“สมศักดิ์” ยังกั๊กยับยั้งมติแพทยสภาหรือไม่ เผยรอข้อมูลก่อนตัดสินใจ อ้างกฎหมายให้อำนาจ ลั่นไม่อยากให้มีก็ไปแก้ ยอมรับต้องพิจารณาให้ดีไม่ให้ผิด ม.157 ถก กก.เสนอความเห็นสภานายกพิเศษต้องรอเอกสารเพิ่มเติมจากแพทยสภา หากมาเร็วพิจารณาได้เร็ว "สว.ประพนธ์" เตรียมตั้ง "กมธ.ร่วมฯ" ระหว่าง "กมธ.สธ.-กฎหมาย" สอบมติแพทยสภาลงโทษหมอรักษา "ทักษิณ"
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 20 พฤษภาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแพทยสภาส่งมติมาให้พิจารณาลงโทษแพทย์จำนวน 3 คน กรณีส่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปรักษาที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจว่า คณะกรรมการ (กก.) เสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ที่ตนตั้งขึ้น มีหน้าที่ให้คำปรึกษากับตน การพิจารณาแพทยสภาต้องผ่าน กก. 4 ชุด เริ่มต้นคือ คณะอนุ กก.จริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมชุดเฉพาะกิจจะเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียน เมื่อ กก.ดังกล่าวมีมติจะส่งให้ กก.สอบสวนชุดเฉพาะกิจ เมื่อทำงานจบแล้วจะส่งให้ กก.กลั่นกรอง จากนั้นจะนำเข้า กก.แพทยสภาที่มีคณะกรรมการทั้งหมด 70 คน เพื่อดำเนินการในการพิจารณาโทษ
"ผมได้ข้อมูลจาก กก.ทั้ง 4 ชุด แต่ยังไม่ได้คำตอบ หากได้คำตอบมาแล้วจะมีการพูดคุยและประชุมร่วมกับคณะ กก.ที่ผมตั้งขึ้นตามมาตรา 25 วันนี้ผมยังไม่สามารถบอกข้อมูลได้ว่าจะยับยั้งหรือไม่ยับยั้ง เพราะข้อมูลยังไม่ครบ และยังมีเอกสารที่ต้องเอานำมาเสนอเพื่อให้สอดคล้องกับที่เริ่มมาตั้งแต่เรื่องจริยธรรม"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลการรักษาผลสอบของ กก. จะต้องออกมาจากแพทยสภาใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ตนดูในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของตนตามมาตรา 25 และจะรับฟังจากคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษที่ตั้งมาเป็นหลัก
เมื่อถามว่า อดีตแพทยสภาออกมาตั้งคำถามว่า หากมี พ.ร.บ.แพทยสภาฉบับใหม่ ควรจะให้อำนาจสภานายกพิเศษมีอำนาจในการยับยั้งมติแพทยสภาหรือไม่ รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า “นั่นสิ กฎหมายเขียนไว้ทำไม ต้องเปลี่ยนสิ งั้นก็ต้องไปเปลี่ยนกฎหมายใหม่ เพราะผมทำตามกฎหมาย ถ้าผมไม่ทำตามกฎหมายก็จะมีความผิด เหมือนกับแพทยสภาถ้าไปพิจารณาแล้วทำให้ผู้ที่ถูกพิจารณาโทษรู้สึกว่าไม่ผิด เขาฟ้องร้อง มันจะเป็นปัญหา เหมือนผมไม่ดำเนินการ ไม่ทำอะไร ปล่อยไว้เฉยๆ ก็อาจจะถูกฟ้องร้องได้ ถ้าคิดว่าสภานายกพิเศษไม่มีประโยชน์ กฎหมายก็ต้องเปลี่ยน แต่ตรงนี้ผมถูกบังคับด้วยกฎหมายเลยต้องทำงาน”
เมื่อถามถึงกรณีแพทยสภาแนบเอกสารมาในรายงานว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤต จะมีการขอข้อมูลเพิ่มอีกหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เข้าใจว่าเขาได้มีการพิจารณาไปหมดแล้ว ซึ่ง กก.เหล่านี้ก็ยังไม่ได้พูดถึง และมีการเสนอความเห็นมายังสภานายกพิเศษ สำหรับ ป.อาญา 157 เกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ในกระบวนการทั้งหมด รวมถึงตน และคนที่ทำหน้าที่เป็น กก.แต่ละชุด ฉะนั้นเราจะต้องพิจารณาให้ดีตามอำนาจหน้าที่ที่เรามี
เมื่อถามว่า ได้อ่านหนังสือของนายแพทย์ รพ.ตำรวจที่ร้องขอความเป็นธรรมหรือยัง นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็ดูแล้ว จึงได้ขอเอกสารจากแพทยสภาว่ามันตรงกับสิ่งที่เขาร้องเรียน ขอร้อง ขอความเป็นธรรมมาหรือไม่ เพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับมาตรา 157
เมื่อถามถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ระบุหากยับยั้งมติแพทยสภาโดยไม่มีเหตุผลทางการแพทย์ สภานายกพิเศษอาจโดนมาตรา 157 นายสมศักดิ์กล่าวว่า "คนต้องถูกตรวจสอบโดยกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กก.ของแพทยสภาทุกชุด เราต้องระมัดระวังว่าอะไรที่ควรหรือไม่ควร จะต้องดำเนินการไม่ให้ขัดกับมาตรา 157 เพราะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ"
ที่กระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ได้ประชุมนัดแรก โดย กก.เข้าประชุมครบทั้ง 10 คน จากนั้น นายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อม กก.เสนอความเห็นสภานายกพิเศษ แถลงว่า ในที่ประชุมมี กก.ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งด้านกฎหมายและแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญมาพิจารณา กรณีที่แพทยสภา ที่มีการกล่าวโทษ คุณหมอเป็นรายบุคคล มีข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายอย่างไร แต่ในวันนี้การพิจารณายังไม่แล้วเสร็จ เพราะต้องรอเอกสารบางอย่างจากแพทยสภา ซึ่งทาง กก.ได้ขอไปแล้ว ส่งมาให้ กก.ประกอบการพิจารณา หากแพทยสภาส่งมาเร็ว ภายในสัปดาห์นี้ กก.ก็จะพิจารณาได้ทัน แต่หากในสัปดาห์นี้ยังไม่ได้เอกสารมาเพิ่มเติม ก็มีการนัดหมายประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 14.00 น.
