ภท.เดือด!ฟ้องกลับ กุสุมาลวตียื่นกกต.ยุบพรรคมัดหนู-ลูกเนวินฮั้วสว.

ครม.เคาะ “ชูศักดิ์” คุมดีเอสไอชั่วคราว! เจ้าตัวรับไร้ปัญหาเป็นแค่ตัวสำรองไม่ได้มาสั่งคดี “อนุทิน” ชี้ชัดเรื่องการเมืองขย่มภูมิใจไทย ลั่นพรรคออกประกาศห้ามจุ้นก่อนเลือก สว.แล้ว “รมช.พาณิชย์” พร้อมแจงหากรับหมาย  “นายกน้ำ” เชื่อติดโผเพราะไปให้กำลังใจเพื่อนที่เมืองทองธานี “สว.ฉัตรวรรษ” ชี้ กกต.แจ้ง 4 ข้อหา “กุสุมาลวตี” บอกไม่กลัวตายยื่นยุบ ภท. ลั่นมีทั้งภาพและเสียงมัด “เสี่ยหนู-ลูกเนวิน” อนุทินเดือดซัดพวกกักขฬะน่ารำคาญ ไม่อยากคุยตั้งแต่อยู่ชาติไทยพัฒนาแล้ว พรรคเล็งฟ้องกลับถึงที่สุด

เมื่อวันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  ว่า ที่ประชุมมีมติมอบให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล   รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนในการบริหารสั่งการกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม

ด้านนายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีอะไร เป็นเพียงการรักษาราชการแทน ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการแผ่นดิน เมื่อไม่มีรัฐมนตรีมาดูตรงนี้ ก็ให้ไปรักษาราชการแทนเฉพาะในส่วนดีเอสไอ โดยเข้าไปดูว่าเขามีความจำเป็นอะไรที่จะให้รัฐมนตรีสั่งการหรืออนุมัติ ก็ว่ากันมา

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่เรื่องนี้เป็นเผือกร้อน โดยเฉพาะกรณีคดีฮั้วเลือก สว. นายชูศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้กังวลอะไร ตอนนี้แค่ดูว่าเขาทำอะไรอยู่ ก็ให้เขาว่ากันไปตามระบบของเขา เอาเป็นว่าถ้าเขาทำอะไรอยู่ จำเป็นต้องอนุมัติหรืออนุญาตก็ว่ากันไป ไม่ต้องไปทำอะไรมาก เพราะไม่ใช่รัฐมนตรีตัวจริง แค่รักษาการเท่านั้น

 “ผมไม่ได้มาสั่งคดี ไม่ได้มาบอกว่าคดีต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คดีเป็นเรื่องที่เขาทำกันอยู่แล้วตามอำนาจหน้าที่ของเขา ผมเป็นเพียงรัฐมนตรีที่มาดูแลดีเอสไอ เขาจำเป็นต้องอนุมัติหรืออนุญาตอะไรก็แจ้งมา ผมก็อนุมัติหรืออนุญาตไปถ้ามีกฎหมายอนุญาตให้ทำ แค่นั้นเอง” นายชูศักดิ์กล่าวย้ำในคดีฮั้วเลือก สว.

ถามย้ำว่า จะกำชับดีเอสไอให้ทำคดีฮั้วเลือก สว.อย่างไร นายชูศักดิ์กล่าวว่า ความจริงดีเอสไอไม่ได้ทำคดีฮั้วเลือก สว. คนที่ทำคดีจริงๆ คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพียงแต่มีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าไปร่วมเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องของ กกต.จะทำไป กกต.ก็ทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ไปสั่งการอะไร รัฐมนตรีไม่ได้ไปสั่งการว่าคุณต้องทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ ปล่อยให้เขาทำตามอำนาจหน้าที่ ก็ว่ากันไป

เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่ดูเหมือนว่าอยู่กลางศึกแดงกับน้ำเงิน นายชูศักดิ์หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ไม่หนักใจอะไร เพราะเราเห็นแล้วว่าเป็นไปตามครรลองตามกฎหมาย ก็ว่ากันไป ก็แค่นั้น

