รบ.ชื่นมื่นสัญญาหนุนงบ69

"นายกฯ อิ๊งค์" ถกพรรคร่วมรัฐบาล เห็นพ้องหนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 69 แย้มก่อนเปิดสภาฯ เล็งหารือเอนเตอร์เทนเมนต์ฯ อีกรอบ ชี้ดูด สส.งูเห่าเป็นเส้นทางการเมือง "อนุทิน” ย้ำทุกพรรคสนับสนุนงบฯ พร้อมชี้แจงหากมีการพาดพิง ขอบคุณ “ทักษิณ” ชมทำงานดี ลั่นทุ่มเทเต็มที่ช่วย รบ.ไม่มีวาระซ่อนเร้น "ครม." ไฟเขียวร่างงบ 69 วงเงิน 3.7 ล้านล. เพิ่มจากปี 68 ร้อยละ 0.7 งบกลางได้มากสุด 6.3 แสนล้าน "คลัง" 3.9 แสนล้าน คาดเก็บรายได้ 3.4 ล้าน ล. รวมจากเงินกู้ ร้อยละ 22.7 "สุชาติ" นัดก๊วน สส.กว่า 20 คนคุยอนาคตการเมือง รับเคารพรัก "ธรรมนัส" มานาน "พปชร." บอก "ลุงป้อม" แข็งแรงดี แค่เสียหลักไม่ได้รับบาดเจ็บ

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 20 พฤษภาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีสภาจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2569 ในวันที่ 28 พ.ค.นี้ว่า เรื่องดังกล่าวได้พูดคุยในที่ประชุม ครม.เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรตื่นเต้น ทุกอย่างเห็นพ้องต้องกัน เห็นด้วยทุกพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จังหวะที่ น.ส.แพทองธารพูดถึงตรงนี้ได้หันไปทางนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยนายอนุทินตอบว่า “ครับ เห็นพ้องต้องกันสนับสนุนท่านนายกฯ ทุกพรรค”

ถามว่าอาจมีบางอย่างที่ต้องปรับหรือเปลี่ยนธงในเรื่องของนโยบาย ได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้วใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เป็นกลไกของสภาฯ แต่เรื่องงบประมาณเราตกลงกันแล้ว หลักการมันเคาะตั้งแต่แรกอยู่แล้วไม่มีอะไร

ซักว่าเมื่อสภาเปิดสมัยประชุมจะมีเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์พูดคุยกับพรรคร่วมด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เราคุยเรื่องงบประมาณไปก่อน และก่อนเปิดสมัยประชุมจะคุยกันในเรื่องนี้ เมื่อคุยแล้วเดี๋ยวจะแจ้งสื่อให้ทราบ

พอถามความคืบหน้าเกี่ยวกับเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ล่าสุดมีนักธุรกิจรายใหญ่ 2 บริษัทเข้ามาพูดคุยกับประเทศไทย สะท้อนว่ามั่นใจโครงการนี้ของรัฐบาลใช่หรือไม่ ถือเป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ความจริงเป็นเรื่องที่เขามาแสดงความสนใจว่าประเทศไทยไม่ได้ไกลจากประเทศญี่ปุ่นมาก เป็นทวีปเอเชียเหมือนกัน และเห็นว่าประเทศญี่ปุ่นเริ่มแล้วมีแพลนชัดเจนแล้วว่าจะใช้พื้นที่จัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ที่เมืองโอซากา ทำเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่จะเสร็จใน 5 ปี เขาเห็นเราผลักดันเรื่องนี้เห็นเป็นโอกาสจึงอยากจะเข้ามาเพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อ

เมื่อถามถึงกรณีมีพรรคร่วมรัฐบาลดูด สส.เข้ามาเติมเสียงรัฐบาลทั้งที่ก่อนหน้านี้นายกฯ เคยบอกว่าไม่อยากได้เสียงงูเห่า โดยนายกฯ ย้อนถามว่า “แล้วเขาซื้อไหมคะ“ ก่อนที่สื่อจะตอบไปว่า ไม่ได้ซื้อ มาด้วยความสมัครใจ ก่อนนายกฯ กล่าวว่า เขามาด้วยความสมัครใจ ก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรคจัดการ ต้องถามหัวหน้าพรรคแต่ละพรรคว่าจัดการแบบไหน อยากได้ใครเข้ามาเพิ่ม ความจริงแล้วเส้นทางการเมืองที่ตนพบเจอมามันเป็นความเชื่อ ความเข้าใจของแต่ละคนว่า ณ เวลานั้นรู้สึกว่าสังกัดพรรคไหนแล้วเป็นตัวเอง

"ดิฉันก็ห้ามไม่ได้ว่าใครอยากย้ายไปองค์กรไหน ก็เหมือนสื่อที่ย้ายสังกัดได้เช่นกัน มันเป็นวงการของเรา วงการการเมือง และความจริงหากอยู่พรรคอื่นแล้วจะกลับมาพรรคเดิม หรือจากพรรคเดิมไปพรรคอื่นเป็นเรื่องส่วนบุคคล และเป็นเรื่องของพรรคนั้นๆ ว่าจะรับหรือไม่" นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง น.ส.แพทองธารแถลงข่าวเสร็จได้เดินเข้าไปยังห้องรับรอง ประมาณครึ่งชั่วโมง และเดินออกมาพร้อมกับนายอนุทินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยนายกฯ ได้หยิบยาดมขึ้นมาดม ขณะที่นายอนุทินชี้มาทางกลุ่มสื่อและบอกกับนายกฯ ว่า “สื่อยังรอกันอยู่เต็ม” นายกฯ จึงพูดขึ้นว่าไม่เล่นๆ โดยผู้สื่อข่าวเอ่ยแซวนายกฯ ว่าถึงกับต้องดมยาดมเลยหรือ ด้านนายกฯ ตอบกลับอย่างอารมณ์ดีว่า “กำลังสร้างมีมให้พวกเธอเล่น“ พร้อมยิ้มและเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า

ทั้งนี้ ในเวลา 00.30 น. วันที่ 21 พ.ค. นายกฯ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อเยือนเมืองมอนดิคาร์โล และราชรัฐโมนาโก กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 21-25 พ.ค.2568

พรรคร่วมหนุน พ.ร.บ.งบ 69

ขณะที่นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯ ได้มีการประสานไว้ก่อนแล้วว่า หลังจากประชุม ครม.เสร็จสิ้นจะหารือกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่จะเข้าสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระแรก ในวันที่ 28 พ.ค.นี้ ซึ่งทุกพรรคยืนยันว่าพร้อมสนับสนุน หากมีการพาดพิงขอให้ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม โดยขอให้พรรคที่กำกับดูแลหน่วยงานได้ชี้แจงอย่างชัดเจน

ถามว่านายกฯ เป็นห่วงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้เป็นห่วง บรรยากาศก็ดี และท่านก็จะเดินทางไปราชการต่างประเทศประมาณ 1 สัปดาห์ ตนจึงเดินไปส่งนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งนายกฯ ได้ฝากไว้ว่าทำทุกอย่างให้เรียบร้อย

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะประชุม ครม.​ นายอนุทิน​ยังให้สัมภาษณ์กล่าวว่า นายไพศาล​ พืชมงคล​ นักกฎหมายและนักวิจารณ์การเมือง​ โพสต์ข้อความระบุ นายทักษิณ​ ชินวัตร​ อดีตนายกรัฐมนตรีชมนายอนุทินมีความจริงจังจริงใจ สนิทสนมไว้วางใจพิเศษกับนายกฯ ว่า​ ตนยังไม่ได้พบกับนายทักษิณเลย โดยพบกันครั้งล่าสุดเมื่อ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะแต่ละฝ่ายมีภารกิจ และขอบคุณนายทักษิณหากพูดเช่นนั้นจริงๆ

"เรื่องที่สื่อถามยอมรับว่าเป็นความจริง เพราะตั้งใจทำงานกับนายกฯ ทุ่มเทสุดหัวใจ เพราะท่านตั้งใจทำงาน และเสียสละ รวมไปถึงเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่พวกผมสังกัดอยู่ทุกวันนี้ ในเรื่องงานของฝ่ายบริหารผมเต็มที่ ไม่มีอะไรซ่อนเร้น มีแต่แว่นตา ไม่มีมีด" นายอนุทินกล่าว

ถามว่าเดี๋ยวนายทักษิณชม เดี๋ยวนายทักษิณเหน็บ เป็นเพราะอะไร นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนใหญ่ชม​ สื่อมวลชนจึงถามต่อว่า นายอนุทินเป็นจำเลยรักหรือไม่ นายอนุทินถึงกับหัวเราะก่อนบอกให้สื่อถามเรื่องงานดีกว่า

เช่นเดียวกับนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการหารือนายกฯ เรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณว่า นายกฯ ได้สอบถามแต่ละพรรคว่ามีแนวทางหรือมีข้อเสนอแนะอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ในวาระที่ 1-3 หรือตั้งแต่กฎหมายงบเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ทุกคนก็ยังเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

"กระแสข่าวต่างๆ ก่อนหน้านี้นั้น ทุกฝ่ายยืนยันตรงกันว่า ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงกระแสข่าว รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคมีทิศทางการทำงานไปในทางเดียวกัน โดยเฉพาะในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้การใช้งบประมาณ การดำเนินตามกรอบปฏิทินงบประมาณ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่เช่นนั้นจะกระทบเศรษฐกิจประเทศ ยืนยันบรรยากาศการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไร ทุกคนยังหัวเราะยิ้มแย้มแหย่กันตามปกติ” นายวราวุธกล่าว

เคาะงบ

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า ครม.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ซึ่งที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณ (สงป.) เสนอ จำนวนเงินไม่เกิน 3,780,600 ล้านบาท

มีรายงานว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระแรก จำนวนเงิน 3,780,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบปี 2568 จำนวน 27,900 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 โดยวงเงินดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.9

โดยเอกสารร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2569 ที่เผยแพร่ลงเว็บไซต์สำนักงบประมาณ มีการคาดว่าจะจัดเก็บรายได้ประเภทต่างๆ จำนวน 3,494,900 ล้านบาท แต่เมื่อหักลดภาระการคืนภาษีต่างๆ แล้วจะคงเหลือเป็นรายได้สุทธิจำนวน 2,920,600 ล้านบาท แต่เนื่องจากเมื่อประมาณการรายจ่ายจะสูงกว่ารายได้สุทธิ จำนวน 860,000 ล้านบาท จึงมีการกำหนดจำนวนดังกล่าวให้เป็นเงินกู้ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 22.7 ของประมาณการรายรับ

ทั้งนี้ งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ 1.งบกลาง จำนวน 632,968 ล้านบาท ลดลง 209,032 ล้านบาท 2.กระทรวงการคลัง จำนวน 397,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,197 ล้านบาท 3.กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 355,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14,333 ล้านบาท 4.กระทรวงมหาดไทย จำนวน 301,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,852 ล้านบาท 5.กระทรวงกลาโหม จำนวน 204,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,713 ล้านบาท 6.กระทรวงคมนาคม จำนวน 200,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,403 ล้านบาท 7.กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 177,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,673 ล้านบาท 8.กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม จำนวน 140,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,058 ล้านบาท 9.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 130,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,483 ล้านบาท 10.กระทรวงแรงงาน จำนวน 68,069 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า มีการเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังเข้ามาในงบประมาณปี 2569 ด้วย ซึ่งในงบประมาณปี 2568 ไม่ได้มีการตั้งงบประมาณในส่วนนี้ไว้

สุชาติแย้มเคารพรักธรรมนัส

วันเดียวกัน นายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ รมช.พาณิชย์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีช่วงนี้ สส.กลุ่มภาคตะวันออกเนื้อหอมและเป็นที่สนใจของพรรคการเมืองต่างๆ ว่า ในพื้นที่ภาคตะวันออกมีผู้แทนพอสมควรและเป็นพื้นที่การชี้วัดการช่วงชิงกันในการเลือกตั้งทุกครั้ง แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาผลงานของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นเป็นไปได้ไม่ค่อยดี แต่มีจุดแก้ไขได้ทั้งหมด เพราะเกิดจากหลายภาคส่วนที่เราแข่งขันกันเอง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบางส่วน แต่เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเราสามารถทำได้ เพราะการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมาทำให้เราเห็นในหลายอย่าง ทั้งจุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละพื้นที่คืออะไร

ถามว่ามีต่างพรรคการเมืองมาจีบบ้างหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ก็มีความสนิทสนมกับคนหลายๆ คน และในพรรคร่วมรัฐบาลเราก็สนิทกัน แต่หากถามว่าจีบหรือไม่ ทุกคนมีพื้นที่ของตัวเอง ต่างคนต่างทำพื้นที่ก่อน แล้วก็มีเวลาอีก 2 ปี ไม่ใช่ว่าการทำการเมืองจะทำได้ภายใน 3-6 เดือนนะ แต่ต้องทำเป็นปี

"ส่วนตัวเคารพรักกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ซึ่งคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ปี 2562 ก่อนมาเป็นผู้แทนด้วยกัน แต่ในทางการเมืองเราเคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน" นายสุชาติกล่าว

ซักว่าจะรับพรรคกล้าธรรมไว้พิจารณาหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ตนไม่ใช่ตัวคนเดียว แต่มีเพื่อนทางภาคตะวันตก ภาคกลาง รวมถึงภาคใต้ ซึ่งต้องพิจารณาด้วยว่าเพื่อนเราอยู่อย่างไร

เมื่อถามว่า หากแนวทางพรรคไหนไม่ถูกใจคนในกลุ่มจะออกมาตั้งพรรคเองหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องอนาคต ซึ่งหากเราให้คำสัญญาไป แต่วันหน้าไม่ใช่เราก็จะเสียคำพูด ฉะนั้นวันนี้จึงยังไม่สามารถรับปากใครได้ และต้องหารือกับกลุ่มเพื่อนๆ ประมาณ 20 คน ช่วง 28-29 พ.ค.นี้ ถึงการทำงานในพื้นที่และอัปเดตสถานการณ์การเมืองว่าจะเดินทางไปแนวไหน

"เรายึดหลักพรรคร่วมรัฐบาล รับใช้รัฐบาล และเป็นพรรคร่วมที่ทำงานให้นายกรัฐมนตรี" นายสุชาติกล่าว

ส่วนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงการเซ็นคำสั่งตั้ง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค กธ.ว่า ยังไม่ได้เซ็น ซึ่งต้องรอการประชุมพรรค แต่ไม่มีปัญหาอะไร น่าจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้

เมื่อถามว่าสัปดาห์นี้จะมีการเปิดตัวคนอื่นๆ ที่จะมาร่วมงานกับพรรค กธ.อีกหรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า เดี๋ยวรอดู

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ประสบอุบัติเหตุพลัดตกบันไดที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ ว่า พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตกบันไดอย่างที่มีข่าวเผยแพร่ออกมา ท่านเพียงเดินเสียหลักเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ และขณะนี้ท่านก็ยังทำงานตามปกติ ยืนยันว่าสุขภาพของท่านยังคงแข็งแรงดี ทั้งร่างกายและจิตใจ.