"จากนั้นไม่เกินวันที่ 29 หรือ 30 พ.ค.นี้ กก.แต่ละท่านจะทำความเห็นของแต่ละบุคคล เพื่อนำเสนอให้นายกสภาพิเศษว่ามีความเห็นว่าจะเห็นด้วยกับแพทยสภา หรือเป็นความเห็นต่าง ว่าจะยับยั้งหรือไม่อย่างไร หลังจาก กก.ชุดนี้ทำความเห็นเสนอต่อนายกสภาพิเศษแล้ว ก็จะหมดหน้าที่ของ กก.แล้ว"
เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าสังคมจะวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ เพราะ กก.ชุดนี้ที่ทำความเห็น ส่วนมากเป็นนักกฎหมาย ที่อาจถูกมองว่าอาจจะหาช่องโหว่ทางกฎหมายหรือไม่ นายธนกฤตกล่าวว่า ส่วนตัวเพิ่งรู้จัก กก.ชุดนี้ ในวันนี้การพิจารณาความเห็นก็ต้องมีทั้งเรื่องข้อกฎหมาย และมีแพทย์อยู่ด้วย เพราะต้องมีความเห็นทางแพทย์ประกอบ ซึ่งแต่ละคนมีอิสระในการทำความเห็น ตรงไปตรงมา ละเอียดรอบคอบในแต่ละด้าน ต้องดูทั้งข้อกฎหมายและเอกสารต่างๆ ให้ชัดเจน ดังนั้น ท่านรัฐมนตรีจึงต้องเลือกคนที่ไว้วางใจได้ให้มาพิจารณาในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ
ที่รัฐสภา นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสาธารณสุข แจ้งผลการประชุมของ กมธ.วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ว่า ได้รับทราบเห็นชอบกรณีที่ กมธ.การสาธารณสุขฯ จะร่วมกับ กมธ.การกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา จะตั้ง กมธ.ร่วมพิจารณาร่วมกันในเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ 2 เรื่องคือ เรื่องจริยธรรมทางการแพทย์ ซึ่งที่ผ่านมาไม่ค่อยมีปัญหา เนื่องจากแพทยสภาเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลจริยธรรมสูงสุดของวิชาชีพแพทย์ และในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงนั้น กมธ.การสาธารณสุขฯ เห็นว่าเป็นเรื่องกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
"ดังนั้น ในการพิจารณาเรื่องมติของแพทยสภาลงโทษแพทย์ที่รักษาตัวนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งรักษาตัวในช่วงถูกคุมขังชั้น 14 รพ.ตำรวจ จะพิจารณาในมิติด้านสาธารณสุขอย่างเดียวคงไม่ได้ จะต้องพิจารณามิติด้านกฎหมาย ซึ่งจะเป็นการพิจารณาร่วมกันตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อที่ 80 จากนี้ไปก็จะมีการประชุมร่วมระหว่าง กมธ.สาธารณสุขฯ และ กมธ.กฎหมายฯ คาดว่าจะมีตั้งคณะอนุ กมธ.ภายใต้ กมธ.ร่วมชุดนี้ โดยจะส่งตัวแทนคณะละ 4 คน และตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีความรู้ทางด้านการแพทย์ หรือผู้มีความรู้ทางด้านกฎหมายและสังคม สัดส่วนคนนอกเข้าร่วมเป็น กมธ.ด้วย" นายประพนธ์กล่าว
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลปกครองนัดตัดสินคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่เรียกชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากโครงการรับจำนำข้าวกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท จะมีผลต่อทิศทางการเมืองหรือไม่ ว่าคดีนั้นเป็นเรื่องอดีตที่ต่อสู้มายาวนาน หากตัดสินออกมาอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้
เมื่อถามว่า ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยฝ่ายกฎหมาย คดีนี้ส่งผลต่อทิศทางการเมืองหรือไม่ นายชูศักดิ์ย้ำว่า ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เพราะเป็นการดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ดำเนินการมานานแล้ว
ถามว่า หากคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาชนะ จะส่งผลดีต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า เรื่องทิศทางการเมืองมองได้หลายรูปแบบหลายมุม ฉะนั้นต้องเอาความคิดเห็นประชาชน ทัศนคติของผู้คนต่างๆ มาประกอบ และหากศาลปกครองสูงสุดตัดสินเป็นคุณกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องไปว่ากันในรายละเอียดของคดี เราไม่รู้ว่าผลการตัดสินจะออกมาอย่างไร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


