หึ่ง!ฟัน7หมอชั้น14 นพ.อมรให้รอ8พ.ค./สรวงศ์เย้ยพปชร.ตื่นจากฝัน

"สรวงศ์" ลั่น "ตื่นครับตื่น" ไม่มีหรอกคนจาก พท.ทาบทาม "บิ๊กป้อม" กลับเข้าร่วมรัฐบาล มองแค่สร้างราคาให้ตัวเอง ยันเสียงพอแล้วไม่มีทั้งคนไหลเข้า-ไหลออก "ประธานสอบแพทยสภา" ไม่ปฏิเสธข่าวผลสอบเสนอพักใบอนุญาต 2 หมอ-สอบเพิ่มอีก 5 แก๊ง รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์ช่วย "ทักษิณป่วยทิพย์" บอกให้รอฟังผลประชุม 8 พ.ค. "จตุพร" จับตาผลสอบทำการเมืองเปลี่ยน "ทักษิณ" มีหนาว “เสธ.หิ” แจง “พีระพันธุ์” ไม่ผิดแจกถุงยังชีพ โบ้ยทีมงาน "สส.พิมพ์ภัทรา" ทำเอง “คารม" ซัด กอ.รมน.ไม่ฉลาด ตีความคนที่จงรักภักดีเป็นการโหนสถาบันฯ 

เมื่อวันอาทิตย์ นายสรวงศ์ เทียนทอง  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  (พปชร.) ระบุมีการติดต่อทาบทาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พปชร. ให้กลับเข้าร่วมรัฐบาล โดยอ้างถึงคนที่ติดต่อมานั้นมาจากพรรค พท.ว่า “ตื่นครับตื่น แค่นี้แหละครับ สั้นๆ” เมื่อถามย้ำว่า ไม่มีการติดต่อไปใช่หรือไม่ นายสรวงศ์หัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ ไม่มี ตื่นครับตื่น”

เมื่อถามว่า มองว่าขณะนี้เสียงของพรรคร่วมรัฐบาลพอแล้วใช่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ใช่  และไม่มีการติดต่อไป เหมือนเป็นการสร้างราคาให้ตัวเอง ตื่นๆ               

ส่วนที่มีการระบุว่าจะมีคนจาก พท.ไปอยู่กับพรรค พปชร.เพิ่ม แต่ยังไม่เปิดตอนนี้ มองว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายสรวงศ์กล่าวว่า “อันนี้ก็ตื่นอีก ไม่มีหรอกครับ” ถามย้ำว่าไม่มีทั้งไหลเข้าและไหลออกใช่หรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า “ไม่มีหรอกครับ”

ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา ที่สอบสวนจริยธรรมแพทย์ รพ.ตำรวจและทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ซึ่งทำการรักษานายทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนว่า  ขอให้รอดูผลการประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค.นี้ ขณะนี้ไม่อยากพูดอะไรออกไปก่อน

เมื่อถามถึงข่าวที่ออกมาว่า ผลสอบของแพทยสภามีการเสนอให้สั่งพักใบอนุญาตแพทย์  2 คน และสอบเพิ่มเติมอีก 5 คน รวมเป็น 7 คน เป็นอย่างไร  นพ.อมรกล่าวว่า “คงไม่ยืนยันอะไรทั้งนั้น ต้องรอฟังผลการประชุมแพทยสภา เรื่องข่าวที่ว่ามีการเสนอให้ลงโทษและสอบสวนหมอ 7 คน ก็เพิ่งทราบข่าววันนี้ มีคนส่งข่าวมาให้ผมดู  แต่ผมตอบอะไรไม่ได้ ขอให้ไปรอติดตามผลการประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค.นี้ ข่าวที่ออกมา ผมก็ไม่รู้ว่าคนที่พูดเขาเอาข้อมูลมาจากไหน ก็บอกแค่นี้แล้วกันว่าให้รอฟังผลการประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค. ผมไม่ยืนยัน และไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน ก็ดูวันที่ 8 พ.ค.นี้ว่าเรื่องนี้จะเข้าที่ประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค.นี้ได้ทันหรือไม่ หากเข้าได้ ก็ขอให้รอฟังเนื้อหาที่จะออกมาอีกทีหนึ่งแล้วกัน”

