"แพทยสภา" มีมติเอกฉันท์ ฟันแพทย์ 3 รายปมจริยธรรมรักษา "ทักษิณ" ชั้น 14 ระบุ 1 รายโดนตักเตือน อีก 2 รายพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม เหตุให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ไม่ตรงกับความเป็นจริง "หมอประสิทธิ์" ชี้ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์มีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น เตรียมชง "รมว.สธ." เห็นชอบ "สทร." แห้ว! ศาลไม่อนุญาตเดินทางไปกาตาร์ "ทนาย" บอกศาลมองไม่มีกำหนดการชัดเจน "สรวงศ์" ยันมติฟันเสื้อกาวน์ไม่กระทบ พท. เผยนายกฯ อิ๊งค์ไม่มีพูดถึง ขออย่าโยงการเมือง "หมอวรงค์-อดีตบิ๊กข่าวกรอง" เชื่อส่งผลถึง 13 มิ.ย. ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนแน่
ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข วันที่่ 8 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ ซึ่งเป็นการประชุมประจำเดือนพฤษภาคม โดยวาระสำคัญคือการนำเสนอผลสรุปการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองของแพทยสภา กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 15.40 น. ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์แถลงว่า ที่ประชุมกรรมการแพทยสภาที่ 5/2568 มีการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องอยู่ในความสนใจของประชาชน กรณีกล่าวโทษแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งระชุมมีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน โดยตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ท่าน ในกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
"หลังจากนี้จะนำเสนอมติต่อสภานายกพิเศษ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) เพื่อขอความเห็นชอบก่อนจะดำเนินการตามมติ ดังนั้นทั้งหมดจึงต้องรอความเห็นจาก รมว.สธ.เป็นไปตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
ถามว่าสาเหตุที่ตัดสินเช่นนี้เพราะอะไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับท่านที่ว่ากล่าวตักเตือนเป็นความผิดที่ไม่ได้รุนแรง เนื่องจากเกี่ยวกับเรื่องการออกใบส่งตัว ส่วนอีก 2 ท่านเป็นเรื่องการให้ข้อมูลเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
ซักว่ากรณีการให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริงหมายถึงอะไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลที่เราได้รับไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น
พอถามว่าสรุปคือไม่ป่วยจริงใช่หรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ตนบอกได้แค่ว่าด้วยข้อมูลหลักฐานทั้งหลายที่เราได้รับไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่า มีภาวะวิกฤตเกิดขึ้นตามที่มีการแถลงข่าว อยู่ที่การตีความ ดังนั้นวันนี้ที่เราไม่สามารถบอกว่าต้องพักใช้ใบอนุญาตนานเท่าไหร่ เพราะการจะพักใช้นานเท่าไหร่อยู่ที่ความเห็นชอบของสภานายกพิเศษ หากเราให้ข้อมูลไปก่อนแล้วไม่ตรงกัน หรือมีความเห็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้น ต้องรอให้จบทุกขั้นตอนจึงจะบอกได้ว่าต้องพักใช้ใบประกอบวิชาชีพนานเท่าไหร่
แพทยสภาฟัน 3 หมอเซ่นชั้น 14
ถามถึงรายละเอียดเอกสารที่ไม่สอดคล้องกับอาการป่วย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า เอกสารที่เราได้รับ ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด แต่เท่าที่ได้รับมา มันเป็นแบบนั้น เมื่อถามอีกว่า เนื่องจากสังคมจับตาการทำงานของแพทยสภา มติที่ออกมาในวันนี้คิดว่าจะเรียกความเชื่อมั่น ศรัทธา เกียรติยศ และศักดิ์ศรีกลับคืนหรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า แพทยสภายึดความถูกต้อง ยึดหลักฐานต่างๆ เราไม่ได้สนใจปัจจัยภายนอก
"เราไม่ได้สนใจว่าคนไข้ท่านนี้เป็นใคร เราไม่ได้อิงปัจจัยภายนอก ไม่อย่างนั้นจะเกิดเป็นประเด็น ดังนั้นจากข้อมูลที่มีแบบนี้จึงสรุปออกมาแบบนี้ และขอให้รู้ว่า พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มีมติอย่างไรยังไม่สิ้นสุด คำสั่งยังออกไม่ได้จนกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขจะเห็นชอบ สรุปคือคำสั่งยังออกไม่ได้จนกว่ารัฐมนตรีจะเห็นชอบ" ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า แพทย์ด้านไหนที่เข้าข่ายความผิดนี้ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า เป็นแพทย์เฉพาะทางและออร์โธปิดิกส์ เมื่อถามต่อว่า มติดังกล่าวเป็นเอกฉันท์หรือไม่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า “มติที่ออกมาเป็นเสียงส่วนใหญ่มากๆๆๆ ก็แล้วกัน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงโทษแพทย์ 3 คนจากจำนวนที่ถูกร้องมาเท่าไหร่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ไม่ตอบคำถาม แต่ขึ้นลิฟต์เพื่อประชุมเรื่องอื่นต่อ