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม  กล่าวถึงกรณีดีเอสไอและอนุ กกต.ทยอยออกหมายเรียก สส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เข้าให้ข้อมูลกรณีฮั้ว สว. ดีเอสไอได้รายงานมาหรือไม่ ว่าหลังมีคำสั่งศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ขณะนี้ ก็ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล เชื่อว่าดีเอสไอจะรายงานให้ปลัดกระทรวง ซึ่งหน้าที่ของรัฐมนตรีไม่มีส่วนเข้าไปในคดีแล้ว ในเมื่อศาลไม่ให้เข้าไปกำกับชั่วคราวระหว่างรอคำวินิจฉัย ก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

เสี่ยหนูรับเรื่องการเมือง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวพรรค ภท. กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่าสมาชิกพรรค ภท.ถูกออกหมายเรียกชี้แจงกรณีคดีฮั้ว สว. ได้พูดคุยกับสมาชิกบ้างหรือไม่ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุย เพราะไม่ได้มีปัญหาอะไร และทุกคนก็ให้สัมภาษณ์หมดแล้วว่าพร้อมให้การและชี้แจง

เมื่อถามว่า มองว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะก่อนกล่าวว่า ผู้สื่อข่าวก็คิดเองได้ ใครๆ ก็ประเมินถูก

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามองว่าเป็นเรื่องการเมืองจริงๆ ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เชื่อมาตั้งนานแล้ว ใครๆ ก็เชื่อ ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่เกี่ยว แต่หากคิดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่ได้คิดในฐานะรัฐมนตรีหรือหัวหน้าพรรค แต่คิดในฐานะคอการเมือง

เมื่อถามว่า หากคิดว่าเป็นเรื่องการเมืองแล้วต้องการอะไรจากพรรค ภท. นายอนุทินระบุว่า ไม่เห็นต้องถามเลย เพราะคำตอบทุกคนก็รู้อยู่แล้ว ซึ่งหากต้องการอะไรจากพรรค ภท.ก็ไม่มี เพราะภูมิใจไทยไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่อง สว. สื่อมวลชนน่าจะอ่านประกาศที่เคยสั่งห้ามสมาชิกพรรคห้ามข้องเกี่ยวกับการเลือก สว. ที่ลงวันที่ไว้เมื่อ 30 เม.ย.2567 ก่อนเลือก สว. 2 เดือน เหตุใดจึงไม่ตีแผ่หนังสือนี้อีกครั้งว่าสั่งห้าม สื่อช่วยนำหนังสือดังกล่าวมาลงซ้ำหน่อย 

 “ขออย่ามายัดเยียด เพราะผมต้องการออกห่าง ไม่ยุ่งเกี่ยวตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว อย่ามาคิดมโนอะไร แต่ถ้า กกต.สงสัย ก็ถามผม และทุกคนก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือดี ส่วนสาเหตุที่เจาะจงมาที่สมาชิกพรรคนั้น ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แสดงว่าคงต้องมีดีอะไรบางอย่างมั้งจึงมีคนพยายามเจาะยาง” นายอนุทินกล่าว

ด้านนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์  และแกนนำพรรค ภท. ซึ่งมีชื่อถูกเรียกให้ชี้แจงคดีฮั้ว สว. กล่าวว่า ทราบจากข่าว แต่ยังไม่มีหมายส่งมา โดยอยู่ที่ จ.ราชบุรี ได้สอบถามไปพบว่ายังไม่มีหมายเรียก จึงบอกพนักงานไว้ว่าถ้ามีหมายส่งมาให้เซ็นรับแล้วแจ้งมาให้ทราบ  เพราะมั่นใจว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่กังวล ถ้ามีหมายมาพร้อมไปชี้แจง เชื่อมั่นในข้อเท็จจริงชี้แจงได้แน่นอน และเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตนเอง ซึ่งไม่ทราบว่าอะไรที่ทำให้เชื่อมโยง คงต้องไปพบ กกต.ก่อน

  เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายอนุทินหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่ นายนภินทรกล่าวว่า  ยังไม่ได้คุยกับหัวหน้าพรรค แต่เลขาธิการพรรคโทร.มาให้ไปชี้แจง ก็จะไปพบวันนี้

 เมื่อถามว่า ขณะนี้ถูกมองว่าเป็นศึกระหว่างสีแดงกับสีน้ำเงิน นายนภินทรกล่าวว่า อย่าไปคิดไกลขนาดนั้น เป็นเรื่องบุคคลมากกว่า อย่าไปคิดสร้างปัญหาให้เกิดการแตกแยกในการทำงาน ทุกวันนี้ทำงานกันดีกับพรรคเพื่อไทย ไม่มีปัญหาอะไร

ส่วน น.ส.วาริน ชิณวงศ์ หรือนายกน้ำ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีรายชื่อถูกหมายเรียกชี้แจงเช่นกัน พบว่าเจ้าตัวมีอาการเคร่งเครียด โดยปฏิเสธให้สัมภาษณ์ แต่ล่าสุด น.ส.วารินได้ยืนยันว่ายังไม่ได้รับหมายเรียกอย่างเป็นทางการ แต่ได้รับทราบข้อมูลจากข่าวบางส่วนแล้ว พร้อมยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องใดๆ  กับกรณีที่เกิดขึ้น และพร้อมให้ข้อมูลกับ กกต.อย่างเต็มที่ หากได้รับหมายเรียกอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าการพาดพิงครั้งนี้น่าจะเกิดจากการที่เดินทางไปให้กำลังใจเพื่อนที่ลงสมัครในวันเลือกตั้ง สว.ที่เมืองทองธานีเท่านั้น

ฉัตรวรรษยันถูกแจ้ง 4 ข้อหา

สำหรับความเคลื่อนไหวของ สว.ชุดแรกที่ไปรับข้อกล่าวหาจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สว นสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดที่ 26 นั้น พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. ระบุว่า เบื้องต้น กกต.ได้แจ้ง 4 ข้อกล่าวหาคือ 1.กระทำการฝ่าฝืนเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2560 2.การรวมตัวกันในสถานที่ต่างๆ 3.การเข้าไปเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ตามข้อกล่าวหาในระหว่างวันเวลาที่เกิดเหตุ ตั้งแต่วันที่ 23-26 มิ.ย.2567 หรือไม่ 4.สถานที่โรงแรมต่างๆ 4-5 แห่ง ในพื้นที่รอบปริมณฑล โดยได้สรุปว่าพฤติการณ์ 1-4 ตนเองเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์อย่างไร ซึ่งได้ย้อนถามว่าได้รับประโยชน์ตรงไหน ทางเจ้าหน้าที่จึงย้อนกลับมาว่าได้ประโยชน์ที่เป็น สว. ตนจึงถามกลับว่ารับราชการมากว่า 30 ปีไม่เคยมีปัญหา เรื่องนี้จะไม่เป็นเครื่องการันตีว่าตนจะไม่ได้รับเลือกเหรอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบว่าเป็นเรื่องที่ต้องชี้แจง ซึ่งการมาครั้งนี้ถือว่าเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้นของ กกต. ส่วนข้อกล่าวหาแต่ละคนเหมือนกันหรือไม่ ไม่ทราบ แต่จากการพูดคุยกับเพื่อน สว.ก่อนหน้านี้ แต่ละคนมีรายละเอียดแตกต่างกันไป และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ กกต.ไปว่าหากมีประเด็นใดที่ยังไม่ครบถ้วนให้แจ้งมา โดยพร้อมเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม ขณะเดียวกันได้ขอเอกสารเพิ่มเติมจาก กกต.เกี่ยวกับข้อกล่าวพฤติการณ์ โดยได้รับแจ้งว่าไม่สามารถให้ได้ เพราะหากมีประเด็น กกต.จะเรียกมาชี้แจงเพิ่มเติมเอง

 “ยอมรับว่าที่เรียกมาชี้แจง ก็สบายใจแล้ว เพราะในส่วนของดีเอสไอที่แจ้งข้อกล่าวหา ผมค้านตั้งแต่ต้นว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ เพราะการได้มาซึ่ง สว. เป็นอำนาจของ กกต.  และในส่วนคดีฟอกเงินนั้น ผมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แล้ว ได้รับคำยืนยันว่าจะมาใช้การสันนิษฐานเรื่องจำนวนเงินไม่ได้ และเมื่อไม่มีตัวเงิน จะเข้าข่ายการฟอกเงินได้อย่างไร จึงสงสัยว่าการกระทำของดีเอสไอเหมือนจงใจอะไรบางอย่างหรือไม่ ซึ่งในห้องสอบสวนของ กกต. ไม่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่สวมชุดดีเอสไอร่วมสอบอยู่ด้วย ส่วนใหญ่เห็นแต่สวมชุด กกต. จึงไม่รู้ว่ามีดีเอสไอรวมอยู่ด้วยหรือไม่ แต่ทั้งหมดน่าจะเป็นคณะกรรมการชุดที่ 26 ซึ่งผมขอยืนยันในความบริสุทธิ์ ไม่สามารถตอบได้ว่าตรงไหนมีความเสี่ยงบ้าง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาไต่สวน”  พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าว

ส่วนนายอลงกต วรกี สว. ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ในการเดินทางเข้าไปชี้แจง กกต. โดยครั้งนี้นายอลงกตได้พูดภาษาจีนแทน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายอลงกตได้ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาฝรั่งเศสมาแล้ว

ขณะที่สำนักงาน กกต.ออกเอกสารชี้แจงกรณีสื่อนำเสนอข่าวว่า นายแสวง บุญมี  เลขาธิการ กกต. ไม่ได้ดำเนินการกรณีผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดที่มีการแจ้งว่าจะมีโพยฮั้ว สว. ซึ่งเป็นการเอื้อให้มีการฮั้วในวันเลือกระดับประเทศ 26 มิ.ย.2567 ว่า 1.ในวันดังกล่าวไม่ได้ปรากฏว่ามีผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดผู้ใด รายงานการกระทำผิดตามแบบรายงานของผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยผู้ตรวจการเลือกตั้งข้อ 32 แต่อย่างใด และ 2.ในวันเลือกระดับประเทศ พนักงานสืบสวนที่ถูกสั่งให้ไปปฏิบัติหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน หรือร้องคัดค้านในการกระทำผิดในสถานที่เลือก  ก็ไม่ได้รายงานว่ามีผู้ตรวจการเลือกตั้งจังหวัดผู้ใดยื่นแบบรายงานต่อพนักงานสืบสวน หรือมีผู้สมัครคนใดมาร้องหรือให้ถ้อยคำต่อพนักงานสืบสวน ที่จุดรับเรื่องร้องเรียนในสถานที่เลือก ถึงเหตุที่มีการกระทำผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งการนำเสนอข่าวดังกล่าวที่มีการแจ้งว่ามีการกระทำผิดนั้นจึงไม่เป็นความจริง

ยื่นยุบภูมิใจไทย

วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. ยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อพิจารณาส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ภท. โดยนางกุสุมาลวตีกล่าวว่า มีหลักฐานการกระทำความผิดทั้งอั้งยี่ซ่องโจร และพฤติกรรมทั่วไปของนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการมีการจัดตั้งคนในบุรีรัมย์ และพบเส้นทางการเงิน มีหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งซูเปอร์คอมพิวเตอร์จับได้หมดว่าใครโอนเงินไปให้ใครบ้าง โดยจะนำหลักฐานนี้มายื่นให้ภายหลัง  เพราะกลัว และเชื่อว่าในทุกองค์กรจะมีฝ่ายเขาฝ่ายเรา แต่ถ้า กกต.เรียกมาชี้แจงเมื่อไหร่ ก็จะนำหลักฐานเหล่านั้นมามอบให้

