เกิดระเบิดขึ้นทันที ทำให้ตัวกล่องป้องกันกล้องวงจรปิดแตกกระจาย ส่วนเสาไฟฟ้ามีรอยร้าว และทำให้ ส.ต.ท.ภคพงศ์, ด.ต.สาธิต และ ส.ต.ท.ธีปกร ที่ยืนจับบันไดอยู่ด้านล่างได้รับบาดเจ็บดังกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม