"ในหลวง" โปรดเกล้าฯ ให้รอง ผวจ.นราธิวาส เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานมอบ จนท.บาดเจ็บใน อ.จะแนะ ด้าน "ทวี" ลงพื้นที่ให้กำลังใจ ปชช.กำชับทำงานเชิงรุก ดูแลพื้นที่เสี่ยง 24 ชม. ขณะที่ "พรรคประชาชน" ส่งสารกลุ่มก่อเหตุหยุดสังหารพลเมืองผู้บริสุทธิ์ จี้ใช้เส้นทางการเมืองมิใช่กำลังอาวุธ เขย่ารัฐบาลแพทองธาร มียุทธศาสตร์ทิศทางที่ชัดเจน เร่งเปิดโต๊ะเจรจาสันติภาพรอบใหม่ พร้อมจัดเวทีคู่ขนานเปิดพื้นที่ให้ทั้งชาวพุทธและมุสลิมมีส่วนร่วมฝ่าวังวนความรุนแรง
เมื่อวันจันทร์ เวลา 13.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ดาบตำรวจ สาธิต คำแหง, ดาบตำรวจ ธีรวัฒน์ จอดนอก, จ่าสิบตำรวจ สาคร รัตนศิริ, สิบตำรวจโท ธีปกรณ์ ชูสิงห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ระเบิดขณะตำรวจชุดสืบสวนคดีความมั่นคง กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาหลักฐานในคดี ซึ่งคนร้ายได้ซุกซ่อนระเบิดไว้บริเวณเสาไฟฟ้า
เหตุเกิดบริเวณบ้านไอร์ซือเระ ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 และเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย รวมทั้งครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้
ที่หน่วยเฉพาะกิจจังหวัดนราธิวาส ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พร้อมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในการวางแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ตลอดจนเข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ และร่วมพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิต เพื่อแสดงความเสียใจและให้กำลังใจแก่ครอบครัวผู้สูญเสียและประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้
ในที่ประชุมได้มีการติดตามสถานการณ์และหารือการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ โดยได้ชี้แจงมาตรการรักษาความปลอดภัย สถานการณ์ด้านการข่าวในช่วงเดือนเม.ย.ถึงปัจจุบัน พร้อมเปรียบเทียบสถิติเหตุการณ์ในพื้นที่ ตั้งแต่ปี 2565 จำนวน 44 เหตุการณ์, ปี 2566 จำนวน 38 เหตุการณ์, ปี 2567 จำนวน 39 เหตุการณ์ และปี 2568 จำนวน 38 เหตุการณ์
ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์มีการก่อเหตุรุนแรงต่อกลุ่มไทยพุทธ, เจ้าหน้าที่รัฐและฐานปฏิบัติการ ในช่วงที่ผ่านมาจังหวัดนราธิวาสได้ประกาศยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั่วทั้งจังหวัด หลังเกิดเหตุรุนแรงต่อประชาชนไทยพุทธในพื้นที่อำเภอตากใบและอำเภอจะแนะ โดยมีคำสั่งให้ทุกอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนและป้องกันเกิดเหตุซ้ำ
พร้อมกำชับให้ทุกพื้นที่ดำเนินมาตรการเชิงรุก รวมถึงจัดชุดลาดตระเวน เพิ่มจุดตรวจจุดสกัดและดูแลพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะบริเวณที่มีการจัดกิจกรรมสาธารณะ หรือมีประชาชนมารวมตัวเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้จังหวัดขอความร่วมมือจากผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนทุกภาคส่วนในการสอดส่องดูแลความปลอดภัย และแจ้งเบาะแสหากพบสิ่งผิดปกติ เพื่อร่วมกันรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่
ภายหลังการประชุม พ.ต.อ.ทวีได้ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ต่อด้วยช่วงบ่ายจะลงพื้นที่วัดสิทธิสารประดิษฐ์ (โคกยาง) ต.โฆษิต และวัดโคกมะม่วง ต.พร่อน อ.ตากใบ เพื่อเป็นประธานในพิธีฌาปณกิจศพนายแดง ตุนาสุข, นายดำ จันทร์คง และด.ญ.สสิตา จันทร์คง ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงประชาชนและเด็กผู้หญิงอายุ 9 ขวบในบ้านพัก ม.5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2568 พร้อมพบปะให้กำลังใจพี่น้องไทยพุทธและประชาชนในพื้นที่
วันเดียวกัน พรรคประชาชน (ปชน.) ออกจดหมายเปิดผนึกจากพรรคประชาชนถึงทุกคน กรณีความรุนแรงระลอกล่าสุดในจังหวัดชายแดนใต้ มีใจความว่า ความรุนแรงระลอกล่าสุดนี้ สั่นคลอนความรู้สึกและความเชื่อมั่นต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่ชายแดนใต้อย่างรุนแรง ประชาชนทุกศาสนิกต่างตกอยู่ในความหวาดระแวง ซึ่งทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งอยู่ในภาวะเปราะบางและสุ่มเสี่ยงที่จะเลวร้ายลงมากที่สุดในรอบหลายปี ในสภาวการณ์เช่นนี้พรรคประชาชนขอสื่อสารไปยังทุกคน ถึงอันตรายของการใช้ความรุนแรง และย้ำเตือนถึงความสำคัญในการใช้แนวทางสันติเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นวิธีเดียวที่จะนำไปสู่สันติภาพระยะยาวที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยปราศจากความกลัวและความเกลียดชังระหว่างกัน