นางกุสุมาลวตีกล่าวต่อว่า ในส่วนของนายอนุทิน มีหลักฐานว่าเมื่อกระบวนการเลือก สว.เสร็จสิ้นแล้ว ได้เรียก สว.ให้ไปพบที่โรงแรมพูลแมน เพื่อให้เขียนใบลาออกเป็นหลักการว่าคนพวกนี้ต้องอยู่ภายใต้การสั่งการของพรรค ภท. และนางสุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ พรรค ภท. ซึ่งมีทั้งภาพขณะ สว.เขียนใบลาออก และคลิปเสียงประกอบ ยืนยันว่าหลักฐานชัดเจน ถ้าไม่ชัดเจนตนก็คงไม่กล้ามาเปิดหน้า แต่ก็จะมีการขอคุ้มครองพยานจากดีเอสไอ และที่พรรคภูมิใจไทยบอกว่าจะฟ้องนั้น เชิญเลย

ด้านนายอนุทินกล่าวในประเด็นนี้ว่า เขาพูดไม่จริง เขาพูดโกหกทุกเรื่อง เขาโกหกตั้งแต่บอกว่ามาคุยกับตนที่รัฐสภา ตนรู้จักเขาตั้งแต่อยู่ที่พรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว ก็เป็นอย่างนี้แหละ  การที่บอกปัดให้ไปคุยกับคนอื่นนั่นคือสุภาพแล้ว  จริงๆ หน้ายังไม่อยากมอง เพราะรู้ว่าเป็นคนอย่างไร เขามาดักเจอที่รัฐสภาเพื่อมาขอเสียง  สว. ใครจะไปสนับสนุน เพราะเขาก็ไม่ได้อยู่พรรคของตน และก็รู้พฤติกรรมว่าเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ว่าพูดหยาบๆ รำคาญ

นายอนุทินยังกล่าวอีกว่า ส่วนที่มาอ้างว่านัดเจอกับผู้สมัคร สว.ที่โรงแรมย่านรางน้ำ ตนเองสัปดาห์ละ 7 วัน เพราะสะดวก เวลานัดอะไรก็อยู่ที่นั่นทั้งหมด ส่วนใหญ่หากใครไปที่นั่นก็จะพบ  ก่อนกลับบ้านก็ไปนั่งอยู่ที่นั่นทุกเย็น รวมถึงพูดคุยกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ดด้วย เพราะบ้านท่านอยู่ไกลถึงลาดกระบัง ดังนั้นใครอยากเจอตนก็ให้มาที่โรงแรมดังกล่าวช่วง 4-5 โมงเย็น ก็เจอแล้ว ไป 8 ครั้งก็เจอ 10 ครั้ง

เมื่อถามว่า นางกุสุมาลวตีมาขอสนับสนุน สว.เรื่องอะไร นายอนุทินระบุว่า ปีที่ผ่านมาเขาไปเดินอยู่ในสภา ซึ่งมาขอพูดกับตน ก็ไม่พูดด้วย อย่างที่บอกไง บางทีเราก็เป็นคนสุภาพ ก็โดนคนกักขฬะทำแบบนี้ ยืนยันว่าไม่สะทกสะท้านเพราะไม่ได้ทำผิด สื่อก็รู้นิสัย เจอใครก็ทักหมด ไม่มีคนเกลียดคนชัง เจอใครก็ทักเสมอ เพราะพ่อแม่สอนมาดีมารยาทต้องทำตัวอย่างไร

เมื่อถามว่า ขณะเดียวกัน นางกุสุมาลวตีอ้างว่ามีรัฐมนตรีช่วยพรรคภูมิใจไทยบอกจะให้คุยกับนายอนุทินนั้น นายอนุทินย้อนว่า ใครจะกล้า ขอเปรียบเทียบ หากน้องเป็นลูกน้องจะกล้าเอาคนที่น่ารังเกียจไปพบหัวหน้าหรือ ซึ่งเชื่อว่าเขาเจอใครเขาก็เก็บหมด ไม่มีอะไรหรอก อย่าไปพูดถึง มันเสียเวลา ไม่สนใจไม่ให้ราคา และก็พยายามจะสุภาพเต็มที่แล้ว แต่ออกมาพูดโกหกหลอกลวงประชาชนแบบนี้

