มท.เดือดชนDSI ‘สว.น้ำเงิน’ท้าจับ

คดีฮั้ว สว.เดือด หลังผู้ว่าฯ อำนาจเจริญโวยมีกลุ่มบุคคลอ้างเป็นดีเอสไอบังคับอดีตผู้สมัคร สว.รับสารภาพฮั้วเลือก สว. "ทวี" ยัน 3  จนท.ดีเอสไอตัวจริงลงพื้นที่สอบพยานตาม กม.คดีพิเศษ ฮึ่ม! หากผู้ว่าฯ ไม่ให้ความร่วมมือเจอโทษหนัก คุก 1-10 ปี "อนุทิน” เชื่อ "รมว.ยุติธรรม" ไม่ได้ขู่ผู้ว่าฯ แค่แจงขั้นตอน กม. ยัน  "มท.-ยธ." ไร้ปัญหาทำคดีฮั้ว สว. "สว.อลงกต" ท้าคดีฮั้ว สว. กล้าออกหมายจับหรือไม่

ความคืบหน้าภายหลังจากนายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ทำหนังสือลับ ด่วนที่สุด ที่ อจ 0018.2/3 ลงวันที่ 5  พ.ค.2568 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่องรายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ขอสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 2 ราย ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเครื่องหมายใดๆ ที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยได้เข้าไปในบ้านของอดีตผู้สมัคร สว. และถอดปลั๊กไฟของกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้มีการบันทึกภาพและเสียงและพฤติการณ์การกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้บังคับให้อดีตผู้สมัคร สว. รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในการฮั้วการเลือก สว.นั้น

เมื่อวันที่ 6 พ.ค. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยุติธรรม) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับรายงานจากดีเอสไอแล้ว  พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบที่ จ.อำนาจเจริญ และพยานบุคคลกว่า 10 ปาก ซึ่งพยานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เรื่องหนังสือของผู้ว่าฯ อำนาจเจริญดังกล่าวกำลังตรวจสอบ  เนื่องจากโดยหลักการดีเอสไอ เรามีกฎหมายมาตรา 22 ถ้าเป็นคดีพิเศษ ผู้ว่าฯ มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน หากมีการประสานงานไป ต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือจะมีโทษที่เกี่ยวข้อง จำคุก 1-10 ปี

"อธิบดีดีเอสไอใช้กฎหมายและข้อบังคับ เพราะที่ จ.อำนาจเจริญมีพยานกว่า 300 ปาก แต่ไม่จำเป็นต้องสอบทั้งหมด เนื่องจากได้หลักฐานที่เป็นพยานวัตถุ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ สามารถย้อนกลับไปดูในที่เกิดเหตุได้ รวมถึงร่องรอยทางโทรศัพท์ ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอุปสรรคในการสืบสวนสอบสวน แต่ถ้ามีอุปสรรค ขอให้อธิบดีดีเอสไอใช้กฎหมายและข้อบังคับที่ออกในปี 47 ดำเนินคดีได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือผู้ว่าราชการจังหวัด" พ.ต.อ.ทวีกล่าว

ถามว่า เจ้าหน้าที่ 3 คนที่ลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ และถูกร้องเรียนเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจริงหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เป็นพนักงานสอบสวนของดีเอสไอจริง และได้รับความร่วมมือดี เมื่อถามว่าเหตุใดผู้ว่าฯ ถึงได้แจ้งว่ามีการข่มขู่พยาน พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ยังไม่เคยแจ้งมาที่ตน หากผู้ว่าฯ พบการข่มขู่ ขอให้รายงานมาที่ตน อีกทั้งพนักงานสอบสวนของดีเอสไอลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ตามคำเรียกร้องของพยานว่าถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงอยากให้ดีเอสไอไปสอบปากคำ

"คดีนี้ไม่มีเรื่องการเมือง ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน เพราะเรื่องเป็นคดีพิเศษ ก็ว่ากันไป พนักงานสอบสวนจะทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย ข้อบังคับ และพยานหลักฐานไม่ได้ เช่นเดียวกันบุคคลจะมีอิทธิพลเหนือกฎหมายไม่ได้" พ.ต.อ.ทวีกล่าว

ซักว่าคดีฮั้ว สว.จะแจ้งข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ หลังครบ 2 เดือนแล้ว รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า มีรายงานมาว่าจะเร่งรัดตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย. ถึงต้นเดือน พ.ค. ก็รอดูอยู่ ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องการสอบพยานมากนัก เพราะกลัวมีข้อครหาว่าการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยว

DSI ปัดข่มขู่พยานคดีฮั้ว สว.