นพ.อมรกล่าวอีกว่า ไม่อยากพูดรายละเอียดเรื่องนี้อีกแล้ว ครั้งที่แล้วให้สัมภาษณ์คุณไป (ไทยโพสต์) ว่าจะนำผลสอบเข้าที่ประชุมแพทยสภา ก็กลายเป็นประเด็นเลย ขอให้รอวันที่ผลสรุปเข้าที่ประชุมแพทยสภาแล้วกัน แล้วเขาก็จะจัดการกันเอง เอาแค่นี้ก่อน เรียบร้อยหรือไม่ ตรงนี้ก็มีขั้นตอน ต้องไปทีละขั้นตอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการสอบสวนของแพทยสภา เดิมทีจะเสนอรายงานผลสอบต่อที่ประชุมแพทยสภาวันที่ 10 เม.ย. แต่ได้มีการเลื่อนสรุปออกไป โดยให้เหตุผลว่าเนื่องจากคณะอนุกรรมการฯ ได้รับเอกสารเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2 หน่วยงาน คือ 1.เอกสารจากโรงพยาบาลตำรวจ  ซึ่งส่งเอกสารมาเมื่อวันที่ 28 มี.ค. และแพทยสภาได้รับเอกสารดังกล่าวในวันที่ 31 มี.ค. และ 2. เอกสารจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งส่งเอกสารมาเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2568 และแพทยสภาได้รับเอกสารดังกล่าวในวันที่ 1 เม.ย.2568 อนุกรรมการสอบสวนฯ ของแพทยสภาจึงเห็นว่าเอกสารจากทั้ง 2 หน่วยงานมีจำนวนมาก ทำให้กระบวนการพิจารณาจากข้อมูลเพิ่มเติมดังกล่าวต้องใช้เวลามากขึ้น จึงไม่สามารถสรุปผลการตัดสินได้ทันวันที่ 10 เม.ย.2568 

ผลสอบทำการเมืองเปลี่ยน

ดังนั้นต้องดูว่าการประชุมแพทยสภาที่จะประชุมกันเดือนละ 1 ครั้ง คือทุกวันพฤหัสบดีที่สองของเดือน ซึ่งเดือนนี้ พ.ค.ตรงกับวันที่ 8 พ.ค. ทางอนุกรรมการฯ จะนำเสนอผลสอบสวนเข้าที่ประชุมหรือไม่ และที่ประชุมแพทยสภาจะมีความเห็นต่อผลสอบอย่างไร และจะมีการลงมติเลยหรือไม่ หรือจะเลื่อนออกไปเป็นเดือน มิ.ย. ที่จะครบกำหนดการสอบสวนที่ต้องไม่เกินเดือน  มิ.ย.

ก่อนหน้านั้น นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า บ้านเมืองจะถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ โดยให้จับตาดูผลการสอบสวนของแพทยสภาในวันที่ 8 พ.ค.นี้  ซึ่งจะส่งผลถึงการนัดพร้อมหรือไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ผลสอบสวนจริยธรรมแพทย์ของคณะอนุกรรมการแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค. มีรายงานแว่วมาว่าสั่งพักใบอนุญาตแพทย์ รพ.ตำรวจเบื้องต้น 2 คน และสอบเพิ่มเติมอีก 5 คน ทั้งแพทย์ 2 โรงพยาบาลคือ รพ.ตำรวจและราชทัณฑ์ และผลสอบคาดจะออกมาหนักกว่า 2 คนแรกเสียด้วย

"ถ้าผลของแพทยสภาออกมา ศาลฎีกาฯ  สามารถเรียกผลสอบมาไต่สวนเพิ่มได้ เพราะเป็นความผิดที่ช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ให้รับโทษทางอาญา กรณีนี้จะกลับไปพิจารณาถึงการป่วยจริงหรือป่วยไม่จริง ถ้าทักษิณไม่ป่วยจริง ย่อมไม่มีสิทธิ์อยู่ รพ.ตำรวจชั้น 14 ซึ่งเป็นห้องพักผู้ป่วยวีไอพี กรณีชั้น 14 ยังลามไปถึง ป.ป.ช.ที่ทำการตรวจสอบด้วย ดังนั้น การชี้แจงของผู้เกี่ยวข้องที่ส่งไปทุกองค์กรต้องเหมือนกันในสาระสำคัญ ยิ่งในชั้นคณะอนุกรรมการสอบสวนของ ป.ป.ช. สรุปผลสอบสวนข้าราชการปฏิบัติมิชอบ และส่งให้คณะกรรมการฯ ชุดใหญ่พิจารณา ซึ่งพร้อมจะขยายผู้เกี่ยวข้องออกไปอีก แสดงว่าเรื่องชั้น 14 จบไม่ง่ายเลย"

นายจตุพรกล่าวว่า บ้านเมืองต้องยึดหลักความถูกต้องให้ได้ เมื่อปฏิบัติกับทุกคนในกฎหมายเดียวกัน แล้วจะละเว้นใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ มิฉะนั้นบ้านเมืองอยู่กันไม่ได้ ดังนั้นไม่รู้ว่าทักษิณคิดอะไรในขณะนี้ จะอยู่หรือจะไป แต่โดมิโนชั้น 14 จะลามไปถึงนายกฯ  อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

"ถ้าศาลฎีกาฯ สงสัยผู้มีสิทธิ์เข้าเยี่ยมทักษิณที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจจำนวน 10 รายชื่อนั้น หากเรียกมาไต่สวนแล้วให้การขัดกัน ไม่สอดคล้องกับคำให้การของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ที่ไปเยี่ยมแล้วเห็นว่าไม่ป่วยจริง ดังนั้น 10 รายชื่อที่เข้าเยี่ยมจะเข้าข่ายร่วมกันปกปิด" นายจตุพรกล่าว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ขอให้ข่าวที่ลือกันว่าแพทยสภาฟันแพทย์หลายคน ที่ช่วยนักโทษชั้น 14 เป็นจริง ภาพพจน์แพทยสภา...สุดยอด ประชาชนจะสรรเสริญชื่นชม

นายคารม พลพรกลาง ในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้แสดงความคิดเห็นต่อเอกสารของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่กล่าวหาบุคคลหลายคน  รวมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. ว่าใช้สถาบันกษัตริย์เพื่อประโยชน์ทางการเมืองว่า  ความจงรักภักดีหรือการแสดงออกของบุคคลซึ่งเป็นการเคารพสถาบันฯ และต้องการรักษาและปกป้องสถาบันฯ นั้น กอ.รมน.น่าจะทราบว่าแตกต่างกันกับการนำสถาบันฯ มาใช้เพื่อประโยชน์ตนเอง หรือที่เรียกว่าการโหนสถาบันฯ ใครๆ ก็ทราบว่าพรรคภูมิใจไทยและนายอนุทินมีจุดยืนชัดเจนในการดำเนินการทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีแนวทางในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งแสดงความไม่เห็นด้วยและคัดค้านในการก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือการกระทำอื่นๆ

ภท.จวก กอ.รมน.ไม่ฉลาด

นายคารมกล่าวว่า การกระทำของ กอ.รมน.ในลักษณะแบบนี้ จึงเป็นเรื่องที่อันตรายมาก  เพราะเป็นการเข้าใจผิดระหว่างประชาชนที่มีความจงรักภักดี เคารพและปกป้องสถาบันฯ ต้องการรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ให้อยู่คู่กับประเทศไทย โดยกลับไปกล่าวหาว่าเป็นการนำสถาบันฯ เอามาเพื่อประโยชน์ของตนเองในทางใดทางหนึ่ง หรือในทางการเมือง หน้าที่ของ กอ.รมน.คือต้องดูว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลกระทำใด หรือมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ประชาชน และสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วนำเสนอต่อหน่วยงานความมั่นคง เพื่อทำการป้องกัน ยับยั้ง หรือดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มบุคคลหรือขบวนการเหล่านั้น

"ฉะนั้นการทำงานต้องมีแม่นยำ ข้อมูลถูกต้องตามจริง ไม่ควรนำข้อมูลมั่วๆ แล้วนำมาตัดแปะ และเที่ยวกล่าวหาคนอื่นแบบที่เรียกว่าไม่ฉลาดแบบนี้" นายคารมกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังกรณีมีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ป.ป.ช.เตรียมจะเรียกรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 พ.ค.นี้ กรณีการติดสติกเกอร์ชื่อของตัวเองบนถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งที่เป็นถุงยังชีพที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง  โดยพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำขัดมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่นำมาบังคับใช้กับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วย

นายหิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกฯ และ รมว.พลังงาน (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ในฐานะผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เจตนาที่ดีย่อมเป็นกุศลกรรม ว่ากันเรื่องถุงยังชีพ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผมจำได้ว่านายพีระพันธุ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. มีภารกิจลงไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพ่อแม่พี่น้องที่โดนน้ำท่วม ในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีภารกิจใน 3 จังหวัด เริ่มต้นจากจังหวัดชุมพรไปสุราษฎร์ธานี และปิดท้ายที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

  ที่จังหวัดชุมพรและสุราษฎร์ธานีผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ตื่นเต้น เมื่อมาถึง จ.นครศรีธรรมราช ล่าช้ากว่ากำหนดการมาก ท่านก็ตรงไปทักทายพูดคุยกับชาวบ้านที่มารอรับ ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำถุงยังชีพมาให้แจก ตามภาพด้านขวามือที่ท่านได้เห็น เจ้าหน้าที่ส่งถุงยังชีพให้ท่านโดยหันด้านโลโก้ออกหากล้องฝั่งด้านของท่านนั้นจะเป็นด้านหลังถุงยังชีพที่ไม่มีโลโก้อยู่ ในครั้งแรกท่านจึงยังไม่ได้สังเกตเห็น แต่หลังจากนั้นท่านจึงได้เห็นว่ามีรูปท่านติดอยู่บนถุงยังชีพ ท่านจึงสั่งการให้รีบไปแก้ไขและไม่ได้อยู่แจกต่อ ต่อมาภาพทางขวามือจึงได้ถูกส่งไปร้องเรียนที่ ป.ป.ช. ซึ่งได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาผ่านสื่อต่างๆ อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้มีการมาสอบถามหรือไต่สวนจากท่านแต่อย่างไร  หนังสือเรียกไปชี้แจงข้อกล่าวหาท่านก็ยังไม่เคยได้รับ แต่กลับปรากฏรายละเอียดอยู่ตามสื่อทั่วไป

'หิมาลัย' ป้อง 'พีระพันธุ์' ไม่ผิด

นายหิมาลัยระบุว่า ข้อเท็จจริงในการตรวจเยี่ยมประชาชนครั้งนั้น นอกจากถุงยังชีพจากบริษัท ปตท. จำกัดฯ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้ว ท่านยังมีข้าวสารที่เหลือจากการจำหน่ายสินค้าราคาถูกในงานรวมไทยสร้างชาติแฟร์นำไปแจกด้วย โดยจะแจกคู่กับถุงยังชีพ ซึ่งถุงข้าวสารรวมไทยสร้างชาติแฟร์นี้ ใช้แจกจ่ายในพื้นที่ของ จ.ชุมพรและสุราษฎร์ธานีจนหมด ดังนั้นใน จ.นครศรีธรรมราช จึงได้ใช้วิธีไปซื้อข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัมจากร้านค้าทั่วไป ซึ่งมีอยู่หลายยี่ห้อ หลังจากนั้น น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส.นครศรีธรรมราช จึงได้ไปสั่งทำสติกเกอร์ของนายพีระพันธุ์ติดบนถุงข้าวสารเหล่านั้น โดยไม่ได้แจ้งให้ท่านทราบ