ทั้งนี้ คณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่มีประมาณ 70 คน ทั้งกรรมการโดยตำแหน่ง ประกอบด้วย สัดส่วนกระทรวงสาธารณสุข คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้แทนนายแพทย์ใหญ่ รพ. 4 เหล่าทัพ คือ เจ้ากรมแพทย์ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ โดยสัดส่วนผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขประกอบด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์ และ พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย ซึ่งปรากฏว่า กรรมการทั้ง 3 คนได้ส่งผู้แทนมา เข้าประชุมแทน เนื่องจากติดภารกิจ ส่วนกรรมการโดยตำแหน่ง ซึ่งในส่วนของผู้ที่ลาประชุมเบื้องต้นคือ ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา ติดภารกิจไปต่างประเทศ
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้เดินทางมายื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปประเทศกาตาร์ตามคำเชิญของเจ้าผู้ครองนครรัฐ
โดยมีรายงานว่า นายทักษิณเดินทางมาด้วยรถยนต์โรลส์-รอยซ์สีดำ ซึ่งศาลอาญาเปิดบัลลังก์ไต่สวนคำร้องของนายทักษิณ โดยมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาด้วย
จากนั้นนายทักษิณได้เดินทางกลับ โดยใช้เวลาไม่นาน ซึ่งคาดว่าศาลจะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่ในช่วงบ่าย (8 พ.ค.) อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายมีรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาศาลอาญา แต่ยังไม่ทราบว่าเกี่ยวกับเรื่องนายทักษิณยื่นคำร้องเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่
ศาลไม่อนุญาตให้ทักษิณไปกาตาร์
มีรายงานว่า ศาลอาญายกคำร้องไม่อนุญาตให้นายทักษิณออกนอกประเทศ หลังขอเดินทางไปประเทศกาตาร์ ตามคำเชิญของเจ้าผู้ครองนครรัฐ
โดยนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณระบุว่า การไปครั้งนี้อดีตนายกฯ หวังเจอ นายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
"ที่ศาลยกคำร้องมองเป็นเรื่องส่วนตัว ยังไม่มีกำหนดการชัดเจน การไปเจอนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเพียงการคาดหมายเท่านั้น" ทนายความนายทักษิณระบุ
ด้าน นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 คน จากกรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณที่ชั้น 14 รพ.ตํารวจ จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลและพรรค พท.หรือไม่ว่า ยืนยันคดีของนายทักษิณไม่เกี่ยวกับพรรค และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะเข้ามารับตําแหน่งหลังจากที่นายทักษิณออกมาจาก รพ.ตำรวจเรียบร้อยแล้ว
"ไม่อยากเอาเรื่องดังกล่าวมาเกี่ยวข้องกับพรรค ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเมืองด้วยซ้ำ แต่ขอให้ไปดูว่าคำวินิจฉัยออกมาเป็นเช่นไร และเป็นความผิดของใคร หนักถึงขั้นไหน ยํ้าว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่นอกเหนือจากการเมืองจริงๆ" นายสรวงศ์กล่าว
ถามถึงกรณีที่นายทักษิณขออนุญาตเดินทางออกนอกประเทศไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อเจรจาถึงกำแพงภาษี นายสรวงศ์กล่าวว่า เห็นเพียงในภาพข่าวว่าได้ขออนุญาตศาล และจากที่พบกับ น.ส.แพทองธารก็ไม่ได้พูดถึง 2 ประเด็นดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่พูดถึงเรื่องการท่องเที่ยวในโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนายทักษิณแต่อย่างใด
ส่วน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อกังวลกรณีศาลมีคำสั่งนัดไต่สวน นายทักษิณกรณีพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ เป็นไปตามคำสั่งศาลหรือไม่ ในวันที่ 13 มิ.ย.2568 เวลา 09.30 น. ว่า ตนไม่ทราบ และเขาพร้อมไปอยู่แล้ว ดูแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ไม่มีอะไรต้องกังวล
ถามว่า หากผลออกมาในทิศทางตรงข้าม อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีหรอก อย่าไปคิดมาก เมื่อถามย้ำว่า หากผลออกมาเป็นไปในทางตรงข้าม กังวลว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ท่านทักษิณมั่นใจว่าท่านทำทุกอย่างถูกต้อง ดังนั้นไม่ต้องกังวลอะไร จะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ในส่วนของรัฐบาลก็เดินหน้าทำงานอยู่แล้ว
ซักถึงกรณีที่นายทักษิณขออนุญาตศาลเดินทางออกนอกประเทศเพื่อไปตั้งหลักหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ชอบไปฟังข่าวลือ และอยากให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลยังคงทำงานอยู่ต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันบ้านเมืองจะมีปัญหามากมาย แต่การเข้ามาเป็นรัฐบาลมาบริหารประเทศในสถานการณ์วิกฤต ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา รัฐบาลพร้อมทำงานอยู่แล้ว
ย้ำว่าหลังวันที่ 13 มิ.ย. รัฐบาลชุดนี้ก็ยังคงทำงานอยู่ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ยังทำงาน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันทุกคนยังทำงานกันเต็มที่ ไม่ได้มีอะไร อย่าไปคาดการณ์อะไรมาก ขณะนี้ไม่มีใครรู้ว่าคดีจะเป็นอย่างไร มีแต่การคาดเดา ซึ่งจากที่ฟังดูศาลได้ให้รวบรวมข้อเท็จจริงไปชี้แจง
ถามว่า ข้าราชการจะมีเกียร์ว่างหรือไม่ เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายชูศักดิ์กล่าวว่า ก็ยังทำงานเต็มที่อยู่ ซึ่งในความเห็นของตนไม่มีอะไร
แนะจับตาศาลฎีกาฯ 13 มิ.ย.
ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขอแปลผลการแถลง ของแพทยสภาเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายๆ คือ เท่ากับว่าเป็นการยืนยัน มีแพทย์ที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือนักโทษ ที่ถูกลงโทษทางจริยธรรม 3 คน ที่นักโทษไม่ได้ป่วยวิกฤต แต่ใช้วิชาชีพแพทย์เพื่อช่วยเหลือ มี 2 คนที่ถือว่าเป็นโทษที่หนัก นั่นคือการพักใบอนุญาต ซึ่งตีความได้ว่า แพทย์ 2 คนนี้มีการออกเอกสารทางการแพทย์ไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็คือออกเอกสารเท็จ เพื่อช่วยเหลือนักโทษ เพราะนักโทษรายนี้ไม่ได้ป่วยวิกฤตตามที่อ้าง
"เชื่อว่าผลของแพทยสภาจะถูกไปใช้ประโยชน์ที่ ป.ป.ช. และศาลฎีกานักการเมืองที่จะมีการไต่สวนเร็วๆ นี้ ส่วนจะขยายความผิดไปที่ใครบ้าง ต้องติดตาม ป.ป.ช.และศาล" นพ.วรงค์ระบุ
เช่นเดียวกับ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการ รมว.การต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องโลกซ้ำกรรมซัด ระบุว่า แพทยสภามีมติพักใบอนุญาตหมอ 2 ราย และตักเตือน 1 ราย เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าผู้ป่วยอยู่ในขั้นป่วยวิกฤต หมายความว่าหลักฐานต่างๆ ที่อยู่ในมือแพทยสภา บ่งชี้ว่านักโทษชั้น 14 ไม่ใช่ผู้ป่วยวิกฤต
"ถ้าไม่ใช่ผู้ป่วยวิกฤต นอน รพ.ตร.ได้ยังไงตั้ง 6 เดือน ต้องมีผู้รับผิดชอบ แม้ท้ายที่สุดการพักใบอนุญาตต้องให้รัฐมนตรีเห็นชอบว่าจะให้พักนานเท่าที่แพทยสภามีมติ แต่ถึงจะไม่เห็นชอบก็ไม่ได้แปลว่าพ้นผิด ประการสำคัญผลการพิจารณานี้ ที่ประชุมองค์คณะศาลฎีกาที่จะพิจารณาคดีในวันที่ 13 มิถุนายน จะนำเข้าพิจารณาด้วยหรือไม่ สุดท้ายจะกลับเข้าคุกหรือจะหนี" อดีตรอง ผอ.สำนักข่าวกรองแห่งชาติระบุ
นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งระบุว่า กรณีที่ต้องเสนอต่อ รมต.กระทรวงสาธารณสุขนั้น น่าจะเป็นเฉพาะกรณีการลงโทษแพทย์ทั้ง 3 ราย ที่ต้องได้รับความเห็นชอบจาก รมต. กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะนายกสภาพิเศษ ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 มาตรา 25 ประกอบมาตรา 39
"แต่สำหรับข้อเท็จจริงกรณีที่ว่า ประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์ไม่ตรงกับความเป็นจริง รมต.กระทรวงสาธารณสุขน่าจะโต้แย้งมติที่ประชุมไม่ได้" อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีการายนี้ระบุ
นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะสมาชิกแพทยสภา
โพสต์ข้อความถึงกรรมการแพทยสภาทุกท่านเรื่องมติแพทยสภา ระบุว่า มติที่ประชุมแพทยสภาในวันนี้ เกี่ยวกับมาตรฐานการรักษาและจริยธรรมของแพทย์ที่ให้การรักษาทักษิณ เป็นที่ชื่นชมของสาธารณชน เป็นการรักษาชื่อเสียงและเกียรติภูมิของวิชาชีพแพทย์และแพทยสภา
"กระผมในฐานะสมาชิกแพทยสภา ขอกราบขอบพระคุณ และขอแสดงความชื่นชม คณะอนุกรรมการไต่สวน คณะอนุกรรมการกลั่นกรอง และกรรมการแพทยสภาทุกท่าน ที่ได้เสียสละแรงกายแรงใจ ทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของแต่ละท่านอย่างเต็มที่ ท่ามกลางความกดดัน และเสียงติฉินนินทา แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผลของการสอบสวนและลงมติ ก็เป็นที่ยอมรับของสังคม" นพ.ตุลย์ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


