ชี้ชะตาแก๊งชั้น14 ‘แพทยสภา’ลงมติผลสอบ หนูหนุนประชามติกาสิโน

ลุ้น! 8 พ.ค. วงประชุมใหญ่แพทยสภาถกผลสอบจริยธรรมแพทย์ รพ.ตำรวจ-ราชทัณฑ์ ปมชั้น 14 ปิดเงียบลงโทษหรือยกคำร้อง "แพทย์ใหญ่ สธ." กระทุ้งต้องเด็ดขาดให้จบไปเลย เหตุสังคมจับตาไม่ควรเลื่อนอีก "ทวี" อ้างเป็น รมว.ยธ. หลัง "ทักษิณ" นอน รพ.ได้ 1 เดือน  โยน "รมต." คนก่อนต้องไปแจงศาล "หมอตุลย์"  ดักทาง "รมว.สธ." ไม่เคยมีสภานายกพิเศษยับยั้งมติแพทยสภา "กมธ.กาสิโน" เล็งเชิญ “แพทองธาร" แจงสัปดาห์หน้า "อนุทิน" เผยเสนอนายกฯ  ทำประชามติเพื่อทุกฝ่ายสบายใจแล้ว ยันอิ๊งค์ไม่เคยคุยเรื่องปรับ ครม.

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 มีรายงานว่า  ในวันพฤหัสบดีที่ 8 พ.ค.2568 เวลา 10.00 น.  คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่กำหนดประชุมแพทยสภาประจำเดือน โดยขณะนี้กรรมการแพทยสภาได้รับเอกสารแจ้งระเบียบวาระการประชุมแล้ว โดยมีการบรรจุระเบียบวาระเรื่อง นำเสนอผลสรุปการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองของแพทยสภา

แหล่งข่าวจากกรรมการแพทยสภาระบุว่า   ระเบียบวาระดังกล่าวคือการสอบสวนกรณีที่มีการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อแพทยสภา ที่เป็นรายงานผลสรุปการสอบสวนโดยคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงเฉพาะกิจ ตั้งขึ้นตามมติของกรรมการแพทยสภาฯ ที่มี ศ.เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี  กรรมการแพทยสภาเป็นประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจแพทยสภา สอบสวนกรณีการรักษาตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม ในหนังสือแจ้งนัดประชุมแพทยสภา และแจ้งระเบียบวาระการประชุมดังกล่าว ไม่ได้มีการแนบหรือนำส่งเอกสารผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการฯ ส่งมาให้กรรมการแพทยสภาแต่อย่างใด เป็นเพียงการแจ้งระเบียบวาระว่ามีเรื่องดังกล่าวอยู่ในวาระการพิจารณาด้วย และแจ้งว่าเรื่องนี้ได้ผ่านกระบวนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองแล้ว 

 “กระบวนการในการประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค.นี้ เมื่อการประชุมเข้าสู่ระเบียบวาระดังกล่าว ทางที่ประชุมก็จะให้คณะอนุกรรมการฯ ที่มี นพ.อมร ที่เป็นกรรมการแพทยสภาด้วย นำเสนอผลสรุปการสอบสวนดังกล่าว และคงมีการแจกเอกสารผลสรุปตอนที่เริ่มประชุม รวมถึงคงต้องมีการชี้แจงตอบข้อซักถามของที่ประชุมแพทยสภาถึงรายละเอียดการสอบสวน ซึ่งถึงตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าในที่ประชุมจะว่าอย่างไร ก็อาจเป็นไปได้ทั้งอาจมีการขอให้สอบสวนเพิ่มเติม หากกรรมการเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าการสอบสวนยังไม่สมบูรณ์ จะเสนอแนะว่าควรไปสอบตรงไหนอีก หรือหากพิจารณาเอกสารแล้ว ฟังการชี้แจงแล้ว ก็อาจมีการลงมติกันเลย  หรือจะเลื่อนการลงมติออกไปหรือไม่ อันนี้ต้องรอดูการประชุม แต่สำหรับความเห็นผมคิดว่าก็น่าจะมีการลงมติในวันที่ 8 พ.ค.เลยว่าเห็นด้วยกับผลการสอบสวนหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตามองอยู่ ไม่น่าจะต้องเลื่อนออกไปอีก แต่ทั้งหมดก็ต้องอยู่ที่เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมว่าจะว่าอย่างไร” แพทย์ใหญ่จาก สธ. หนึ่งในกรรมการแพทยสภาระบุ