ถามว่าจะฟ้องกลับหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าถึงขนาดนี้ก็คงต้องฟ้องแล้ว ซึ่งขณะนี้มีการแกะเทปแล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องทำ เพราะพรรคมีแผนกมีนักกฎหมายดูแลเรื่องนี้อยู่ ซึ่งพวกนี้มาเป็นขบวนการ ตัวเองก็มาถึง สว.สำรองถ้าผิดก็ผิดกันหมด จากรอบคัดเลือกระดับอำเภอก็มาด้วยกัน ฉะนั้นถ้าตนเกี่ยวข้องก็ต้องคุยด้วย และขอย้ำว่าตนไม่ชอบตั้งแต่อยู่พรรคชาติพัฒนากับพฤติกรรมแบบนี้ เพราะเป็นมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว

ฟ้องกุสุมาลวตีถึงที่สุด

น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค ภท. กล่าวว่า พรรคจะใช้ช่องทางกระบวนการยุติธรรม โดยจะให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคดำเนินการฟ้องร้อง วันนี้พรรคต้องออกมาปกป้องตนเอง จากการใส่ร้ายบิดเบือน จากฝ่ายการเมืองผู้ไม่หวังดี ที่ดูเหมือนว่ามีเจตนาพิเศษจ้องทำลายพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นสถาบันพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และท่านหัวหน้าอนุทินมีแนวทางการทำงานโดยเน้นทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ

"พรรคภูมิใจไทยจึงขอใช้สิทธิดำเนินการทางกฎหมายต่อนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่ให้ร้ายพรรคภูมิใจไทยให้ถึงที่สุดต่อไป" โฆษกพรรค ภท.กล่าว

นางกุสุมาลวตีกล่าวหลังพรรคภูมิใจไทยเตรียมฟ้องทำให้เกิดความเสียหายว่า ยินดี เพราะได้เตรียมอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก็เตรียมตัวดูเอกสารตัวเองและดูข้อมูล จึงไม่กลัว  ในเมื่อเรากล้าที่จะชน ก็กล้าที่จะเจ็บ และรู้ว่าจะเจอกับอะไร แต่ก็มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำว่าทำเพื่อปกป้องประชาธิปไตย และทั้งหมดเป็นประจักษ์พยานด้วยว่ากระบวนการนี้ช็อกโลก ช็อกประชาชนคนไทย มีเส้นทางการเงินและมีจำเลยมากมายรวมถึงคนที่จะฟ้องก็อยู่ในกระบวนการที่ได้มีการสืบสวนสอบสวนและมีข้อมูลชัดเจนแน่นหนาพอสมควร ที่ทำให้มีความกล้าที่จะมายื่นตรงนี้

 “ตอนนี้ก็ได้เตรียมทนายไว้แล้ว จะฟ้องในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ฟ้องนางสุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ และนายอนุทิน ข้อหาหมิ่นประมาท เพราะมีหลายประเด็นที่ดูถูกด้อยค่า ซึ่งตนเองฟ้องใครไม่เคยแพ้ ไม่กลัวอยู่แล้ว ถ้าเราเปิดหน้าชนบางทีเขาคงไม่กล้า แต่ถ้าเราหลบๆ ซ่อนๆ เขาอาจกล้า ถ้าเราตายไปหรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ขอให้ทุกคนจงเชื่อว่าเกิดจากอีกฝั่งหนึ่ง ดังนั้นวันนี้แม้ความตายยังไม่เกิด แค่เรื่องฟ้องไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะมั่นใจและเชื่อว่าสิ่งที่ทำถูกต้องแล้ว”

ขณะเดียวกัน นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งทีมกฎหมายนำเอกสารคำร้องยื่น กกต. ขอให้พิจารณาส่งเรื่องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคท้าย ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของ สว. 138 คนสิ้นสุดลง และระหว่างพิจารณาให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังดีเอสไอและ กกต.สืบสวนร่วมกันจนพบพยานหลักฐานในขบวนการฮั้ว รวมทั้งจากการสอบปากคำพยานบุคคล พยานแวดล้อม จนพบข้อมูลเชิงประจักษ์ และสรุปได้ว่า สว. 138 คน มีพฤติการณ์กระทำอยู่ภายใต้พรรคภูมิใจไทย และในวันที่ 21 พ.ค. นายณฐพรจะมายื่นหนังสือต่อ กกต.ขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคภูมิใจไทยจากปมฮั้วเลือก สว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.