“แพทองธาร” ปฏิบัติภารกิจในฮานอยวันสุดท้าย ช่วงเช้าร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน รวมทั้งสุสานโฮจิมินห์ ก่อนถกนายกฯ เวียดนามและเป็นสักขีพยานลงนามเอกสาร 8 ฉบับ ตั้งเป้าเพิ่มมูลการค้าระหว่างกัน 8.75 แสนล้านบาท สัปดาห์หน้าต้อนรับ “ผู้นำอินโดฯ” เยือนไทยรอบ 20 ปี
เมื่อวันศุกร์ที่ 16 พ.ค.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ยังคงปฏิบัติภารกิจที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยเวลา 08.30 น. น.ส.แพทองธารได้เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของนักปฏิวัติผู้เสียสละชีวิต เมื่อปี ค.ศ.1940 จากนั้นเดินทางต่อไปยังสุสานโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ที่จัตุรัสบาดิ่งห์ สถานที่ซึ่งอดีตผู้นำโฮจิมินห์เคยอ่านคำประกาศเอกราชของเวียดนามในปี ค.ศ.1945
ต่อมาเวลา 10.00 น. น.ส.แพทองธาร และนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม ร่วมเป็นประธานการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-เวียดนาม หรือ Joint Cabinet Retreat (JCR) ครั้งที่ 4 โดยมีรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม โดยในการประชุม รัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้รายงานผลการหารือและข้อเสนอแนะ ในประเด็นสำคัญ 3 เสาหลัก ได้แก่ ความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคมและประชาชน
ในช่วงท้าย น.ส.แพทองธารเน้นย้ำถึงความสำเร็จของ JCR ครั้งนี้ ที่มีการหารืออย่างสร้างสรรค์และครอบคลุม โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานของทั้งสองประเทศนำผลการประชุมไปสานต่ออย่างเร่งด่วน เพื่อเปิดศักราชใหม่ของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน และเชิญนายกฯ เวียดนามเยือนไทยอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดแม่โขง-ล้านช้าง ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
ในเวลา 11.15 น. ที่ห้องโห่ย เจื่อง ทำเนียบรัฐบาลเวียดนาม น.ส.แพทองธารและนายฝ่ามร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนความตกลงและเอกสารระหว่างไทยกับเวียดนาม 8 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม ว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า 2.กิจกรรมส่งมอบงบประมาณสนับสนุน โครงการเสริมสร้าง และยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการสกัดกั้นยาเสพติดและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ 3.บันทึกความเข้าใจระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยกับธนาคารเพื่อการลงทุนและการพัฒนาแห่งเวียดนาม เพื่อสนับสนุนสินเชื่อแก่ธุรกิจสีเขียวและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ 4.เอกสารแสดงเจตจำนงระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่นกับมหาวิทยาลัย FPT เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการฝึกอบรมเซมิคอนดักเตอร์ 5.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และการค้าเวียดนามกับ Central Group ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.2026-2028 6.บันทึกความเข้าใจระหว่าง WHA กับจังหวัดฮึงเอียน 7.การประกาศการอนุมัติใบอนุญาตการลงทุนของ WHA โดยจังหวัดทั้ญฮว้า และ 8.บันทึกความเข้าใจระหว่าง AMATA Vietnam กับจังหวัดฟู้เถาะ
ต่อมาเวลา 14.00 น. ที่ห้องทัง ลอง บอลรูม โรงแรม Melia Hanoi น.ส.แพทองธารและนายฝ่ามได้ร่วมเป็นประธานเปิดงานสัมมนาทางธุรกิจไทย-เวียดนาม (Thailand-Viet Nam Business Forum) ภายใต้หัวข้อ “1+1 = Zero Boundary on Three Connects” โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรธุรกิจชั้นนำจากทั้งสองประเทศเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