มีรายงานว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้รับรายงานเบื้องต้นยืนยันเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 รายมาจากกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ลงพื้นที่ไปยังสถานที่ดังกล่าวจริง เพื่อดำเนินการสอบสวนปากคำพยาน โดยไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวอ้าง ไม่มีการข่มขู่คุกคามพยาน เพราะเป็นการซักถามข้อมูลตามปกติ

"การสอบสวนปากคำพยานต้องดำเนินการด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ไม่มีความจำเป็นต้องข่มขู่เช่นนั้น มองว่าหนังสือและรายละเอียดที่ปรากฏออกมา เหมือนเป็นลักษณะการใช้ดิสเครดิตการทำหน้าที่ของดีเอสไอหรือไม่" แหล่งข่าวจากดีเอสไอระบุ

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกดีเอสไอ ได้รับมอบหมายจากอธิบดีดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 นาย ยืนยันได้มีการแสดงตนตามกฎหมาย และทำการซักถามพยาน ไม่ได้มีการข่มขู่หรือมีประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ทางตัวเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการบันทึกภาพขณะปฏิบัติภารกิจ

"ประเด็นที่ใส่ชุดนอกนั้น การปฏิบัติหน้าที่ภาคสนามของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ได้แต่งเครื่องแบบในทุกกรณี แต่หากเป็นกรณีในการตรวจค้นหรือการจับกุมถึงจะมีการใส่เครื่องแบบ ซึ่งการสอบปากคำในวันเกิดเหตุนั้น ทางตัวพยานไม่ได้สมัครใจให้ข้อมูล จึงไม่ได้บันทึกถ้อยคำไว้" พ.ต.ต.วรณันกล่าว

ถามว่า ดีเอสไอจะต้องเรียกพยานทั้ง 2 รายเข้ามาให้ข้อมูลหรือไม่ โฆษกดีเอสไอกล่าวว่า ตรงนี้จะเป็นกระบวนการต่อไป เนื่องจากตัวพยานให้การพาดพิงถึง จึงต้องมีการสอบสวนต่อ และจะต้องไปดูรายงานข้อเท็จจริงว่ามีข้อคลาดเคลื่อนตรงไหน อย่างไร ส่วนพยานที่กล่าวอ้างว่าถูกข่มขู่ จะนำพยานหลักฐานอะไรมาแสดงคัดค้านยืนยันก็เป็นสิทธิของพยาน

ซักว่าคดีฮั้ว สว.ทั่วประเทศเหตุใดถึงมีเพียงแค่ จ.อำนาจเจริญ ที่มีปัญหาระหว่างหน่วยงานกันเองหรือไม่ โฆษกดีเอสไอกล่าวว่า ยังมองว่าไม่ใช่ปัญหา แต่อาจจะเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน หลังจากนี้จะต้องประสานการปฏิบัติการให้มากขึ้น

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ ทำหนังสือลับแจ้งปลัดมหาดไทยเรื่องบุคคลอ้างเป็นดีเอสไอสอบคดีฮั้ว สว.ว่า โดยปกติผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดต้องดูแลประชาชนอยู่แล้ว อะไรที่ผิดปกติก็รายงานเข้ามายังผู้บังคับบัญชา  คือปลัดกระทรวงมหาดไทย จึงถือเป็นเรื่องปกติ และการรายงานของผู้ว่าฯ เรามีไลน์กลุ่มอยู่ วันๆ อ่านกันแทบไม่ไหว มีคดีนั้นคดีนี้ หรือเหตุการณ์นั้นเหตุการณ์นี้ ก็มีรายงานเข้ามาตลอด เมื่อรายงานเข้ามาแล้วก็จะมีการพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร

ถามว่า เพิ่งมีเพียงเคสเดียวคือกรณีของจังหวัดอำนาจเจริญใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เพิ่งได้เห็นจากข่าว

เมื่อถามกรณี รมว.ยุติธรรมขู่ฟันผู้ว่าฯ  อำนาจเจริญที่เป็นอุปสรรคต่อการสอบคดีฮั้ว สว.  นายอนุทินกล่าวว่า สื่อถามแบบนี้อีกแล้ว ตนไปอ่านข่าวและดูเทปสัมภาษณ์ ไม่มีการพูดขู่ฟันผู้ว่าฯ ที่ไหน ท่านเพียงแต่อธิบายข้อกฎหมาย ถ้าใครไม่ให้ความร่วมมือก็อาจเข้าข่ายถูกดำเนินคดี ซึ่งท่านไม่ได้ฟันผู้ว่าฯ ฟันได้อย่างไร คนละหน่วยงานกัน ซึ่งคนที่ฟันผู้ว่าฯ ได้คือปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯ มีหน้าที่ดูแลสารทุกข์สุกดิบของประชาชน เมื่อประชาชนแจ้งความร้องเรียนมาก็ดำเนินการตามข้อเท็จจริง ซึ่งแต่ละวันผู้ว่าฯ รายงานเรื่องเข้ามาที่ผู้บังคับบัญชาเยอะมาก

ซักว่าต่อไปหากดีเอสไอขอความร่วมมือเกี่ยวกับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. จะมีการดำเนินการอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ต้องทำตามกฎหมายทุกอย่าง ถ้าไม่ทำตามก็ต้องเป็นไปตามที่ รมว.ยุติธรรมกล่าวไว้ข้างต้น

พอถามว่า มีการมองขณะนี้กระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงยุติธรรมกำลังสู้กันจากเรื่องคดีฮั้ว สว. มองอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า เขาก็อยากเขย่า ดีกันไม่ได้ ดีแล้วมีคนเดือดร้อน ดีกันแล้วเกิดความอึดอัดไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว จริงๆ คนในคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความกลมเกลียวกันดี ไม่มีปัญหากันเลย

ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ยังไม่เห็นหนังสือของผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ เดี๋ยวเขาคงเสนอขึ้นมา เห็นว่าคนที่ได้รับการบุกรุกและข่มขู่เขาก็ไปแจ้งความตามกฎหมาย ซึ่งก็เป็นไปตามข้อกฎหมายอยู่แล้ว เพราะว่าการที่เราจะไปบ้านเคหสถานของคน ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่แล้วอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ก็ผิดแล้ว ถือว่าแอบอ้าง แต่ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ ก็ต้องมีหมายค้นหรือหมายเรียกอะไรก็แล้วแต่ ก็อาจต้องกำชับให้ทุกที่ว่ามีการแอบอ้างไม่ได้ แต่ถ้าเป็นไปตามข้อกฎหมาย เจ้าหน้าที่มาตามระเบียบขั้นตอนถูกต้องก็ต้องให้ความร่วมมือ

ถามว่า มีพื้นที่อื่นที่เกิดลักษณะเดียวกับอำนาจเจริญหรือไม่ นายอรรษิษฐ์กล่าวว่า ยังไม่มี จ.อำนาจเจริญแจ้งเข้ามารายแรก ซึ่งก็เห็นตามที่สื่อเสนอข่าว เมื่อถามว่าก่อนที่หนังสือจะถึงเป็นทางการ ได้มีการสั่งการอะไรเบื้องต้นหรือไม่ นายอรรษิษฐ์กล่าวว่า ยัง เดี๋ยวรอดูหนังสือที่ทางกองการจะเสนอมา

ท้ากล้าก็ออกหมายจับ สว.

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ  การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา  แถลงสืบเนื่องจากการที่ สว.จังหวัดอำนาจเจริญ ร้องขอความเป็นธรรมต่อประธานวุฒิสภา และ  กมธ.กิจการองค์กรอิสระฯ กรณีการสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. ในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่เป็นกลางของดีเอสไอว่า ดีเอสไอสามารถสอบสวนอดีตที่เกี่ยวกับการฟอกเงิน รวมถึงคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง แต่ปรากฏว่าการดำเนินการของดีเอสไอที่ตั้งเป็นคดีอาญานั้น พนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวน เท่าที่ทราบจากผู้ที่ถูกสอบสวนในกรณีจังหวัดอำนาจเจริญมีความไม่เป็นกลาง

"ตัวอย่างดีเอสไอได้มีหนังสือราชการด่วนที่สุด เพื่อขอใช้อาคารเป็นที่สอบปากคำ และให้กำนันติดตามบุคคลมาให้ถ้อยคำต่อคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งหนังสือนี้ระบุจำนวน 10 รายชื่อ ในวันที่ 10 เม.ย. โดยดำเนินการไม่เป็นกลาง เพราะไม่ได้ส่งหนังสือในช่องทางปกติตามระเบียบราชการ แต่ส่งผ่านไลน์ และตั้งข้อสงสัยว่าเอกสารดังกล่าวไม่มีลายมือชื่อ ตราครุฑ จึงเกรงว่าจะถูกนำไปใช้โดยมิชอบ และเป็นการละเลยการปฏิบัติตามขั้นตอนปกติในการประสานงานของรัฐ และส่งหนังสือทางช่องทางที่ไม่ได้เป็นไปตามระเบียบราชการ" พล.ต.ต.ฉัตวรรษกล่าว

สว.รายนี้ระบุว่า ดีเอสไอไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ไม่ออกหมายเรียก หรือประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างหน่วยงานท้องและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่ประสานงานกับกำนัน และการเรียกล่วงหน้าเพียงหนึ่งวันนั้น ทำให้ผู้ถูกสอบสวนไม่ได้รับเวลาเพียงพอจะเตรียมข้อมูลหรือเอกสารเพื่อแก้ข้อกล่าวหาในการให้ถ้อยคำ และยังถูกสอบปากคำเป็นเวลานานผิดปกติ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิ์  ทรมานจิตใจ เพื่อให้ข้อมูล หรือรับสารภาพบางอย่าง จึงอาจเข้าข่ายตามความผิดของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และยังมีการสอบสวนในลักษณะข่มขู่คุกคาม

ส่วนนายอลงกต วรกี สว. กล่าวถึงกรณีดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคดีฮั้ว สว.ในวันที่ 10 พ.ค.ว่า ยื่นก็ยื่น คำถามที่น่าสนใจคือ มีอำนาจหรือไม่ ถ้ามีหนังสือเชิญมา ก็เป็นสิทธิที่ว่าจะไปหรือไม่ไป แต่กล้ามีหมายจับ มีหมายขัง มีหมายค้นหรือไม่ เพราะเท่าที่เช็กข้อมูลมาที่เขาไปยื่นกับศาล ไม่มีผู้พิพากษาคนไหนเซ็นเลย

 “ขอเรียนตามตรงว่า ดีเอสไอเป็นแค่หน่วยงานที่ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ. แต่ผมเป็นวุฒิสมาชิก ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ ถ้าพูดตามตรงผมศักดิ์สูงกว่า ผมสูงไม่มายุ่งกับข้างล่าง” นายอลงกตกล่าว

ถามว่า ดูเหมือนท่าทีของ สว. มั่นใจในการสู้คดีฮั้วว่าไม่ผิดกฎหมาย นายอลงกตกล่าวว่า เรายึดตามกฎหมาย ถ้ากฎหมายว่าเราไม่ผิดก็ไม่ผิด แต่ถ้ากฎหมายว่าเราผิดก็ผิด เพราะกฎหมายเป็นหลักสำคัญในการทำงานของวุฒิสมาชิก เมื่อถามย้ำว่าถ้าที่สุดแล้ว กกต.ยื่นศาลฎีกาแล้วทำให้กระบวนการเลือก สว.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะ  นายอลงกตกล่าวว่า ก็ต้องว่าไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.