ตื่น!ยกเครื่องแจกเงินหมื่น คลังยอมแล้วไม่ทำคนเดียว

เห็นโลงศพถึงกับหลั่งน้ำตา! "ขุนคลัง" จ่อชงคณะกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยกเครื่องโครงการใช้เงิน-ดิจิทัลวอลเล็ตใหม่ หลังพิษภาษีทรัมป์ทำเจ็บ พ่วงมูดี้ส์ห่วงฐานะคลัง ยอมแล้วจะไม่ทำเรื่องนี้คนเดียว ด้านหอการค้าไทยชี้  ศก.ไทยปีนี้โตใกล้ 2% "ซิตี้ รีเสิร์ช" ปรับลดคาดการณ์จีดีพีประเทศไทยในปี 2568 จาก 3.0%  เหลือ 2.2% หลังส่งออกทรุดหนัก

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ เบื้องต้นคาดว่าจะมีการทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้เงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง ซึ่งในส่วนนี้รวมถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วย โดยการทบทวนในครั้งนี้ เป็นผลมาจากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐ ที่ขณะนี้ยังไม่มีประเทศไหนได้ข้อสรุปที่ชัดเจน จนส่งผลให้การค้าโลกหยุดชะงัก

นอกจากนี้ ยังรวมถึงกรณีที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ “มูดี้ส์” ได้ออกมาเตือนเรื่องฐานะการคลังของไทย ขณะเดียวกัน ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังได้มีการส่งหนังสือ โดยระบุว่า อยากเห็นการปรับแผนการใช้เงินงบประมาณ โดยมุ่งเน้นไปสู่การลงทุนมากขึ้น เพื่อรองรับการส่งออกที่อาจจะสะดุดได้ในอนาคต

 “เรื่องนี้ผมจะไม่ทำคนเดียว โดยผมได้มีการออกหนังสือถึงคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อแจ้งให้รับรู้ว่าจะมีการปรับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ  และให้แต่ละหน่วยงานทำการบ้านมาว่าจะต้องทบทวน ปรับแผน และปรับการใช้เงินอย่างไร โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเอายังไง จะปรับอย่างไร  กรรมการทุกคนรับรู้ว่าจะมีการปรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งต่างคนก็ต่างไปทำการบ้านกันมา”  นายพิชัยกล่าว

ทั้งนี้ มองว่าการทบทวนปรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ควรจะหันมาเน้นเรื่องการลงทุนเพื่อเศรษฐกิจภายในประเทศ เน้นการส่งเสริมการจ้างงาน อาทิ การสร้างโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากการหมักวัตถุดิบ เช่น หญ้าเนเปียร์ หรือข้าวโพด ตรงนี้จะช่วยในเรื่องการจ้างงาน และยังรองรับการใช้ไฟฟ้าในอนาคตของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ที่จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย และเน้นกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น  ตลอดจนปรับปรุงการผลิตของภาคเกษตร ซึ่งจะเกี่ยวเนื่องไปถึงการบริหารจัดการน้ำที่รัฐบาลจะต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งเรื่องน้ำกิน น้ำใช้ น้ำเพื่อการเกษตรและน้ำในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มากขึ้น จากปีนี้ที่แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มชะลอตัวลง

นายพิชัยกล่าวอีกว่า ส่วนตัวยังเห็นว่าประเทศไทยยังมีโอกาสในการส่งออกสินค้าไปจีนมากขึ้น หลังจากการค้าขายระหว่างสหรัฐและจีนลดลง โดยเบื้องต้นจากการสำรวจพบว่าจีนยังมีความต้องการสินค้าประเภทอะไหล่อยู่จำนวนมาก ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ไทยจะสามารถส่งออกสินค้าประเภทดังกล่าวไปจีนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งหากสามารถดำเนินการในส่วนนี้ได้ดี ก็เชื่อว่าอาจจะช่วยทำให้ภาพรวมการส่งออกของไทยไม่ชะลอตัวลงไปมากนัก

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ยังไม่มีปัจจัยเชิงลบที่จะเชื่อได้ว่าจะขยายตัวต่ำ โดยยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 จะขยายตัวได้ 2-2.5% และไตรมาส 2 จะขยายตัวใกล้เคียง 2% และคาดหวังว่าในช่วงไตรมาส 3-4 รัฐบาลจะมีแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ทั้งนี้ ไม่พบสัญญาณเศรษฐกิจที่ประชาชนระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยอย่างรุนแรง และยังคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ 2% +/-

ทั้งนี้ มองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสที่จะเห็น กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีกอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้ ซึ่งนโยบายการเงินจะผ่อนคลายต่อเนื่อง ควบคู่กับนโยบายการคลังที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพราะล่าสุดอัตราเฟ้อเดือน เม.ย. ติดลบ 2% เฉลี่ย 4 เดือนแรก อยู่ที่ 0.7% ต่ำกว่ากรอบเงินเฟ้อเป้าหมายของ ธปท.

โดยหลังจากนี้จะติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนว่าจะมีผลการหารือออกมาอย่างไร รวมทั้งติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศจีน หลังจากที่จีนเริ่มลดอัตราการสำรองเงินสดตามกฎหมาย 0.5% ซึ่งจะเป็นการเปิดช่องให้ธนาคารพาณิชย์ ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้มากขึ้น อีกทั้งการที่จีนส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ก็มีโอกาสทำให้เศรษฐกิจจีนปีนี้โตได้ 5% ซึ่งจะมีผลทำให้ชาวจีนนำเข้าสินค้า และเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้ตามปกติ

นายทาริก อาเหม็ด ข่าน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการขายและโซลูชันภาคองค์กรประจำประเทศไทยและเวียดนาม  ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย กล่าวว่า “ซิตี้ รีเสิร์ช ได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีประเทศไทยปี 2568  เหลือ 2.2% และคาดการณ์จีดีพีปี 2569 เหลือ 2.0% จากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกาและมาตรการขึ้นภาษีตอบโต้ของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก ที่คาดว่าจะกระทบต่อภาคการส่งออกและการผลิตของประเทศไทย ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขันที่ลดลง  ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การค้าโลก และการที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ไทยในอัตรา 36% แม้จะมีการชะลอขึ้นภาษี 90 วัน สร้างความไม่แน่นอนว่าไทยจะยังคงได้รับประโยชน์จากการกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทานโลกหรือไม่  ด้วยเหตุนี้ ซิตี้ฯ จึงปรับลดคาดการณ์การลงทุนภาคเอกชน เนื่องจากหลายโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) ในปี 2566-2567 อาจเกิดการล่าช้า”

 “ซิตี้ รีเสิร์ช คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกครั้งในเดือนตุลาคม 2568 เหลือ 1.50% ทำให้นโยบายการเงินผ่อนคลายลงเล็กน้อย และอาจลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกครั้งช่วงต้นปี 2569 แต่แนวโน้มที่ ธปท.จะใช้ค่าเงินบาทที่อ่อนลงเป็นกลไกดูดซับแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอกอาจเผชิญความท้าทาย จากการที่ไทยยังไม่สามารถนำดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมาใช้หมุนเวียนภายในประเทศได้เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่ประเทศไทยอาจถูกจับตามองจากกระทรวงการคลังสหรัฐว่ามีพฤติกรรมบิดเบือนค่าเงิน" นายทาริกกล่าวสรุป

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และโฆษกกระทรวงการคลัง   เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท. เมื่อวันที่ 7 พ.ค.2568 มีมติเห็นชอบให้มีการเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการ ธปท. ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.-4 มิ.ย.2568.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม