โอละพ่อ!กกต.ปัดฟัน60สว.ฮั้ว

โอละพ่อ! กกต.โร่ปัดฟัน 60 สว.ล็อตแรกคดีฮั้ว แจงยังไต่สวนแค่ขั้นหนึ่ง หลังดีเอสไอปล่อยข่าวลงดาบบิ๊กเนมสายสีน้ำเงิน  “มท.1” ลอยแพยกชุด ลั่นไม่เกี่ยว ฟาดสื่ออย่าเสี้ยม “มท.-ยธ.” ให้ชนกัน “ทวี” จ่อสรุปสำนวน  แย้มพยานสำคัญเป็นคนเกี่ยวข้อง พร้อมคุ้มครองดูแลความปลอดภัย สว.บางคน ขุดเส้นทางการเงินไล่เชือดเรียงตัว ขณะที่ “คณะ สว.สำรอง”  หัวหมู่ทะลวงฟันลากไส้ “อำนาจเจริญ” ต้นทางขบวนการโพยฮั้ว มีนักการเมืองใหญ่ดูแล กกต.แจงข่าวฟ้าผ่าวุฒิสภาลงดาบฟัน 60 สว.ตัวเป้ง    ยื่นศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิ ข่าวคลาดเคลื่อน ขั้นตอนของ กกต.ยังอยู่ระหว่างการไต่สวน หากมีมูล หลักฐาน แล้วถึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้ชี้แจง

เมื่อวันพุธที่ 7 พ.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน และมีกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่มาจาก กกต.และดีเอสไอ รวม 7 ราย ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.67 พบการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 จึงส่งหลักฐานและข้อมูลทั้งหมดให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกอบการพิจารณาตามกฎหมายเลือกตั้ง อาทิ การพิจารณาเพิกถอนสิทธิ สว.นั้น

ล่าสุด มีเสียงลือสะพัดว่าบรรดา 138 สว.พูดกันว่า มีการเคลียร์กันแล้ว ข้างบนเคลียร์กันแล้ว  หลังรู้ตัวว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะถูกเจ้าหน้าที่ กกต.เรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561  โดยในวันที่ 8 พ.ค.นี้ กกต.จะมีการทยอยเรียกแจ้งข้อกล่าวหา สว.ล็อตแรกจำนวน 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็น สว.คนดัง ตามความผิดกฎหมายเลือกตั้ง พ.ร.ป.การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 ประกอบด้วย

มาตรา 32 ห้ามมิให้กรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ประธานและกรรมการในคณะกรรมการระดับจังหวัดหรือในคณะกรรมการระดับอำเภอ ผู้อำนวยการการเลือก หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำการอื่นใดอันเป็นการขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งของคณะกรรมการ คณะกรรมการระดับจังหวัด คณะกรรมการระดับอำเภอ ผู้อำนวยการการเลือก  หรือคำสั่งของศาลอันเกี่ยวกับการเลือกตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ กรรมการ  เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ประธานและกรรมการในคณะกรรมการระดับจังหวัดหรือในคณะกรรมการระดับอำเภอ ผู้อำนวยการการเลือก หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หรือกฎหมาย ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งของคณะกรรมการหรือปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอันเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หากได้กระทำโดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง

มาตรา 36 ผู้สมัครอาจแนะนำตัวได้ตามวิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้สมัคร จะช่วยเหลือผู้สมัครในการแนะนำตัว ต้องปฏิบัติตามวิธีการและเงื่อนไขตามวรรคหนึ่ง มาตรา 32

มาตรา 62 เมื่อคณะกรรมการประกาศผลการเลือกตามมาตรา 42 วรรคสองแล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือก หรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น อันทำให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น  เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ถ้าผู้ถูกกล่าวหาเป็นสมาชิกวุฒิสภา ให้ผู้นั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลฎีกาจะพิพากษาว่าผู้นั้นมิได้กระทำความผิด เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษา ว่าผู้นั้นกระทำความผิด ให้สมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภาผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับแก่ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งอยู่ในบัญชีสำรองด้วย และเมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าผู้นั้นกระทำความผิด ให้คณะกรรมการสั่งลบรายชื่อผู้นั้นออกจากบัญชีสำรอง และให้นำความในมาตรา 46 วรรคสอง มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลม

มาตรา 70 ผู้สมัครผู้ใดไม่ปฏิบัติตามวิธีการหรือเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 36 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี

มาตรา 77 ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือถอนการสมัคร หรือกระทำการใดๆ อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ผู้นั้นหมดสิทธิที่จะเลือกหรือได้รับเลือก หรือเพื่อจงใจให้ผู้สมัครหรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี (1) จัด ทำให้  เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด

มาโดยการฮั้ว

รายงานข่าวระบุว่า บุคคลที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาล้วนมีพฤติการณ์และพยานหลักฐานชัดเจนว่ากระทำความผิด ไม่ได้ถูกเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยสุจริตเที่ยงธรรม หรือกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ คือ มาโดยการฮั้ว ซึ่งกระบวนการหลังจากนั้น วุฒิสภาที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหากับ กกต. เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เนื่องจาก กกต.เป็นระบบไต่สวน ฉะนั้น หากเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาแล้วไม่มาพบเจ้าหน้าที่ ถือว่าประสงค์ไม่ให้การชี้แจง แต่จะไม่ถึงขั้นขอศาลออกหมายจับ แต่ กกต.จะเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาเรื่องการทุจริตเพื่อออกใบแดง และส่งเรื่องเพิกถอนสิทธิ สว.ไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต่อไป

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ส่วนกรณีที่ดีเอสไอดำเนินการเรื่องความผิดคดีอาญาอื่นคือฐานฟอกเงินและอั้งยี่นั้น สำนวนนี้ดีเอสไอคือหัวเรือหลักในการสอบสวนบุคคลที่ร่วมกระทำทุจริตรับเงิน เป็นกลุ่มโหวตเตอร์พลีชีพจัดฮั้ว ซึ่งเบื้องต้นมีจำนวนหลายร้อยคน ดังนั้น เมื่อสอบสวนเสร็จสิ้น ดีเอสไอต้องสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่ออัยการส่งศาลอาญารัชดาภิเษก ซึ่งฐานความผิดอาญานี้ ผู้ถูกกล่าวหาสามารถสู้ได้ถึง 3 ศาลคือ ศาลชั้นต้น อุทธรณ์ และศาลฎีกา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็น ปรากฏว่า  กกต.ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยแหล่งข่าวจาก กกต.ระบุว่า จากกรณีคณะกรรมการ กกต.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต. และเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ร่วมกันดำเนินการไต่สวน กรณีมีการกล่าวหาการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการไต่สวน ซึ่งเป็นขั้นที่ 1 ของการดำเนินการตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566

กรณีหากการดำเนินการไต่สวนแล้วมีมูลหรือหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาดังกล่าว หรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 จะมีการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ถูกกล่าวหา ตามระเบียบดังกล่าว เพื่อให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อกล่าวหา

"การดำเนินการของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ยังอยู่ในขั้นที่ 1 เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะเสนอสำนักงาน กกต.  เลขาธิการ กกต. หรือรองเลขาธิการ กกต. ที่ได้รับมอบหมายพิจารณา ตามขั้นที่ 2    

และขั้นที่ 3 เสนอคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง และขั้นที่ 4 ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่เสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาชี้ขาดหรือสั่งการ ดังนั้น ข่าวที่ปรากฏ จึงคลาดเคลื่อนจากขั้นตอนตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5 ) พ.ศ.2566" แหล่งข่าว กกต.ย้ำ

ปัด มท.ฟาด ยธ.

ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับกระทรวงมหาดไทย และตนก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอะไรกับฝั่ง สว. เพราะตนเป็น สส. และไม่ได้กังวลอะไร ย้ำว่าไม่เกี่ยวข้องกัน ต้องพยายามไม่ผูกกัน เพราะบางทีสื่อผูกเรื่องกันจนเกิดความสับสนไปหมด ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยก็จะให้ความร่วมมือในด้านการสืบสวนและสอบสวน กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ในเรื่องของการสอบสวนต่างๆ ของส่วนราชการ ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่

นายอนุทินระบุว่า ส่วนที่กระทรวงมหาดไทยไม่ให้ความร่วมมือ และมีการออกคำสั่งต่างๆ นั้น เป็นไปไม่ได้ แสดงว่าผิดกฎหมาย ย้ำให้ความร่วมมือในทุกกรณี หากผู้มาขอความร่วมมืออยู่ภายใต้กฎหมายที่ระบุไว้ชัดเจนแล้วมาตราอะไรบ้าง และขอให้สื่อมวลชนเสนอข่าวให้ถูกต้องด้วย

นายอนุทินระบุว่า มีความพยายามจะทำให้มีการชนกันระหว่างกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงยุติธรรม มันไม่มีตรงไหนที่มีความขัดแย้งกันเลย สื่อไปพาดหัวว่า “ท่านรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมจะฟันผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ” หากไปดูในข่าวหรือคลิปข่าว ก็ไม่มีคำไหนที่บอกว่าจะฟันผู้ว่าฯ เลย ซึ่งการนำเสนอข่าวแบบนี้ ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดสู่ประชาชนได้ และสิ่งที่ตนยืนยันตลอดเวลาว่า ข้าราชการกระทรวงมหาดไทยก็ต้องให้ความร่วมมือ หากได้รับการร้องขอใดๆ มาภายใต้กฎหมาย  หากไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่ได้ เมื่อเช้านี้ตนก็ได้ดูการนำเสนอข่าวว่ามีการปะทะกัน ชนกัน ยืนยันไม่มีเลย ต่างคนต่างทำตามหน้าที่

ทวีห่วงพยาน

ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 1 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนของดีเอสไอ เรามี 2 คดี คือคดีฟอกเงินและคดีอั้งยี่ซ่องโจร ทั้ง 2 คดีจะมีพนักงานสอบสวนที่ไปร่วมกับ กกต.อยู่ด้วย และเรายังได้ทำหนังสือขอให้ กกต.มาเป็นที่ปรึกษาด้วย ซึ่งหลักฐานในส่วนของเรานั้นจะเป็นเอกสาร ภาพถ่าย เสียง สถานที่อยู่ ซึ่งมี 10 กว่ารายการ หากรายการหนึ่งเป็นเรื่องบังเอิญได้ รายการที่สองจะไม่บังเอิญ แล้ว รายการที่สามจะเป็นพฤติกรรม ถ้ามีสี่ห้าหกเจ็ดก็เชื่อว่ามีการกระทำตามที่กล่าวหา

เมื่อถามว่า 2 คดีของดีเอสไอจะสรุปได้ในช่วงใด พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า หลังจาก กกต.ไม่นาน หากพยานไปถึงใครเอาหมด เมื่อถามว่าจะสาวไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า พยานไปถึงใครเอาหมด

ถามว่า นายอลงกต วรกี สว. ออกมาระบุว่า สว.อยู่สูงกว่าดีเอสไอ มองอย่างไร พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เราใช้พยานหลักฐานที่ สว.พูดมาจะบั่นทอนจิตใจหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนเรารับฟัง  บางทีท่านอาจมีข้อมูล เราเปิดโอกาส แม้แต่ สว.ที่คิดว่าตัวเองไม่ผิดก็มาเป็นพยานได้ เราพบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเป็นพยานเยอะในส่วนของดีเอสไอ และเราเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของพยาน ตอนนี้เริ่มมีการคุ้มครองพยาน และ สว.บางคน เมื่อได้ตำแหน่งเราได้ตรวจสอบไปว่ามีใครมาเป็นผู้ช่วยมาเป็นผู้เชี่ยวชาญแล้วได้รับประโยชน์เป็นเงินของรัฐบาล เราก็ต้องไปตรวจสอบ

