ศึกปะทะ 55 สว.สีน้ำเงิน-อนุ กกต.และดีเอสไอระอุ! จันทร์-พุธนี้ “สว.เศก” งัด รธน.-คำสั่งศาลปกครอง-กม.การได้มาซึ่ง สว. ชี้แจงผ่านลายลักษณ์อักษรก่อน โวยโดนจ้องจับผิดแค่กลุ่มเดียว แต่พวก สว.อิสระรอดทั้งที่ไปนัดรวมตัวเมืองทองธานีก่อนโหวต “นันทนา” เริ่มล่าชื่อ สว. 20 คนยื่นศาล รธน.ขอให้ 200 สว.หยุดทำหน้าที่เฉพาะส่วน-เห็นชอบองค์กรอิสระ "สว.สีน้ำเงิน" ลั่น 55 สว.ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เปิดมติวิปวุฒิ “มงคล-สว.สีน้ำเงิน” ไม่สนแรงต้าน สั่งเดินหน้าโหวต 3 ป.ป.ช. 30 พ.ค.นี้ จับตาอาจมีบางคนโดนตีตกหาก "ซอยรางน้ำ" ส่งสัญญาณโหวตคว่ำ ถ้าชื่อไม่ตรงปก วิจารณ์ขรมแผนส่งคนคุมคดีชั้น 14-ร้องเอาผิด "ทวี-อธิบดีดีเอสไอ"
เมื่อวันอาทิตย์ นายเศก จุลเกษร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) หนึ่งใน สว. 55 คนที่ทางอนุกรรมการไต่สวนของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกไปชี้แจงกับอนุ กกต. วันจันทร์ที่ 19 พ.ค.นี้ ในคำร้องที่อนุ กกต.ไต่สวนการเลือก สว.ชุดปัจจุบัน เปิดเผยว่า จะเดินทางไปยังสำนักงาน กกต.ในวันที่ 19 พ.ค. แต่จะขอใช้สิทธิ์ยังไม่เข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จะขอเลื่อนไปก่อน เพราะเพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ จึงขอตั้งหลักในการสู้คดีก่อน โดยจะใช้วิธีการทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแทนการเข้าชี้แจง ซึ่งก็มั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงการเข้ามาเป็น สว.ในครั้งนี้ได้ว่าเข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมาย
“แนวทางการชี้แจงของผมก็จะมีหลักๆ คือ การอ้างถึงรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ฯ รวมถึงคำตัดสินของศาลปกครองก่อนหน้านี้ที่ให้ผู้สมัคร สว.มีการแนะนำตัวหาเสียงได้บางส่วน ก็จะนำตรงนี้ไปชี้แจงเพิ่มเติม แต่หากอนุกรรมการ กกต.จะสอบเพิ่มเติมประเด็นใดก็ว่ามา ก็พร้อมชี้แจง เพราะการเลือก สว.ที่ผ่านมาถือเป็นครั้งแรกของไทยที่ใช้ระบบการเลือก สว.ของผู้สมัครด้วยกันเอง ก็เลยเป็นปัญหาเรื่องการมองว่าผิด-ถูก แต่ทุกคนที่เข้ามาเป็น สว.ก็เข้ามาด้วยพื้นฐานที่สุจริต อย่าง สว.ที่บอกว่าเป็น สว.อิสระ ก็มาด้วยแนวทางเดียวกัน แต่ผมก็ยังข้องใจทำไมเขาไม่ไปสอบฝั่งโน้นบ้าง เป็นเรื่องที่ผมคาใจทุกวันนี้ และพวกเขาก็ยังไปที่เมืองทองธานีก่อนวันโหวต สว.ระดับประเทศด้วย ข่าวก็นำเสนอ มีการไปรวมตัวกัน มีหลักฐานชัดเจน แต่ก็ไม่เห็นมีใครไปพูดถึงตรงนั้นเลย แล้วมาบอกว่า สว.มาโดยไม่อิสระ ทั้งที่ สว.ทุกคนเข้ามาเป็น สว.โดยอิสระ ไม่มีพรรคการเมืองอะไรหนุน” นายเศกระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุกรรมการไต่สวนฯ ของ กกต. ได้เรียก สว. 55 คนไปรับทราบข้อกล่าวหาและเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค.2568 ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคาร B กรุงเทพฯ โดยกลุ่ม สว.ที่นัดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 19 พ.ค. มีรายชื่อ สว. 22 คน อาทิ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา, พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา, นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี, พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย, นายเศก จุลเกษร, นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล, นายอลงกต วรกี, นายณัฐกิตติ์ หนูรอด, นายสมศักดิ์ จันทร์แก้ว, นายชีวะภาพ ชีวะธรรม เป็นต้น ส่วน สว.ที่นัดให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 20 พ.ค.2568 มีรายชื่อ สว. จำนวน 22 คน อาทิ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร, นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร เป็นต้น และ สว.ที่ถูกเรียกให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ในวันที่ 21 พ.ค.2568 มีรายชื่อ สว. 11 คน อาทิ นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์, พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี, นายขวัญชัย แสนหิรัณย์ เป็นต้น
นายเศกยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ สว.กลุ่มอิสระ ที่จะล่าชื่อ สว. ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยมีคำสั่งให้ สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการโหวตตั้ง กมธ.สอบประวัติและความประพฤติฯ บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต. 1 ชื่อ และตุลาการศาล รธน. 2 คน รวมถึงการโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหม่ 3 คน ที่ สว.จะโหวตกันในวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.นี้ ว่าไม่ใช่หน้าที่ของ สว.ที่จะมาล่าชื่อยื่นคำร้องดังกล่าว เพราะ สว.ชุดปัจจุบันได้รับการรับรองจาก กกต.ให้เข้ามาทำหน้าที่ สว.เมื่อ มิ.ย.2567 การที่ สว.จะมาทำแบบนี้ คิดว่าไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะมาทำ
"ตอนนี้สถานะทางกฎหมายของ สว.ที่ถูกอนุ กกต.เรียกไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ก็เป็นเพียงแค่ขั้นตอนการพิจารณาของอนุ กกต. จึงถือว่า สว.ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ที่ผ่านมาหลัง กกต.รับรอง สว.ก็ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากจะสอยหรือไม่สอย ก็เป็นเรื่องของ กกต.ที่เขาจะมีอำนาจว่าผิด-ถูกอย่างไร อีกทั้งยังต้องส่งเรื่องให้ศาลอีก นี่ก็ยังไม่มีคำสั่งหรือคำตัดสินของศาลว่า สว.เป็นจำเลยหรือผู้ถูกร้อง สว.จึงมีอำนาจในการที่จะตั้ง กมธ.สอบประวัติฯ และโหวตกรรมการองค์กรอิสระในวันที่ 30 พ.ค.ได้" นายเศกระบุ
ขอให้ 200 สว.หยุดจุ้นองค์กรอิสระ
น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวถึงการเข้าชื่อ สว.เพื่อยื่นคำร้องต่อศาล รธน.ให้วินิจฉัยต่อประเด็นที่มี สว.กลุ่มหนึ่งถูกตรวจสอบกรณีฮั้ว สว. ว่าอยู่ระหว่างการยกร่างคำร้องที่จะยื่นต่อนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าภายในวันที่ 19 พ.ค. จะดำเนินการแล้วเสร็จและส่งให้ สว.อิสระพิจารณาร่วมลงชื่อ 1 ใน 10 หรือ 20 คน จาก สว.ทั้งหมด สาระสำคัญของคำร้องคือ จะขอให้ สว.ทั้ง 200 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระทั้งกระบวนการ เช่น การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม การลงมติ เป็นต้น โดยมีเหตุผลคือเพื่่อให้เกิดความเสมอภาคและไม่ลักลั่น
“เหตุผลที่ขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะ สว.จำนวนมากที่ถูกตรวจสอบจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ กกต. และเชื่อว่าจะมี สว.เกินกึ่งหนึ่งที่น่าจะถูกยื่นข้อกล่าวหา และกระบวนการนี้ดำเนินการอยู่ แปลว่าที่มาของ สว.ไม่ชัดเจนว่ามาโดยถูกต้องชอบธรรม สุจริตหรือไม่ หากที่มาไม่ชัดเจน และเข้าไปทำหน้าที่เห็นชอบกรรมการรองค์กรอิสระนั้น จะเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ทันที เพราะเมื่อ สว.ได้เห็นชอบองค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบที่มาของ สว. จึงมีลักษณะต่างตอบแทนกัน ไม่ใช่การตรวจสอบที่สุจริต โปร่งใส ยุติธรรม” น.ส.นันทนากล่าว
น.ส.นันทนากล่าวต่อว่า หากกระบวนการเห็นชอบองค์กรอิสระเดินหน้า อาจมีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระที่อาจถูกร้องว่าเป็นโมฆะได้ หาก สว. ฐานะผู้ที่เห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระนั้นถูกชี้ว่าเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติ ดังนั้นเมื่อมีความไม่ชัดเจน อยากให้ สว.หยุดปฏิบัติเฉพาะส่วน ไม่ควรไปต่อ และขอให้หยุดจนกว่ากระบวนการตรวจสอบสิ้นสงสัย เมื่อกระบวนการตรวจสอบ สว.แล้วเสร็จ การกลับเข้าสู่การเลือกกรรมการองค์กรอิสระใหม่ มองว่าไม่สายเกินไป และดีกว่าการดันทุรังให้เกิดการเห็นชอบ
น.ส.นันทนากล่าวด้วยว่า กระบวนการเข้าชื่อและยื่นคำร้องดังกล่าวจะทำให้เร็วที่สุด เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาก่อนที่วุฒิสภาจะนัดประชุมในช่วงการประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ ในวันที่ 29 พ.ค.นี้ เบื้องต้นเชื่อว่าจะมี สว.ร่วมสนับสนุนเกินจำนวน ส่วนจะมีประเด็นให้วินิจฉัยการขาดสมาชิกภาพเพราะฝักใฝ่พรรคการเมืองด้วยนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปเป็นมติชัดเจน
เมื่อถามว่า นอกจากการหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วน จะมีในเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ด้วยหรือไม่ น.ส.นันทนากล่าวว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สำคัญ เช่นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าตามกฎหมายงบประมาณ สว.ไม่มีอำนาจมาก ไม่สามารถตัด เพิ่ม หรือแก้ไขได้ มีเพียงอย่างเดียวคือการลงมติ อีกทั้งเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องสำคัญ ชะลอไม่ได้
จับตา สว.สี้น้ำเงินส่งคนคุม ปปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานผลการประชุมคณะกรรมการประสานวุฒิสภา หรือวิปวุฒิสภา เมื่อวันศุกร์ที่ 16 พ.ค. ซึ่งมีนายมงคล ในฐานะประธานวิปวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีการหารือเรื่องที่จะมีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในช่วงวันที่ 28-30 พ.ค. ที่จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 ว่าในส่วนของ สว.ที่ประชุมเห็นชอบให้มีประชุม 2 วัน คือวันพฤหัสบดีที่ 29 พ.ค. และวันศุกร์ที่ 30 พ.ค. โดยระเบียบวาระการประชุมที่น่าสนใจก็คือ ที่ประชุมวิปวุฒิสภาเห็นชอบให้บรรจุระเบียบวาระเรื่องด่วน 4 เรื่อง ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลือก-เห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระและบุคคลสำคัญในองค์กรอื่นๆ คือ จะมีการประชุมวุฒิสภาวันศุกร์ที่ 30 พ.ค. เพื่อตั้งคณะ กมธ.สามัญพิจารณาตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต.คนใหม่ คือ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ที่จะมาแทนนายปกรณ์ มหรรณพ กกต. ซึ่งครบวาระเนื่องจากอายุครบ 70 ปี เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2568 โดยเป็นแค่ขั้นตอนการตั้ง กมธ.สอบประวัติฯ เท่านั้น ไม่ใช่การโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ รวมถึงที่ประชุมจะมีการตั้ง กมธ.สอบประวัติฯ บุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญใหม่ 2 คนคือ ศ. ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ และนายสราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมทางหลวง รวมถึงตั้ง กมธ.สอบประวัติฯ นายอิทธิพร แก้วทิพย์ ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นอัยการสูงสุดคนใหม่ ตามที่คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ส่งชื่อมา
สำหรับไฮไลต์สำคัญในการประชุมวันดังกล่าวคือ การที่ สว.จะประชุมลับเพื่อโหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น ป.ป.ช.ใหม่ 3 คน ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ ได้แก่ นายประกอบ ลีละเปสนันท์ รองประธานศาลฎีกา อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อดีตประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาให้ถูกเสนอชื่อเป็น ป.ป.ช.คนใหม่ แทน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ อดีตประธาน ป.ป.ช. ที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว นายเพียรศักดิ์ สมบัติทอง อธิบดีอัยการภาค 2 อดีตอธิบดีสำนักงานคณะกรรมการอัยการ ที่จะมาแทนนายวิทยา อาคมพิทักษ์ และนายประจวบ ตันตินนท์ ผู้สอบบัญชีอิสระ และอดีตผู้บริหารบริษัทมหาชน แทนนางสุวณา สุวรรณจูฑะ ซึ่งนายวิทยาและนางสุวณาอายุครบ 70 ปี
ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีกระแสข่าวที่ถูกพูดถึงทางการเมืองว่า สว.สีน้ำเงินจะผลักดันให้มีการโหวต ป.ป.ช.ใหม่ 3 คน ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ เพราะต้องการผลักดันคนเข้าไปเป็น ป.ป.ช. เพื่อคุมเสียงข้างมากในการพิจารณาคดีสำคัญๆ ทางการเมือง เช่น คดีชั้น 14 นายทักษิณ ชินวัตร ที่ ป.ป.ช.ตั้งอนุกรรมการไต่สวนฯ เจ้าหน้าที่รัฐ 12 คนไว้แล้ว รวมถึงคำร้องคดีที่ สว.สีน้ำเงินเข้าชื่อกันยื่นคำร้องให้ไต่สวนเอาผิด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีสอบสวนการเลือก สว. หรือคดีฮั้ว สว.
ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ในช่วงก่อนวันที่ 30 พ.ค. อาจมีการส่งสัญญาณจากฝ่ายการเมือง ซอยรางน้ำ มายัง สว.ว่าจะให้โหวตเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบรายชื่อว่าที่ ป.ป.ช.ใหม่ 3 คนคนใดบ้าง จากที่ส่งมา 3 ชื่อ ซึ่งหลังจาก สว.กลุ่มอิสระทราบข่าวว่าวุฒิสภาโดยเฉพาะ สว.สีน้ำเงินจะใช้เสียงข้างมากโหวตเห็นชอบกรรมการ ป.ป.ช.ใหม่ 3 คน ก็ทำให้กลุ่ม สว.อิสระเริ่มเคลื่อนไหว ล่ารายชื่อ สว.เพื่อยื่นศาล รธน.ขอให้มีคำสั่งให้ สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยต้องยื่นให้ศาลพิจารณาก่อนวันที่ 30 พ.ค.
เชื่อ ภท.ไม่เอา พรบ.งบฯ ต่อรอง
ทั้งนี้ การยื่นคำร้องดังกล่าวของ สว.อิสระ อาจเกิดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนกับองค์กรศาล รธน.ได้เช่นกัน เพราะปัจจุบัน ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญคนปัจจุบัน และนายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาล รธน. อยู่ในตำแหน่งครบวาระตั้งแต่เดือน พ.ย.2567 แล้ว แต่เนื่องจากตามกฎหมาย ต้องทำหน้าที่ตุลาการศาล รธน.ไปจนกว่าจะมีตุลาการศาล รธน.คนใหม่มาทำหน้าที่แทน ทำให้หาก สว.ยื่นคำร้องดังกล่าวไปที่ศาล ก็เท่ากับทำให้ ศ.ดร.นครินทร์และนายปัญญามีส่วนได้ส่วนเสียด้วย เพราะหากการโหวตตุลาการศาล รธน.คนใหม่ 2 ชื่อต้องล่าช้าออกไป จึงทำให้คาดว่าหากมีการยื่นคำร้องไป นายนครินทร์และนายปัญญาอาจต้องถอนตัวในการพิจารณาคำร้องดังกล่าว เนื่องจากมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง
น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว.กลุ่มอิสระ กล่าวถึงการทำงานของ สว.ที่ผ่านมาว่า สว.ทุกคนมีเอกสิทธิ์ แต่ปัญหาคือว่าจริงหรือไม่ที่ทุกคนมีเอกสิทธิ์ ทำไมไม่คิดตามที่ควรจะเป็น อย่างการโหวตเห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระ ก็มีการกลั่นกรองมาแล้วจากคณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธานผ่านมาด้วยคะแนนเอกฉันท์ แต่ สว.กลับโหวตอีกแบบหนึ่ง เลยกลายเป็นว่าชักเริ่มไม่ถูกต้อง ชักเริ่มอึดอัด ซึ่งปัญหาคือมันดูเหมือนบางอย่างมันถูกสั่งการมาจากที่ไหนสักแห่งหนึ่งที่ทำให้มติไม่ตรงตามความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ เราไม่ทราบได้ว่าไปรับฟังคำสั่งจากใคร หรือว่ามีการบงการจริงหรือไม่ อันนี้ตอบยาก เพราะไม่ได้อยู่ในวงของเขา
ถามว่า ที่ผ่านมาการทำงานของ สว.มีความเป็นเอกภาพกันหรือไม่ หรือแค่แตกต่างด้านความคิด น.ต.วุฒิพงศ์กล่าวว่า หลายอย่างสามัคคีกันดี คือหากไม่มีใครมาแทรกแซงก็ดีกันทุกคน แต่พอถึงเวลาจะมีคนที่มาบงการ ที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน อยู่ดีๆ มันเป็นแบบนั้นเฉยเลย ก็มีการไปถามคนที่เขาลงคะแนนว่าทำไมคุณลงแบบนี้ ก็บอกมีคนสั่งมา อย่างนี้เป็นต้น ถ้ามีคนสั่งมาก็ไม่น่าจะถูกต้อง ควรต้องไม่มีใครสั่ง ควรตัดสินใจตามวิจารณญาณ เพราะว่ามีเอกสิทธิ์อยู่แล้ว ไม่ควรไปลงคะแนนตามที่ใครสั่งมา เพราะบางครั้งการสั่งมาก็เป็นการสั่งตอน สว.ลงคะแนนลับ ก็ไม่มีใครตรวจสอบได้ว่าลงคะแนนอย่างไร
