ขวาง‘สมศักดิ์’วีโตมติแพทยสภา

ขวาง “สมศักดิ์” วีโตมติแพทยสภา “วรงค์” เชื่อมีเกมดิสเครดิตแพทยสภา ปลุกเสื้อกาวน์ปกป้องศักดิ์ศรีหมอ ขณะที่การเมือง สส.ย้ายพรรคซัดกันนัว ปชน.ไม่เชื่อน้ำยา “กล้าธรรม” ซื้องูเห่า 30 ตัว แค่นับเสียงแลกโควตา รมต. “ช่อ” ซัดย้อนยุคกะหรี่การเมือง ประชาชนจะประชาทัณฑ์คนทรยศ ด้านพรรคผู้กองโต้ รธน.เปิดช่องให้ทำได้ “พี่ศรี” จ่อร้อง กกต.สอบ 

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม  2568 ที่ชั้น 5 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) รศ.นพ.ต่อพล วัฒนา ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา พร้อมด้วยทีมกฎหมายของแพทยสภา เดินทางนำส่งมติแพทยสภาให้ลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ จำนวน 3 คน โดยตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยยื่นให้กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภา โดยมีนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับมอบ

นายกองตรี ธนกฤต กล่าวว่า หลังการรับมอบมติในวันนี้แล้วจะมีการลงเลขรับหนังสือ พร้อมส่งให้นายสมศักดิ์ สภานายกพิเศษพิจารณาเรื่องนี้ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.2568 เป็นต้นไป จากที่คุยกับนายสมศักดิ์ จะมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อช่วยกันดูมติ รวมถึงเอกสารประกอบจากแพทยสภาประมาณ 1,000 หน้า รวมถึงกรณีที่มีแพทย์ที่เข้าใจว่าตนเองเป็นผู้ที่ถูกแพทยสภาสั่งลงโทษและมาร้องขอความเป็นธรรมเมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา คือ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ

เบื้องต้นตนได้เปิดเอกสารที่นำมายื่นขอความเป็นธรรมคร่าวๆ แล้ว ในส่วนของ พล.ต.ท.ทวีศิลป์นั้นมี 1 ข้อ แต่เอกสารเยอะ ส่วน พล.ต.ท.โสภณรัชต์มี 8 ประเด็น แต่เอกสารมีไม่มาก แต่ทั้งหมดก็ต้องนำมาพิจารณาประกอบกัน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ รมว.สาธารณสุขยังไม่ได้มีการแต่งตั้งทีมอย่างเป็นทางการ เพียงแต่ท่านพูดไว้ว่าจะตั้งหลังครบ 15 วัน และต้องส่งผลการพิจารณาของสภานายกพิเศษแพทยสภาจะมีความเห็นด้วย หรือจะวีโตมติของแพทยสภาอย่างไร แล้วทางแพทยสภาก็ลงมติ 2 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการต่อไป

ด้าน รศ.นพ.ต่อพล กล่าวถึงเหตุผลมาส่งหนังสือในวันนี้ ทั้งที่มติแพทยสภาออกมาตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.2568 ว่า มีการประชุมวันที่ 8 พ.ค.2568 จากนั้นวันที่ 9, 10, 11 และ 12 เป็นวันหยุดราชการ ระหว่างนั้นก็มีการเตรียมเอกสาร แต่เมื่อเปิดทำการวันที่ 13 พ.ค. เอกสารต่างๆ ต้องส่งให้กรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง จึงต้องใช้เวลา เพราะเอกสารเหล่านี้มีความสำคัญและมีผลทางกฎหมาย จึงต้องใช้เวลา 2 วันทางการ จากนั้นจึงมายื่นในวันนี้ (15 พ.ค.)

ขณะเดียวกัน ภายนอกอาคาร เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูประเทศไทย (คปท.) นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล ตัวแทน คปท. และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี พร้อมด้วยมวลชนชุมนุมและยื่นหนังสือเรียกร้องไม่ให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข แทรกแซงมติของแพทยสภา โดยมีนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วย รมว.สธ.รับหนังสือ

นพ.วรงค์กล่าวถึงกรณีที่แพทย์ 2 คนที่ถูกแพทยสภาพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ ได้ส่งทนายความส่วนตัวไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับ รมว.สธ.ว่า น่าจะเป็นการเดินเกมลดความน่าเชื่อถือของแพทยสภา และเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับตัว รมว.สธ.ในการที่จะมีความเห็นยับยั้งมติแพทยสภา ลักษณะเหมือนกับการส่งลูก-ชงลูกให้ อย่างที่มีการไปยื่นเมื่อวันที่ 14 พ.ค. รายนี้มาแปลกๆ คือเหมือนกับถีบหัวลูกน้องเลย คือบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนพูดว่า เป็นคนไข้วิกฤต (นายทักษิณ ชินวัตร) และตัวเองไม่ได้วินิจฉัย พูดง่ายๆ คือแพทย์คนอื่นเป็นคนวินิจฉัย คือโบ้ยความผิดไป

ปลุกเสื้อกาวน์ปกป้องศักดิ์ศรี

“หากเขา (ทักษิณ) ไม่ได้วิกฤต แล้วเขาเป็นอะไร ถึงได้นอนพัก รพ.ตำรวจชั้น 14 ถึง 6 เดือน ซึ่งชั้น 14 ผมได้เข้าไปดูแล้ว เป็นห้องที่อยู่แบบสุขสบายมาก ใช้รับแขก มีโต๊ะทำงาน มีโต๊ะรับประทานอาหารแบบยาว แล้วห้องสำหรับผู้ป่วย ก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นคนไข้อาการหนักเลย เป็นคนไข้ที่อาการน่าจะโอเคสบายๆ ถึงได้มาอยู่ห้องแบบ VVIP แบบนี้ นอกจากนี้หมอทั้ง 2 คน เป็นหมอผ่าตัดสมอง ทั้งที่วันที่เข้ามา รพ.ตำรวจ อ้างว่าเป็นโรคหัวใจที่เป็นอันตรายต่อชีวิต หัวใจขาดเลือด แต่กลายเป็นว่าทีมแพทย์ที่ดูแลกลายเป็นทีมแพทย์ที่เกี่ยวกับการผ่าตัดสมองทั้ง 3 คนเลย”

นพ.วรงค์กล่าวด้วยว่า หาก รมว.สาธารณสุขวีโตจะสร้างกระแสในกลุ่มแพทย์ และสมาชิกแพทยสภาเพื่อให้มากอบกู้ศักดิ์ศรี เพราะแพทย์ที่เป็นอนุกรรมการสอบสวนและเป็นกรรมการแพทยสภาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องเหล่านี้ แล้วก็ทำด้วยความเห็นอกเห็นใจด้วย เราเองยังรู้สึกว่าลงโทษน้อยไป ควรลงโทษหลายคนกว่านี้และลงโทษหนักกว่านี้ อาจารย์ในแพทยสภายังเอ็นดูลูกศิษย์ แต่การที่พวกคุณทำแบบนี้ กรรมการแพทยสภาควรมาให้ครบองค์ประชุมตอนประชุมแพทยสภา เพราะต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 47 คน ในการโหวตยืนยันมติแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค. เชื่อว่าจะเกิดกระแสต่อต้านไม่เห็นด้วยกับ รมว.สาธารณสุขแรงขึ้น จะทำให้พวกคุณพังมากขึ้น

ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) จะย้ายไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม (กธ.) รวมถึงกรณีพรรค กธ.อ้างถึง สส.ฝ่ายค้านอีกหลายคนจะย้ายเข้าไปร่วมกับพรรคอีกจำนวนมาก ว่าการโหมว่ามีอีกหลายคนย้ายไปอยู่นั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะพรรค กธ.โหมมากว่า 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อหลังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ การพยายามจะเปิดตัว สส.ย้ายมาร่วมกับพรรคก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นเรื่องของการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี

“พรรคประชาชนเตรียมโหลสำหรับดองงูไว้เยอะ เพื่อส่งเสริมสุราก้าวหน้า ส่วนจะมีงูเห่าเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่นั้นไม่สามารถรับรองแทนพรรคหรือ สส.ได้ว่าจะมีอีกมากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่พูดคุยกับทีมจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออกก็ยังถือว่าแน่นหนาอยู่ ส่วนการจะซื้องูเห่าให้ได้ถึง 30-40 คน เพื่อมาแทนที่พรรคภูมิใจไทยนั้น มองว่าเป็นเรื่องที่เกินจริง แต่ที่พรรค กธ.บอกว่าจะได้ สส.ถึง 20 คนนั้น ก็ขอให้รอดูกันต่อว่าจะมาจากไหน ถ้าจะมาจากพรรค ปชน.ถึงหลักสิบ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้"

เมื่อถามว่า มองการเมืองลักษณะนี้เป็นอย่างไร น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า การเมืองถอยหลังไปกว่า 40 ปีได้ ตั้งแต่ยังมีคำหยาบที่เรียกว่ากะหรี่การเมือง ย้ายพรรคไปย้ายพรรคมา ซึ่งตนมองว่าสิ่งที่ประชาชนต้องช่วยกันประชาทัณฑ์คือเมื่อเราพูดถึงงูเห่าที่หมายถึงคนทรยศ และไม่ได้หมายถึงทรยศต่อพรรคการเมือง แต่หมายถึงทรยศต่อประชาชนที่เลือกมา เพราะกรณี น.ส.กฤษฎิ์ก็ชัดเจนแล้วว่าประชาชนเลือกมา เพราะเป็นพรรคก้าวไกล ประชาชนเลือกมาเพราะพรรค แต่เมื่อถึงเวลากลับบอกว่าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน และขอให้พรรคขับออก

กธ.อ้าง รธน.เปิดช่องย้ายพรรค

“ต้องยอมรับว่าในยุคนี้มีการซื้องูเห่าเป็นไปอย่างไม่สะทกสะท้าน สมัยของพรรคอนาคตใหม่มีการซื้องูเห่าโดยพรรคภูมิใจไทยเป็นหลัก แต่นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ไม่เคยออกมาพูดแบบตรงๆ มีแต่บอกแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่าเขามาเอง แต่ในยุคนี้หัวหน้าพรรคกล้าธรรมกลับยกมือตัวเองขึ้นมาดมแล้วบอกว่าเนื้อหอม แสดงให้เห็นว่าใครต่อใครก็อยากย้ายเข้ามา ซึ่งดิฉันมองว่าประชาชนไม่ได้ทานหญ้า ไม่ว่าจะเป็นหญ้าหวานหรือหญ้าอะไรก็ตาม ว่าในการย้ายพรรคกลางเทอมเช่นนี้ แล้วไปพรรคกล้าธรรม ที่ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่านโยบายและแนวทางพรรคเป็นอย่างไร” น.ส.พรรณิการ์กล่าว

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ ในฐานะโฆษกพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกรณีการย้ายสังกัดเข้าพรรคการเมืองว่า พรรค กธ.เป็นสถาบันการเมืองที่เปิดกว้าง ไม่ได้มีแค่ สส.ปชน. เท่านั้น ที่ขอย้ายเข้ามาสังกัด แต่ยังมี สส.อีกหลายพรรคที่สนใจเดินไปทิศทางเดียวกับพรรค ขอย้ำว่าอุดมการณ์ทางการเมือง ซื้อขายกันไม่ได้ ถ้าพรรคไม่มีคุณค่าในตัวคงไม่มีใครให้ความสนใจอยากมาทำงานร่วมกับเรา ดังนั้นการย้ายขั้วทางการเมือง เป็นเรื่องที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องไว้ ขออย่าใจแคบ ถ้าย้ายขั้วแล้วดูแลพี่น้องในพื้นที่ได้ดีกว่าเดิม ก็ให้เขาย้ายไปเถอะ

ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า การที่มีข่าวแพร่หลายว่ามีพรรคการเมืองหนึ่งพยายามซื้อตัว สส.อีกพรรคการเมืองหนึ่งให้มาร่วมสังกัดด้วยเงิน 55 ล้าน พร้อมเงินเดือน ต่อมาก็มีข่าว สส.พรรคการเมืองฝ่ายค้านได้ออกมาเปิดเผยการขอย้ายไปอยู่อีกพรรคการเมืองหนึ่งขึ้นมา ซึ่งสอดรับกับกระแสการซื้อ สส.งูเห่านั้น กรณีดังกล่าว กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองต้องดำเนินการตรวจสอบในเชิงลึกว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายและล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และเข้าข่ายการฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 มาตรา 30 และ 31 โดยตรง จึงจะนำความไปร้องเรียน กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง ให้สอบสวนและเอาผิดพรรคการเมืองและบุคคลที่กระทำการดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 16 พ.ค.2568 เวลา 10.00 น. ณ กกต.ศูนย์ราชการ อาคาร B ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.

ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค กธ. ระบุจะมีการนัดคุยกับ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต สส.กทม. และอดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กับนายการุณ โหสกุล อดีต สส.กทม. ถึงการร่วมงานกับพรรค กธ.นั้น ล่าสุดพรรค กธ.ได้แจ้งกําหนดการแก่สื่อมวลชนว่า ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค กธ. จะนัดพบกับ น.อ.อนุดิษฐ์ และนายการุณ ในวันที่ 16 พ.ค. เวลา 18.30 น. ที่โรงแรมโกลเดน ทิวลิป ซอฟเฟอริน เขตห้วยขวาง กทม.