โดยนายกฯ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านคือการเร่งส่งเสริมการเชื่อมโยงห่วงโซ่เศรษฐกิจไทย-เวียดนามในทุกระดับ โดยรัฐบาลทั้งสองประเทศเห็นพ้องในการผลักดัน Three Connects หรือยุทธศาสตร์การเชื่อมโยง 3 ด้าน ได้แก่ 1.การเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ปิโตรเคมี อาหาร อิเล็กทรอนิกส์ โลจิสติกส์ และเซมิคอนดักเตอร์ 2.การเชื่อมโยงเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยอาศัยเครือข่ายเมืองคู่มิตรกว่า 20 คู่ และ 3.การเชื่อมโยงการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น พลังงานหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
“เวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในระดับโลก และเป็นอันดับที่ 2 ในอาเซียน ส่วนไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของเวียดนามในโลก และเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน โดยในปีที่ผ่านมา มูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ที่ 21,000 ล้านดอลลาร์ และได้ตั้งเป้าเร่งผลักดันให้ได้ถึง 25,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8.75 แสนล้านบาทโดยเร็ว”
จากนั้น นายกฯ ทั้ง 2 ประเทศร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างภาคเอกชนไทยและเวียดนาม 3 ฉบับ ได้แก่ 1.บันทึกความเข้าใจระหว่างสายการบิน Vietjet กับ Thai Vietjet 2.บันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กับมหาวิทยาลัย FPT และ 3.บันทึกความเข้าใจระหว่าง FPT Group กับบริษัท Sunline Technology จำกัด
ในเวลา 15.00 น. ที่ห้องรับรองพิเศษ ทำเนียบประธานาธิบดีเวียดนาม กรุงฮานอย น.ส.แพทองธารเข้าเยี่ยมคารวะนายเลือง เกื่อง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในโอกาสการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ
ต่อมาเวลา 15.40 น. ที่ทำการพรรคคอมมิวนิสต์สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กรุงฮานอย น.ส.แพทองธารเข้าเยี่ยมคารวะนายโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
วันเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลไทยเตรียมให้การต้อนรับ นายปราโบโว ซูบียันโต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งจะมีกำหนดการเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลในวันจันทร์ที่ 19 พ.ค.2568 ตามคำเชิญของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่ประธานาธิบดีอินโดนีเซียเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
“ในการเยือนครั้งนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศจะร่วมกันประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ซึ่งตรงกับโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินโดนีเซียในปีนี้ โดยผู้นำทั้งสองจะร่วมหารือทวิภาคีและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่หลากหลาย เพื่อยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างไทยกับอินโดนีเซียให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคง การค้าและการลงทุน ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยว การศึกษา การแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน และความร่วมมือในระดับภูมิภาค” นายจิรายุกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พระราชทานพรปีม้า เรี่ยวแรงดีสุขกายใจ
"กรมสมเด็จพระเทพฯ" อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงบาตรเนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569
พ้น72ชม.ไม่วางใจ สั่งปีใหม่คุมเข้มชายแดน เขมรยังปล่อยโดรนป่วน
ครบกำหนดหยุดยิง ไร้ปะทะ แต่กัมพูชาส่งกำลังบำรุง-ปล่อยโดรนตลอดแนวชายแดน ละเมิดข้อตกลง
เศรษฐกิจโต2.2% ธปท.-ปปง.ตั้งทีม สอบธุรกรรมทอง
"แบงก์ชาติ" เคาะจีดีพีปี 68 โตแน่ 2.2% ชี้เศรษฐกิจเดือน พ.ย.ยังขยายตัว
ขยี้ส้มมีเทาผิดซ้ำแค่ขอโทษ
“นายกฯ” อวยพรปีใหม่คนไทย ขอทุกข์โศก-เคราะห์หมดไปปีนี้ เขินโดนถามปี 2569
เตือน‘สายตี้’โดนหนัก สกัดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่
เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569
ฉายาสภาสูง‘รังของหนู’
ฉายาสภา 68 “รังหนอนสีเทา” ขณะที่สภาสูงคือ “รังของหนู”

