“นายกฯ อิ๊งค์” พ้อไทยเสียโอกาส! หลังศาลไม่ไฟเขียวให้ “พ่อ” เดินทางไปกาตาร์พบทรัมป์ บอกส่งข้อเสนอเจรจาภาษีให้มะกันแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน รอนัดวันถก “ครม.” เคาะออกโทเคนดิจิทัล วงเงินไม่เกิน 5 พันล้าน “ขุนคลัง” ยันไม่ใช่คริปโตฯ หวังเป็นทางเลือกทางออกดันไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล “สบน.” ปัดไม่เกี่ยวกับโครงการแจกเงิน คาดวางขายกรกฎาคมนี้
เมื่อวันอังคารที่ 13 พ.ค.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าการเจรจากำแพงภาษีของประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากจีนได้แซงหน้าไทยไปแล้ว โดยอุทานว่า “โอ้โห ใช้คำว่าจีนแซงหน้าไม่ได้นะ” ก่อนกล่าวว่า เราคิดว่าอันนี้มีการคลี่คลายทางเลือกนี้มากกว่า วันนี้ตลาดหุ้นก็บวกอยู่ ที่เราพูดกันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเรารอเวลาที่เหมาะสม ก็คือการนัดเข้าไปคุย ซึ่งสัปดาห์ที่แล้วมีการส่งข้อเสนอให้สหรัฐเรียบร้อยแล้ว และมีตัวแทนจากหลายภาคส่วนคุยกันหลายระดับด้วย ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) หรือระดับของรัฐมนตรี พวกเรามีการคุยนอกรอบ แต่ข้อเสนอตรงส่งไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า การที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ได้เดินทางไปกาตาร์เพื่อพบกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้ประเทศเสียโอกาสหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็น่าเสียดายโอกาสที่เราสามารถคุยกับคอนเนกชันที่ค่อนข้างใกล้และตรงกับประธานาธิบดีได้เลย หรือว่าเป็นตัวแทนประธานาธิบดีเอง มันก็ต้องเสียโอกาสอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสคุยกันเลยตรงๆ ก็น่าจะง่ายกว่า ทุกวงการถ้าเราได้มีโอกาสคุยกับตัวจริงเลยก็ดีกว่าอยู่แล้ว และอันนี้เป็นโอกาสที่สามารถพูดคุยกันได้ และจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวประธานาธิบดีหรือนายทักษิณ เคยรู้จักกันมาอยู่แล้วในอดีตตอนที่ท่านเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก เคยได้พบเจอกันและพูดคุยกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าได้ไปพบเจอหรือถามแนวความคิดมันต้องได้ประโยชน์อยู่แล้วกับประเทศ ก็เสียดาย
ถามอีกว่า ตอนนี้สหรัฐเริ่มเปิดเจรจากับหลายเขตพิเศษแล้ว แม้กระทั่งกัมพูชาก็เหมือนมีรอบเจรจาแล้ว แต่ไทยยังไม่ปรากฏชื่อในการเข้าเจรจา นายกฯ กล่าวว่า ค่ะ อันนี้เราก็รออยู่ เพราะเพิ่งส่งข้อเสนอไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในช่วงก่อนวันหยุดยาวที่ผ่านมา หลังจากนี้ก็อาจต้องนัด เราต้องตามเรื่องนี้อยู่แล้ว
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.การคลัง ในฐานะหัวหน้าทีมไทยแลนด์ในการเจรจาเรื่องดังกล่าว ระบุว่า ที่ผ่านมาไทยได้จัดทำข้อเสนอประมาณ 5-6 ข้อไปยังสหรัฐเมื่อ 4-5 วันที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยยื่นไปที่นายสกอตต์ เบสเซนต์ รมว.การคลังสหรัฐหนึ่งฉบับ และอีกฉบับยื่นไปที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ
เมื่อถามว่า การเจรจากับสหรัฐน่าจะได้รับการตอบรับภายใน 1-2 สัปดาห์นี้หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ถ้าเกิดความล่าช้าก็รู้สึกตื่นเต้นว่าทำไมสหรัฐไม่เรียกไทยเจรจาเสียที แต่ตอนนี้ได้เห็นรูปแบบของการเจรจาเบื้องต้น ก็เป็นไปตามแนวทางที่บริหารจัดการได้ และคิดว่าคงในเร็วๆ นี้คงได้หารือ เพราะตอนนี้สหรัฐได้รับข้อเสนอไปแล้ว คงจะมีคำตอบกลับมาอีกไม่นาน
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีสหรัฐและจีนตกลงลดภาษีนำเข้าระหว่างกัน 115% ว่า เป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ เป็นสัญญาณที่ดีที่เริ่มมีการประนีประนอมกัน โดยเมื่อจีนได้ลดภาษีเหลือ 30% ไทยซึ่งเป็นเพียงระดับรองลงมาก็มีโอกาสที่ดี โดยเชื่อว่าจากระดับ 36% น่าจะได้ปรับลดลงมา แต่จะลดเหลือเท่าไหร่ยังไม่สามารถระบุได้ แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ เมื่อได้ลดแล้วหากจะให้ดีที่สุดไทยจะต้องต่ำกว่าเวียดนาม แต่หากเวียดนามเจรจาได้ดี อาจได้เรตใกล้เคียงกันในภูมิภาค ก็ยังไม่ได้เปรียบเสียเปรียบ ไทยก็ยังสามารถแข่งขันได้
วันเดียวกัน น.ส.แพทองธารแถลงว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอการอนุมัติวิธีการกู้เงินโดยการออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token: G-Token) ตามมาตรา 10 วรรค 1 ของพระราชบัญญัติบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายสร้างโอกาสและส่งเสริมการเข้าถึงการลงทุนที่มีคุณภาพให้กับประชาชน โดยผลักดันโทเคนดิจิทัลของรัฐบาลให้เป็นเครื่องมือการลงทุนรูปแบบใหม่ของกระทรวงการคลังที่เป็นการนำเทคโนโลยีการเงินมาประยุกต์ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้ประชาชนมากขึ้น นอกจากนี้ การออก G-Token ดังกล่าวยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบดิจิทัลและช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมดิจิทัลในอนาคต โดยรัฐบาลเน้นย้ำในเรื่องระบบและกระบวนการที่มีความปลอดภัย โปร่งใส ตรวจสอบได้ เป็นไปตามกฎหมายและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติวิธีการกู้เงินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ โดยออกโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล และอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกโทเคนดิจิทัล พ.ศ..... ตามที่ กค.เสนอ ซึ่งสาระสำคัญเป็นการให้อำนาจ กค.ออกโทเคนดิจิทัลโดยวงเงินกู้ตามกรอบการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ด้วยวิธีการเสนอขายให้แก่ผู้มีสิทธิ์ซื้อโดยตรงผ่านผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
นายพิชัยกล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติไทยแลนด์ดิจิทัลโทเคน ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการออมการลงทุนให้กับประชาชนใหม่ ซึ่งเบื้องต้นกำหนดวงเงินประมาณบวกลบ 5,000 ล้านบาท จะเป็นการเพิ่มการเข้าถึงการลงทุนของประชาชนมากขึ้น โดยผู้ถือหน่วยลงทุนหรือผู้ถือเครื่องมือการลงทุนนี้จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนโดยการฝากเงินทั่วไป และถือเป็นส่วนหนึ่งของหนี้สาธารณะ ไม่ได้พิมพ์เงินใหม่ทั้งสิ้น และไม่ได้เป็นประเภทคริปโตเคอร์เรนซีแน่นอน ซึ่งข้อดีคือประชาชนสามารถลงทุนในสัดส่วนที่น้อย โดยอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ดังนั้นจึงสามารถลงทุนได้ตั้งแต่หลักร้อยบาทเป็นต้นไป และสามารถทำให้รัฐบาลสามารถขยายฐานการลงทุนได้ ถือเป็นทางเลือกมากขึ้นให้กับประชาชน และเป็นการวางรากฐานนวัตกรรม Digital Economy ด้วย
นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การเสนอขายโทเคนดิจิทัลของรัฐบาลครั้งนี้ เป็นการดำเนินการกู้เงินภายใต้กรอบการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปี 2568 ตามปกติ ไม่เกี่ยวข้องกับแผนการกู้เงินพิเศษของรัฐบาล หรือการกู้เงินเพื่อรองรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตแต่อย่างใด และการดำเนินการในส่วนนี้ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินตรา เพราะอยู่ภายใต้พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 และไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี (บิตคอยน์) ด้วย
“การออก G-Token ครั้งนี้เป็นการที่รัฐบาลกู้เงินตรงจากประชาชน ไม่เกี่ยวอะไรกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นการกู้เงินปกติของรัฐบาล ซึ่ง G-Token นี้เป็นการแก้จุดอ่อนของพันธบัตรออมทรัพย์ให้ครอบคลุมและเข้าถึงประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพไปยังกลุ่มเริ่มต้นทำงานให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น อีกทั้งในกรณีที่ผู้ถือครองประสงค์จะเปลี่ยนมือก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการส่งเสริมนโยบายของประเทศและโลกในเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล” นายพชรกล่าว
นายพชรกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ 45 วัน สบน.จะต้องทำงานร่วมกับ ก.ล.ต. เพื่อกำหนดรายละเอียดต่างๆ ทั้งหมด โดยเบื้องต้นคาดว่า G-Token ที่จะออกนั้นจะมีอายุไม่เกิน 1 ปี โดยต้องกำหนดระยะเวลาให้สั้นเพื่อความคล่องตัว และจะต้องไม่กระทบกับเส้นแสดงอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในแต่ละช่วงอายุ โดยวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท และจะเปิดจำหน่ายได้ไม่เกินเดือน ก.ค.2568.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