ลุ้นมติแพทยสภาถกปมชั้น 14

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากที่ประชุมแพทยสภาได้ข้อสรุปและมีการลงมติในวันที่ 8 พ.ค. มติที่จะออกมาต้องใช้เสียงข้างมาก จากนั้นจะส่งมติของที่ประชุมไปให้สภานายกพิเศษแพทยสภา คือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข  พิจารณาอีกครั้งว่าเห็นด้วยกับมติของที่ประชุมแพทยสภาหรือไม่

สำหรับคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงเฉพาะกิจ ชุด ศ.นพ.อมร ตั้งขึ้นตามมติของกรรมการแพทยสภาฯ เมื่อ 10 ต.ค.2567 โดยตั้งขึ้นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 เพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าวที่เกิดจากกรณีมีการร้องเรียนให้สอบสวนจริยธรรมแพทย์กรณีการย้ายผู้ป่วยจาก รพ.ราชทัณฑ์มาที่ รพ.ตำรวจ และอนุกรรมการฯ ได้เริ่มกระบวนการทำงานตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.2567 เช่นมีการทำหนังสือถึงแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เพื่อขอข้อมูลเพื่อประโยชน์แก่การสืบสวนสอบสวน อันเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาเรื่องจริยธรรมของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม

ทั้งนี้ เดิมทีคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ เคยจะนำผลสรุปการสอบสวนเข้าที่ประชุมแพทยสภา วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ได้เลื่อนการพิจารณาการสอบสวนออกไปหนึ่งเดือน หลัง รพ.ตำรวจและทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ได้มีการส่งเอกสารทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาตัวนายทักษิณมาให้อนุกรรมการฯ เพิ่มเติม ทำให้อนุกรรมการฯ จึงขยายเวลาการสอบสวนออกไปหนึ่งเดือน และเลื่อนการนำส่งผลสรุปการสอบสวนจากเดิม 10 เม.ย. มาเป็นเดือน พ.ค. ที่ตรงกับการประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 เม.ย. มีการแถลงข่าวจากแพทยสภา หลังการประชุมประจำเดือนเมษายนเสร็จสิ้นลง โดยวันดังกล่าว รศ.(พิเศษ) นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ  กรรมการแพทยสภา ได้ชี้แจงขั้นตอนการสอบสวนเรื่องร้องเรียนแพทย์ของแพทยสภา โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า มีทั้งสิ้น 7 ขั้นตอน และขั้นตอนที่อนุกรรมการสอบสวนฯ ชุด นพ.อมร กำลังสอบสวน อยู่ในขั้นตอนที่ 4 ซึ่งเมื่อสอบสวนเสร็จ ต้องส่งเรื่องให้อนุกรรมการกลั่นกรองที่มีบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่แพทย์ แต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางกฎหมายให้ความเห็นต่อคดี เพื่อให้มีความแน่นหนาต่อการทำสำนวน ที่เป็นขั้นตอนที่ 5

จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 6 คือส่งให้ที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาว่าผู้ถูกร้องมีความผิดต้องลงโทษหรือไม่ หรือยกข้อกล่าวหา และเมื่อลงมติแล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 7   คือเสนอต่อสภานายกพิเศษ ซึ่งถ้าสภานายกพิเศษใช้อำนาจโต้แย้ง เรื่องจะต้องย้อนกลับมายังคณะกรรมการแพทยสภาลงความเห็น โดยหากที่ประชุมแพทยสภาลงมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม ทางผู้ถูกร้อง (หากถูกลงโทษ) ถ้าไม่เห็นด้วยก็สามารถยื่นร้องต่อศาลปกครอง แต่ถ้าที่ประชุมแพทยสภาเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 จะถือว่ายึดตามความเห็นของสภานายกพิเศษ คือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยุติธรรม) กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนเพื่อดูข้อมูลการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ โดยให้โจทก์และคู่ความเดิม ทั้งเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ    โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจส่งหลักฐานว่า ในส่วนนี้ได้เตรียมข้อมูลไว้แล้ว โดยกรมราชทัณฑ์ได้เตรียมการไว้แต่ต้น ซึ่งจะรายงานให้ศาลทราบ

ถามว่า กรมราชทัณฑ์ยังมั่นใจขั้นตอนว่าได้ทำถูกต้องใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เป็นขั้นตอนที่ปฏิบัติมาตั้งแต่กฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่ เรื่องนี้มีคำพิพากษาศาลฎีกาวางไว้  โดยกรมราชทัณฑ์จะทำอะไรต้องดูเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยดูร่างกฎหมายแต่ละมาตรา เราทำได้แค่ไหน เพราะเรื่องการบริหารโทษในราชทัณฑ์ เราต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลด้วย

ซักว่าสังคมยังมีข้อกังขาในเรื่องนี้ ทั้งที่มีการอธิบายมาอย่างต่อเนื่อง พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า  สังคมมีสิทธิ์กังขา ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่สังคมจะเชื่อศาลเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด

ทวีโยนไม่เกี่ยวทักษิณนอน รพ.

ถามถึงการประชุมแพทยสภาในวันที่ 8 พ.ค.นี้ อาจมีการนำเสนอผลการตรวจสอบว่านายทักษิณมีการป่วยจริงหรือป่วยทิพย์ ถ้าผลออกมาในทางลบต่อนายทักษิณ จะส่งผลกระทบกับรัฐมนตรี มีข้อกังวลหรือไม่ รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า  เราต้องรับฟัง และตนเคารพการตรวจสอบ ตอนที่ตนเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี นายทักษิณไปอยู่ที่โรงพยาบาล 1 เดือนแล้ว และเมื่อไปดูเนื้อหาข้างใน ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนหมด ไม่มีอะไรผิดปกติ

ย้ำว่าหากศาลเรียกพร้อมที่จะชี้แจงใช่หรือไม่  รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า น่าจะถามรัฐมนตรีคนก่อน  เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในช่วงเหตุการณ์นั้น

ส่วน นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา มีอำนาจในการยับยั้งหรือเห็นชอบรายงานการประชุมของแพทยสภา กรณีสอบสวนจริยธรรมแพทย์ รพ.ตำรวจและทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งทำการรักษานายทักษิณว่า ประเด็นหนึ่งที่สังคมหวาดระแวงว่าอำนาจทางการเมืองจะเข้ามาแทรกแซงกระบวนการสอบสวน โดยผ่านข้าราชการประจำระดับอธิบดีบางกรมของกระทรวงสาธารณสุข ที่เป็นกรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง

นพ.ตุลย์กล่าวว่า ขณะที่ รมว.สาธารณสุขเป็นสภานายกพิเศษของแพทยสภา สามารถยับยั้งมติของคณะกรรมการแพทยสภาได้ภายใน 15 วันนับแต่ได้รับมตินั้น หากไม่ยับยั้งถือว่าเห็นชอบกับมตินั้น แต่หากสภานายกพิเศษยับยั้ง  คณะกรรมการแพทยสภาจำนวนสองในสามยืนยันมติตามเดิม ก็ต้องเป็นไปตามคณะกรรมการแพทยสภา

"ที่ผ่านมายังไม่เคยมี รมว.สาธารณสุขท่านใดในฐานะสภานายกพิเศษยับยั้งมติคณะกรรมการแพทยสภาใช่หรือไม่ ในเรื่องนี้แพทยสภาต้องออกมาให้ข้อมูลต่อสาธารณชน เพราะเป็นกรณีที่ถูกเฝ้ามองจากผู้คนทั่วประเทศ และสภาวิชาชีพแพทย์ในต่างประเทศให้ความสนใจ  ดังนั้นในกรณีนี้ หากสภานายกพิเศษทำการยับยั้งมติคณะกรรมการแพทยสภา รมว.สาธารณสุขต้องมีคำชี้แจงต่อสังคมเช่นกัน" นพ.ตุลย์กล่าว