ถามอีกว่า อาจเพราะ สว.บางคนเขามองว่าที่เขามาได้ก็ต้องตอบแทน มีการเกรงใจ เป็นเรื่องของบุญคุณ น.ต.วุฒิพงศ์กล่าวว่า คนไทยก็อาจจะเป็นแบบนั้น มีความเกรงใจ เป็นบุญคุณกันมา ซึ่งมันไม่ถูก มันเป็นเรื่องประเทศชาติ เพราะจริงๆ คุณต้องเกรงใจประชาชน ปลดแอกได้แล้ว เลิกเกรงใจได้แล้ว เลิกเกรงใจบ้านบุรีรัมย์ เลิกเถอะ ขอให้ สว.ทุกคนเป็นตัวของตัวเอง ทุกคนเป็นคนดี มีประวัติความดีงามเยอะ บางคนเป็นอดีตผู้ว่าฯ หลายคนเป็นนายพล เป็นนักธุรกิจใหญ่โต ทำไมต้องไปทำตามคำสั่งด้วย ไม่ต้องทำ วันนี้ท่านทำตามความถูกต้อง ทำตามที่หัวใจเรียกร้องจะดีกว่า อยากสะท้อนว่าอยากให้พวกเขาแทนที่จะปล่อยให้กฎหมายมาถอดถอนคุณ แต่คุณควรถอดถอนตัวเองจากสิ่งเหล่านี้ก่อน ให้ สว.มาอิงกับประชาชน อิงกับความถูกต้อง
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเด็นการฮั้ว สว. สังคม ประชาชน กำลังจับตามอง ไม่เพียงเฉพาะการทำหน้าที่ของ กกต. ดีเอสไอ จะออกมาในรูปแบบใดในทางการเมืองมีความกังวลประเด็นนี้จะนำไปสู่จุดแตกหักระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย ส่งผลต่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในตำแหน่งสำคัญๆ หรือไม่ จะมีการงัดเกมการเมือง โดยเฉพาะการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2569 มาต่อรองกันหรือไม่ เป็นมุมมองของแต่ละคน
"ไม่เชื่อว่าประเด็นคดี สว.จะนำไปสู่การที่บางพรรคจะไม่โหวตผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี พ.ศ.2569 วาระที่ 1 ที่กำลังจะมีการพิจารณาช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ คงไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาเป็นเกมต่อรองการเมือง หากทำเช่นนั้นเท่ากับฆ่าตัวตายทางการเมือง ไม่เกิดผลดี หากลากเอาความขัดแย้งแล้วเอาประโยชน์ประชาชนมาต่อรอง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจ้องเล่นเกมการเมืองเกินไป ประชาชนจะจดจำ แล้วรอไปลงโทษวันข้างหน้าผ่านการเลือกตั้ง ในเวลาที่เหลืออยู่ ทุกพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกลางคัน อยากอยู่ให้ครบเทอมของรัฐบาล ดังนั้นในสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน แต่ละพรรคควรหันไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด เอาปัญหาประชาชนที่รอการแก้ไขมาเป็นตัวตั้ง ทำให้ประชาชนจดจำในผลงานน่าจะดีกว่าการมุ่งทำลายล้างทางการเมือง ซึ่งคงไม่เป็นผลดีต่อใครเลย" นายพร้อมพงศ์ กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