 “เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดจากความหวังดีของทีมทำงาน สส.พิมพ์ภัทรา ได้เปิดถุงยังชีพของ ปตท.ออกดู จึงเห็นว่าในถุง ปตท.มีข้าวสารอยู่แค่ 2 กิโลกรัม จึงมีความคิดว่านำข้าวสาร 5 กิโลกรัมที่นายพีระพันธุ์ให้มาแจกใส่เพิ่มเข้าไปในถุงยังชีพ เพื่อให้ผู้ที่รับถุงยังชีพถือกลับบ้านได้อย่างสะดวก ไม่ต้องถือเป็น 2 ถุง คือถุงยังชีพ 1 ถุงและข้าวสารนายพีระพันธุ์อีก 1 ถุง เหมือนภาพด้านซ้ายมือ หลังจากเอาข้าวสารของนายพีระพันธุ์ใส่ในถุงแล้ว ด้วยความหวังดีของน้องๆ อาสาสมัครที่มาช่วยงาน เห็นว่าในถุงยังชีพมีข้าวสารของนายพีระพันธุ์อยู่ด้วย ประกอบกับสติกเกอร์นายพีระพันธุ์ที่ใช้สำหรับแปะถุงข้าวสารยังเหลืออยู่ จึงเอาแปะเข้าไปบนถุงยังชีพด้วย”

นายหิมาลัยระบุว่า สำหรับถุงยังชีพนี้หน่วยงานในท้องถิ่นก็เป็นผู้ทำเรื่องขอรับการสนับสนุนจาก ปตท.โดยตรง กระบวนการในการจัดเตรียมและแจกถุงยังชีพนายพีระพันธุ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ไม่ได้มีเจตนาที่แสวงหาประโยชน์จากเรื่องนี้ เป็นเจตนาที่ดีย่อมเป็นกุศลกรรมคุ้มครองให้ท่านปลอดภัยจากมารทั้งหลายทั้งปวง ถ้ามาตรฐานจริยธรรมมาจากรากฐานทางคุณธรรมของมนุษย์แล้ว ตนว่าท่านก็ไม่ผิดแน่นอน

วันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน (ปชน.) ลงพื้นที่ปราศรัยช่วย น.ส.เบญจมาภรณ์ ศรีละบุตร ผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาลนครขอนแก่น ที่สถานีขนส่งจังหวัดขอนแก่นแห่งเก่า โดยนายพิธากล่าวว่า คิดฮอดหลายๆ ตนรู้สึกตื่นเต้นเหลือเกินที่ได้มาเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องชาวขอนแก่น วันนี้มาแบบรวดเดียวจบ 4 เหตุผลว่าทำไมพี่น้องชาวขอนแก่นต้องเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาชน ได้แก่ เหตุผลแรก เป็นเพราะตัวผู้สมัครที่เป็นวิศวกร ถึงเวลาที่คนขอนแก่นจะได้บอกว่านายกเป็นวิศวกร ไม่ธรรมดา

นายพิธากล่าวด้วยว่า เหตุผลสุดท้ายคือ หากเลือกพรรคประชาชน จะได้พรรคอันดับหนึ่งของประเทศไทยในตอนนี้ แม้จะถูกตัดสิทธิ์ พรรคประชาชนก็ยังมี สส.เป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยอยู่ดี จะได้คนเก่งๆ จากทั่วประเทศไทยมาจัดการ เชื่อว่าคนขอนแก่นมีศักดิ์ศรี ซื้อไม่ได้  แล้วกลับมาฉลองกัน ตนเดินทางหาความรู้ทั่วประเทศ อีก 9 ปี กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุดของประเทศไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม