‘อ้วน’โวอิ๊งค์รวยล้นฟ้า อึ้งภารกิจงานรูทีนขรก.

"สมชาย" ร่าย 10 ข้อสงสัยภารกิจบินลอนดอน-โมนาโกของ "อุ๊งอิ๊ง" มีปริศนาเพียบ ไม่พบผู้นำต่างประเทศเลย แถมใช้งบหลวงไปภารกิจส่วนตัว ผงะ! งานสำคัญไปแจกโล่ให้ร้านอาหาร  "ภูมิธรรม" โต้แทนนาย นายกฯ มีทรัพย์สินมหาศาล  ไม่ต้องเบียดบังงบหลวงเที่ยวต่างประเทศ อ้างไปไหนไม่ต้องบอกรายละเอียด เพราะไม่สามารถเปิดเผยได้

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 นายสมชาย  แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตบรรณาธิการข่าว อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย โพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตและตรวจสอบภารกิจการเยือนต่างประเทศของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางไปประเทศอังกฤษว่า ถ้าวันนี้ผมยังเป็นนักข่าวหรือเป็นบรรณาธิการข่าว ผมจะเลือกทำข่าวเจาะมากกว่ารับข่าวแจก ที่กองงานโฆษกทำเนียบรัฐบาลส่งมาให้ลงข่าว PR แบบไม่ตรวจสอบความจริง เพราะนักข่าวที่ดีมีจรรยาบรรณควรตั้งคำถามและทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน หรือเป็น Investigative journalism แทนประชาชน ดังนี้

1.การเดินทางไปเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีไทยทุกกรณี ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินทุกบาท ต้องเดินทางไปทำภารกิจให้กับรัฐบาล ประเทศชาติเท่านั้น ไม่ใช่การเดินทางไปเพื่อภารกิจส่วนตัวใดๆ

2.การเบิกงบประมาณที่ใช้ทั้งหมดในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรายชื่อคณะทีมงานที่ร่วมเดินทาง ต้องถูกตรวจสอบได้

3.ภารกิจเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ทุกครั้ง จำเป็นต้องมีโฆษกหรือเจ้าหน้าที่กองงานโฆษก หรือมีนักข่าวโทรทัศน์หรือวิทยุ กรมประชาสัมพันธ์ หรือโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจร่วมทีม เพื่อประชาสัมพันธ์ข่าวให้ประชาชนทราบทุกการพบปะผู้นำต่างประเทศ หรือการเจรจาตกลงทางการค้า หรือการเจรจาทวิภาคี  หาใช่การพิมพ์ข่าวแจกตามที่กองงานโฆษกนั่งเขียนและส่งข่าวให้กองบรรณาธิการ นสพ. tv วิทยุ  ฯลฯ เพื่อลอกกันลงข่าวโดยสื่อที่ลงข่าว PR (อวย) ไม่รู้เห็นข้อเท็จจริง

4.อังกฤษออกจากสหภายุโรป หรือ eu ด้วยการลงมติ Brexit ตั้งแต่ 23 มิถุนายน ค.ศ.2016   การเขียนข่าวนั่งเทียนว่าภารกิจบุกเบิกตลาดอียูที่อังกฤษ จึงเป็นการเขียนข่าวที่ไร้เดียงสาและปราศจากความรู้อย่างยิ่ง

5.การเดินทางไปเยี่ยมชมร้านขายของชำ wing yip super สาขา Cricklewood ไม่ใช่ภารกิจหลักของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เป็นภารกิจของ รมต.พาณิชย์ หรือทูตพาณิชย์ ประจำกรุงลอนดอนอยู่แล้ว และไม่สามารถสร้างอุปสงค์ใดๆ ต่อสินค้าส่งออก เพราะคนไทยหรือคนเอเชียในอังกฤษรู้จักที่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ไปจากไทย จีน เวียดนาม อินเดีย ฯลฯ ที่มีวางจำหน่ายในร้านขายของชำเอเชียทั่วไปที่มีมากมายตามเมืองใหญ่ในอังกฤษและผู้ยลบริโภครู้จักสินค้าในร้าน wing yip อยู่แล้วเดิมแล้ว 4 สาขา คือที่ สาขาเบอร์มิงแฮม แมนเชสเตอร์ ครอยดอน และคริกเกิลวูด การเลือกซื้อสินค้าเป็นปัจจัยความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยและเอเชียที่อังกฤษเอง มิใช่แค่ข่าว PR การเดินไปดูของชำใน supermarket ของตำแหน่งนายกฯ ฯลฯ

6.การไปเยี่ยมค่ายมวย 1 แห่งในลอนดอน ไม่ใช่ภารกิจหลักของนายกฯ เป็นแค่ภารกิจระดับสมาคมมวยไทยหรือ รมต.ท่องเที่ยวและกีฬา ที่สำคัญคือ Fight City Gym - Moorgate ที่เดินทางไปเยี่ยมชมนั้น ไม่ใช่ค่ายมวยไทยตามที่เสนอข่าว แต่เป็น Gym ทั่วไปที่ใช้เพื่อออกกำลังกายและเปิดสอนศิลปะการต่อสู้หลากหลาย เช่น คาราเต้ ยิวยิตสู มวยปล้ำ มวยสากล มวยไทยเป็น 1 ในหลักสูตรที่ Gym สอนเท่านั้น

7.การประชุมที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในลอนดอน และการแจกประกาศให้กับร้านอาหารไทยอังกฤษ เป็นภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของนายกรัฐมนตรี เพราะ รมต.พาณิชย์เคยทำมาแล้ว  หากสื่อมวลชนตรวจสอบข่าวจะพบว่า เคยเป็นกิจกรรม thai select ของกรมส่งเสริมการส่งออก  กระทรวงพาณิชย์ ที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เคยไปเป็นประธานแจกใบประกาศที่โรงภาพยนตร์ ในห้าง Selfridges กรุงลอนดอน เมื่อ 20 กันยายน 2567

8.ภารกิจของนายกรัฐมนตรีในการเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ไม่มีการพบปะนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีใดๆ ของอังกฤษ ไม่มีการลงนามทางการค้าใดๆ กับภาครัฐและภาคธุรกิจของประเทศอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU)  การประชุมทั้ง 3 กลุ่ม และแจกใบประกาศต่างๆ  คาดหมายว่า เกิดขึ้นที่ห้องประชุมในสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอนเท่านั้น และอาจใช้เวลา อาจไม่นานมากนัก

9.การห้ามไม่ให้สื่อมวลชนรัฐและเอกชน  โฆษก หรือกองงานโฆษกติดตามไปทำข่าว เป็นเรื่องน่าสนใจไม่แพ้กันกับภารกิจที่กองงานโฆษกแจกให้สื่อโดยที่โฆษกและเจ้าหน้าที่กองงานโฆษกไม่ได้ร่วมคณะไปด้วยนั้น เข้าข่ายสงสัยว่าข่าวที่แจกนั้นอาจไม่ใช่ภารกิจนายกรัฐมนตรี ในฐานะประมุขฝ่ายบริหารของประเทศ แต่สื่อมวลชน ที่ไม่มีสำนักข่าวใดไปทำข่าวที่อังกฤษเลยกลับโหมกระพือ PR ว่าเป็นผลงานมากมาย จึงมีความน่าสงสัยในมาตรฐานสื่อมวลชนมากครับ

10.เสร็จการประชุม ที่สถานทูตไทย ณ กรุงลอนดอน จัดขึ้นรวบ 3 คณะในที่เดียวกัน แล้ว  นายกฯ ขอแยกไปภารกิจส่วนตัว โดยมีข่าวว่าไม่ให้ข้าราชการติดตามหรือทราบภารกิจนั้นเป็นเรื่องใด  เป็นภารกิจลับส่วนตัวหรือภารกิจในฐานะนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยมีมติชี้มูลความผิดข้าราชการ นักการเมือง ระดับชาติ และท้องถิ่น ในการใช้งบประมาณเดินทางราชการไปทำภารกิจส่วนตัวทั้งในและต่างประเทศมาแล้วจำนวนมากครับ สื่อมวลชนควรทำหน้าที่ watchdog เป็น Investigative journalism แทนประชาชน ครับ เพราะสังคมสงสัย และมีคำถามว่า ใช่ภารกิจนายกรัฐมนตรีและคุ้มค่าต่องบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนทุกบาททุกสตางค์หรือไม่  อย่าให้สังคมไปเคลือบแคลงว่า เป็นภารกิจจัดฉากหรือไม่ เพราะความจริงที่สื่อตรวจสอบอาจพบว่า งานนี้อาจไม่เนียน

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ตอบโต้ว่า การดรามาแล้วนำไปลงใน Facebook หรือช่องทางอื่นๆ ของสื่อโซเชียลมีเดีย ควรจะมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่คิดอะไรแล้วนำไปโพสต์ทำให้เกิดความเสียหาย ที่ดรามากันว่านายกฯ ไปเที่ยว ไม่มีความจำเป็นเลยที่นายกฯ จะต้องไปใช้งบหลวง ในหลายเรื่องท่านไม่ได้ใช้งบหลวง แต่ใช้งบส่วนตัวด้วยซ้ำไป

เขาบอกว่า การเดินทางไปต่างประเทศของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีท่านอื่น ไม่จำเป็นที่จะต้องมาบอกรายละเอียด เพราะมีหลายเรื่องที่ไม่สามารถจะเปิดเผยได้ บางคนอยากจะเจอเราแต่เขาก็ไม่อยากเปิดเผยตัวเอง ในการพูดคุยกับผู้นำต่างประเทศ รวมถึงทางการทูตมีทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการ หรือเป็นทางลับ ดังนั้นหากมีสิ่งใดที่เปิดเผยได้ก็จะดำเนินการทันที เพราะการเปิดเผยสะท้อนให้เห็นว่าเราทำงาน เช่นเดียวกับกรณีการเจรจากับทางสหรัฐเรื่องภาษี แม้ดูเหมือนยังไม่มีอะไรคืบหน้า แต่ในทางลับเราดำเนินการอยู่ ทางสหรัฐก็มีเงื่อนไขข้อเรียกร้องกับเรา หากเรายังไม่พร้อมก็ต่อรองไป

 “ผมมองว่าวิญญูชนเขาตระหนักได้ว่า การที่นายกฯ ที่มีทรัพย์สินส่วนตัวจำนวนมากมายขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องมาเบียดบังงบหลวง ทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวเองเปล่าๆ และท่านก็ไม่ใช่คนที่จะมาเอานั่นเอานี่จากคนอื่น เรื่องดรามาอยากให้มองที่ข้อเท็จจริง” นายภูมิธรรมกล่าว และว่า ต้องเข้าใจว่าการบริหารงานไม่ใช่สิ่งที่จะมาพูดในที่สาธารณะ เพราะบางเรื่องก็ละเอียดอ่อน ซึ่งไม่มีประโยชน์ที่จะนำไปดรามา และทำให้มีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน เพราะปัจจุบันสังคมไทยมีปัญหามากอยู่แล้ว เรากำลังแก้ไขปัญหาไปทีละประเด็น

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย  โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนและประชาชนรู้สึกงง รองนายกฯ ไม่เข้าใจคำถาม หรือตอบคำถามไม่ได้ กรณีประชาชนเกิดความสงสัยว่า น.ส.แพทองธาร เดินทางไปอังกฤษ โดยใช้งบประมาณของทางราชการ และไม่เปิดเผยรายละเอียดกำหนดการ และรายละเอียดการเดินทาง ว่าไปติดต่อราชการกับหน่วยงานใด เรื่องอะไร มีรายละเอียดอย่างไร   และเกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนอย่างไร ได้แต่ตอบว่า ท่านนายกฯ รวยล้นฟ้า มีเงินมากมาย ไม่เอางบประมาณหลวงไปเที่ยวส่วนตัว

"ประชาชนสงสัยว่า หากนายกฯ ไปด้วยภารกิจส่วนตัว ทำไมต้องใช้งบประมาณไปใช้ในการเดินทางด้วย แต่ถ้าเดินทางไปราชการจริง ก็ไม่ยากที่จะแสดงกำหนดการ รายละเอียดการเดินทาง ผู้ร่วมคณะการเดินทาง งบประมาณที่ใช้เป็นจำนวนเท่าใด วัตถุประสงค์การเดินทางว่าเกิดประโยชน์กับประเทศชาติเพียงใด คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนอยากจะรู้ เพราะนายกฯ ถือเป็นคนสาธารณะ อาสามาทำงานให้บ้านเมือง และยังใช้งบประมาณในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้"

 วันเดียวกันนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงลอนดอน) ทีมไทยแลนด์นำโดย นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โฉมใหม่ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยมี น.ส.แพทองธาร  เป็นประธาน พร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่ร้านอาหาร Thai SELECT จำนวน 20 ราย เพื่อผลักดันนโยบายส่งเสริม Soft Power ของรัฐบาลไทยในสาขาอาหาร ขยายบทบาทอาหารไทยสู่เวทีโลก

ภายหลังพิธีมอบประกาศนียบัตร นายกฯ ได้ร่วมกิจกรรมสาธิตการทำอาหารไทยเมนู “เมี่ยงคำ” โดยมีเชฟไทยประจำร้านอาหาร Thai SELECT เป็นผู้ร่วมสาธิต และมี Influencer และสื่อมวลชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างคึกคักกว่า 20 ราย ก่อนจะเข้าสู่การหารือร่วมกับภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.