“ถึงขบวนการที่คิดว่ากำลังต่อสู้เพื่อพี่น้องมลายูมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร องค์กรไหน การสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์นั้น นอกจากจะขัดต่อทั้งหลักศาสนา หลักกฎหมาย และหลักการมนุษยธรรมระหว่างประเทศแล้ว ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการสร้างสันติภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”
พรรคประชาชนระบุด้วยว่า "ความรุนแรงต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์มีแต่จะสร้างความเกลียดชังและเพิ่มอคติที่มีต่อพี่น้องมลายูมุสลิม ความรุนแรงต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์มีแต่จะสร้างความโกรธแค้น ไปบดบังความเข้าอกเข้าใจในความอยุติธรรมที่พี่น้องมลายูมุสลิมถูกกระทำ ความรุนแรงต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์มีแต่จะผลักให้สังคมโหยหาการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันจนไม่สิ้นสุด ความรุนแรงต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์มีแต่จะบ่อนทำลายความชอบธรรมทางการเมืองของการต่อสู้ ลดทอนคุณค่าอุดมการณ์ที่ใช้กล่าวอ้างกันมาโดยตลอด"
“พรรคประชาชนเรียกร้องให้หยุดการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์โดยทันที และการยุติความรุนแรงดังกล่าวจะเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการพูดคุยเพื่อสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขบวนการต่อสู้ต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองมากกว่านี้ และต้องแสดงออกให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่า พร้อมจะใช้กระบวนการทางการเมืองในการแก้ปัญหา มิใช่ใช้กำลังอาวุธ”
ทั้งนี้ พรรคประชาชนระบุถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดว่า ในช่วงที่กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพมีความคืบหน้าและมีทิศทางที่ชัดเจน สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นรัฐบาลต้องตระหนักว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความรุนแรงกลับมาปะทุขึ้นอีกในระลอกล่าสุด เกิดจากความไม่ชัดเจนในยุทธศาสตร์ของรัฐบาล ว่าจะมีแนวทางในการสร้างความยุติธรรม นิติรัฐ และสันติภาพในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร โดยเฉพาะการปล่อยให้กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพหยุดชะงักมานานเกือบ 1 ปีโดยไร้ทิศทาง
“ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลควรกลับมาสานต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพโดยเร็ว และในกระบวนการนั้นต้องฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบจากความรุนแรงของทุกฝ่ายด้วย โดยจัดเวทีคู่ขนาน ทำให้พี่น้องทั้งชาวพุทธและมุสลิมมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของกระบวนการสันติภาพนี้ไปด้วยกัน ในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพในอนาคต ต้องมีองค์ประกอบส่วนหนึ่งจากผู้ที่มีบทบาทและอำนาจในการสั่งหยุดความรุนแรงในพื้นที่ได้จริงเข้าร่วมด้วย เพื่อประสิทธิภาพในการเจรจา และเพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน”
พรรคประชาชนระบุทิ้งท้ายว่า บทเรียนที่ผ่านมาทั้งในและต่างประเทศ ล้วนบอกเราว่าไฟไม่สามารถดับไฟได้ การตอบโต้อย่างรุนแรงมีแต่จะทำให้ความรุนแรงบานปลายขยายตัว จนยากจะกลับสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติในอนาคต นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อย่างมีสติ และต้องช่วยกันผลักดันให้ทุกฝ่าย แก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยกระบวนการทางการเมือง เพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในอนาคต.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก
โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก
‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่
ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน
‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง
"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12
พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา
พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น
'ในหลวง' เสด็จฯไปส่ง 'พระราชินี' เข้าร่วมการแข่งขันเรือใบนานาชาติ ครั้งที่ 37
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขันเรือใบนานาชาติ
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