ถามว่า สังคมหวาดระแวงจะมีอำนาจการเมืองเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ นพ.ตุลย์กล่าวว่า  เรื่องนี้แพทยสภาสามารถดำเนินการพิจารณาอย่างโปร่งใส โดยเปิดเผยผลการลงมติของกรรมการแพทยสภาแต่ละท่านให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วกัน

"แพทยสภาจึงจะเป็นสภาวิชาชีพที่ทำหน้าที่ผดุงเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพแพทย์ในสังคม และได้รับความไว้วางใจและการยอมรับจากสังคมไทยสืบต่อไป" นพ.ตุลย์กล่าว

วันเดียวกัน เวลา 13.20 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมแถลงจับกุมยาเสพติดรายสำคัญซึ่งลำเลียงมาพักคอยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเจ้าหน้าที่ยึดของกลางยาบ้า 8.7 ล้านเม็ด ไอซ์ 18 กระสอบ  น้ำหนักรวม 720 กิโลกรัม พร้อมให้กำลังใจและชื่นชมผลงาน ที่ทำผลงานตามนโยบายของรัฐบาลได้อย่างเข้มข้น

ที่รัฐสภา นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา กล่าวถึงกรณี กมธ.จะเชิญ น.ส.แพทองธาร เข้าร่วมประชุมว่า วาระดังกล่าวไม่ทราบว่าหลุดออกไปได้อย่างไร เพราะยังไม่มีการตรวจทาน อย่างไรก็ดี การประชุมวันที่ 8 พ.ค. จะพิจารณาวางกรอบแนวทาง รวมถึงการตั้งคณะอนุ กมธ. หากจะเชิญบุคคลภายนอกร่วมประชุม น่าจะเป็นการประชุมในวันที่ 15 พ.ค. ซึ่งเบื้องต้นยอมรับว่ามีแนวคิดจะเชิญนายกฯ หรือ รมต.ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ Ringside การเมือง ประเด็นกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ว่า ยังมีอีกหลายขั้น และที่สำคัญที่สุดคือฟังเสียงประชาชน ถ้าดีที่สุดควรทำประชามติให้ประชาชนตัดสินใจ พรรค ภท.เคยเสนอนายกฯ ไปแล้ว และท่านก็รับฟัง ถ้ามีประชามติทุกคนสบายใจ

 “กว่าจะไปถึงจุดนั้นจะต้องไม่มียิงลูกโดด  พรรคร่วมฯ ต้องโหวตกฎหมายนี้ทุกพรรค ถ้าพรรคหนึ่งมีเงื่อนไข พรรคอื่นก็มีเงื่อนไข แบบนั้นถือว่าไม่เรียบร้อย ก็ยังไม่ต้องเอาเข้าสภา พรรคร่วมรัฐบาลต้องเป็นหนึ่งจึงจะผลักดันได้ นี่คือเรื่องของสปิริตพรรคร่วมรัฐบาล” นายอนุทินกล่าว

ถามถึงการปรับ ครม.ที่เป็นกระแสมาอย่างต่อเนื่อง นายอนุทินกล่าวว่า ใน ครม.ไม่เคยพูดคุยกันเลย นายกฯ ก็ไม่เคยปรารภ หรือแม้กระทั่งเจรจาหรือแจ้งว่าจะมีการปรับเปลี่ยน ท่านก็ไม่ได้พูดถึง ท่านพูดแต่ว่าต้องทำงานด้วยกัน ทำเต็มที่  ทำให้รัฐบาลเข้มแข็ง ทำให้จบแล้วไปต่อ

"ท่านนายกฯ ไม่มีปัญหา และท่านแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน ท่านสนุกในการทำงาน ส่วนผมสนับสนุนท่านนายกฯ แน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างกันนับว่าดี ผมอยู่ตรงนี้ถ้าเป็นนักฟุตบอลเล่นกันในสนาม ผมเองไม่รู้สึกว่าจะมีใครมาเตะเจาะยาง แต่คนนอกก็มองจากมุมเขา เราเองก็ไปคิดแทนกันไม่ได้ สำหรับพรรค ภท. ต้องทำงานหนัก  สร้างผลงาน ก็หวังว่าเมื่อเข้าตาประชาชนจะได้  สส.มากขึ้น” นายอนุทินกล่าว.