เมื่อถามว่า พยานที่ว่ามี สว.หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ต้องไปถามพนักงานสอบสวน เมื่อถามว่านอกจากการหาข้อมูลที่อำนาจเจริญแล้ว ยังมีจังหวัดอื่นๆ อีกหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ทุกจังหวัด และที่อำนาจเจริญไม่ได้มีการขัดขวาง  หากไปดูการให้การใน 10 กว่าปาก มีการพูดถึงผู้บงการอยู่

เมื่อถามว่า มีความขัดแย้งกับกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ และได้พูดคุยกับนายอนุทินบ้างหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า มีการพูดคุย ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้ทักทายกัน และตนไม่ได้มีความขัดแย้งกับกระทรวงมหาดไทย  อีกทั้งในกฎหมายสอบสวนคดีพิเศษบางมาตรา ที่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการประสานงานกับผู้ว่าฯ  และตำรวจ ซึ่งผู้ว่าฯ เป็นพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจที่มีหน้าที่สืบสวน หากดีเอสไอแจ้งไปท่านคงไม่ขัดขวาง

“ซึ่งในส่วนของผู้ว่าฯ ไม่ทราบว่าอธิบดีดีเอสไอแจ้งไปหรือไม่ และหากเข้าไปขอหลักฐาน ถ้าใครไม่ให้หลักฐาน ในมาตรา 24 จะมีโทษอยู่ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนหากมีหน้าที่แล้วไม่ทำ โดยเฉพาะเรื่องการทุจริต จะมีความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ รวมถึงกฎหมายอาญามาตรา 157 ด้วย แต่ขณะนี้ยังไม่พบว่ามีการขัดขวาง” นายทวีระบุ

นักการเมืองคุม

ที่ กกต. กลุ่มคณะ สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ระบุว่า จ.อำนาจเจริญ มีกระบวนการในการจัดขบวนการฮั้ว สว.ค่อนข้างชัดเจน มีกลุ่มนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่เข้าไปบงการ มีทั้งข้าราชการฝ่ายปกครองหรือตำรวจเข้าไปร่วมด้วย อีกทั้งมีการเกณฑ์คนไปสมัครคัดเลือกเป็น สว. เพื่อบริหารจัดการแบ่งกลุ่มดูแลกันเป็นรายอำเภอ อีกทั้งมีการจ่ายเงินจ่ายทองกันด้วย เพราะฉะนั้นคำว่าโพยมีที่มาจาก จ.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นทางในการรวมโพยทั้งหมด

ที่รัฐสภา นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวว่า จากกระแสข่าวดังกล่าว ส่วนตัวไม่ทราบจริงๆ และไม่รู้ว่าเอาข่าวหรือตัวเลขมาจากไหน รวมถึงไม่มีหนังสือเรียกจาก กกต.ส่งมาในกลุ่มของ สว.แต่อย่างใด

ส่วนในกระแสข่าวดังกล่าวระบุไว้ด้วยว่า สว.ทั้ง 138 คน ได้มีการพูดคุยกับนายใหญ่จนเคลียร์แล้วนั้น นายพิสิษฐ์หัวเราะก่อนตอบว่า “ต้องเรียนกับสื่อมวลชนตรงนี้เลย ผมก็ไม่ทราบว่านายใหญ่คือใคร ตัวผมเองก็รู้จัก สว.ทุกคนในวันที่มาเป็น สว.แล้ว วันที่เลือกจริงๆ ผมก็ไม่รู้จักใครเลย ทุกคนมีอิสระมาก ไม่มีการรู้จักกันมาก่อน”

สำหรับกรณีนายอลงกต วรกี สว. กล่าวว่า สว.มีศักดิ์สูงกว่า DSI นั้น นายพิสิษฐ์ชี้แจงว่า คำว่าศักดิ์สูงไม่มีจริง แต่ตนคิดว่านายอลงกตเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว และพูดเร็ว เร็วจนทำให้สื่อสารผิดพลาด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี