
"หมอวรงค์" อบรม "อุ๊งอิ๊ง" กับทนาย ชี้ศาลให้ "ยิ่งลักษณ์" ชดใช้เพราะมีการทุจริตข้าวจีทูจี แฉใช้เงิน 8 แสนล้านล้วนกู้มาแล้วใช้ภาษีประชาชนจ่าย "สมชาย" แฉศรีธนญชัยทางกฎหมาย กลเกมหักล้างคดีจำนำข้าว ฮือฮา "กรณ์" ให้ AI สรุปนโยบายประกันราคาข้าว ดีกว่าจำนำที่มีช่องให้โกงอื้อ เพื่อไทยไม่น้อยหน้าใช้ ChatGPT ถามม้าตอบช้าง นโยบายจำนำข้าวไม่หวังกำไร
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า ให้ความรู้ทนายและรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊ง ขอให้ความรู้กับทนายความ และรัฐมนตรี ของรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง ที่ออกมาพูดว่า จะเอาเงินที่ระบายข้าว 18 ล้านตัน มาชดใช้แทน ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้ค่าสินไหม (ค่าเสียหาย) 10,028 ล้านบาท
คนที่มีสติปัญญาปกติก็น่าจะรู้ว่า ศาลเห็นว่า การระบายข้าวแบบจีทูจี เป็นการร่วมกันทุจริต ขายข้าวสารราคาถูก ในขณะที่ข้าวสารตลาดราคาสูง เพื่อเลี่ยงการประมูล มีทั้งสิ้น 4 สัญญา นำไปสู่ค่าเสียหาย 20,057 ล้านบาท แต่ให้ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบ 50% คือ 10,028 ล้านบาท ศาลท่านให้ชดใช้เรื่องที่มีการทุจริต
ส่วนข้าวสารที่เหลือ ที่มีความเสียหาย ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องรับผิดชอบ ข้าวที่เหลือเมื่อขายได้ ต้องไปจ่ายเงินกู้ ที่กู้มาลงทุนทำโครงการรับจำนำข้าว (ราคาข้าวเปลือกในตลาด 10,000 บาทต่อตัน แต่รับจำนำ 15,000 บาทต่อตัน)
เพื่อให้เห็นภาพ ข้าวสารที่เหลือ หลังจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เข้ามารับต่อ ได้มีการแต่งตั้งกรรมการตรวจนับสต๊อกรวมถึงคุณภาพข้าวในโกดังรัฐบาล โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นประธานในการตรวจนับ
ยอดคงเหลือข้าวในสต๊อก 17.5 ล้านตัน คณะกรรมการที่ตรวจนับรายงานว่า มีข้าวที่ผ่านเกณฑ์หรือคุณภาพยังดีอยู่เพียง 2.9 ล้านตัน ส่วนที่เหลือเป็นข้าวที่คุณภาพต่ำและไม่ตรงชนิด
นอกจากนี้ ยังมีสต๊อกข้าวที่ไม่สามารถตรวจนับได้ หรือที่เรียกว่า ข้าวกองล้ม เช่น กระสอบแตกเสียหาย มีจำนวนประมาณ 4.25 แสนตัน ซึ่งในทางบัญชีถือว่ายังเป็นข้าวที่มีคุณภาพดี ส่วนข้าวที่คุณภาพแย่หรือข้าวเน่านั้น ประเมินว่า มีอยู่จำนวนประมาณ 8 แสนตัน
อนุกรรมการปิดบัญชีจำนำข้าว รอบปีบัญชี 2557 ได้มีการปิดบัญชี และประเมินว่า โครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีผลขาดทุนทางบัญชี 5.36 แสนล้านบาท โครงการจำนำข้าว ใช้เงินซื้อข้าวเปลือก 878,000 ล้านบาท
สิ่งที่ทนายและรัฐมนตรีที่ออกมาพูดว่า จะเอาข้าวที่เหลือไปขาย และมาใช้หนี้แทนยิ่งลักษณ์ พวกคุณต้องรู้ว่า โครงการจำนำข้าว ใช้เงินซื้อข้าวเปลือก 878,000 ล้านบาท เงินพวกนี้เป็นเงินกู้ และต้องใช้ภาษีประชาชนมาจ่าย ข้าวสารที่ขายได้ ต้องนำมาชดใช้เงินที่ลงทุนไปซื้อข้าวเปลือกนี้ ส่วนที่โกงจีทูจี ก็ต้องร่วมกันชดใช้กันเอง
ผมไม่ทราบว่า ทนายและรัฐมนตรีที่ออกมาพูด เพราะไม่รู้หรือตั้งใจมั่ว ส่วนที่นายอนุสรณ์ออกมาตำหนิผมนั้น ผมคิดว่าคนนี้สุดมั่ว ไม่มีข้อมูล ชอบดำน้ำพูด ถ้าคิดว่าจำนำข้าวได้ประโยชน์ต่อประเทศจริง ให้รัฐบาลอุ๊งอิ๊งเริ่มทำได้เลย ไม่ใช่ปล่อยให้ราคาข้าวเปลือกตกต่ำขนาดนี้
กลโกงวางแผนกลบข้าวเน่า
ด้านนายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (อดีต สว.) ได้โพสต์ข้อความว่า ฉลาดล้ำ หรือศรีธนญชัยทางกฎหมาย กลเกมหักล้างคดีจำนำข้าว เห็นกลเกมคนวางแผนจะนำราคาซื้อข้าวเน่านอมินี กก.ละ 18 บาท เป็นหลักฐานใหม่เพื่อฟื้นคดีจำนำข้าว รู้สึกได้ชัดว่า เพราะสังคมไทยมีศรีธนญชัยทางกฎหมายมากเกินไป
ลองคิดดูครับ เวลานี้ราคาข้าวเปลือกเจ้า: 6,100-8,000 บาท/ตัน เรียกได้ว่า ราคาข้าวตกต่ำหนักขนาดนี้ ชาวนายากแค้นสุดๆ รัฐบาลคิดไม่ออกไม่มีปัญญาช่วยเหลือ! แต่กลับคิดสร้างภาพสร้างหลักฐานเท็จ หลอกลวงชาวนา หลอกลวงสังคม เรื่อยไป
จึงขอเสนอรัฐบาลให้ทีมงานสร้างภาพ ช่วยตามบริษัทนอมินีเดิมที่สร้างราคาเทียมวันก่อนช่วยออกแรงรัฐบาลอีกครั้ง ด้วยการเหมารับซื้อจากชาวนาทั้งประเทศในราคาสูงๆ แบบวันประมูลกันเลยครับ
ถ้าทำได้จริงจะทำให้ช่วยชาวนาไทยได้ราคาดีแบบเดิมนี้ จะถือได้เป็นการช่วยชาติของแท้ทรู เพราะขนาดข้าวเก่า 10 ปียังประมูลสู้ราคาตั้ง กก.ละ 18 บาท แล้วข้าวใหม่หอมกรุ่นปีนี้หุงนุ่มสุดอร่อย บริษัทน่าจะสนใจรับซื้อแพงขึ้นสัก 10 เท่านะครับ
สาธุ ชาวนาไทยจะได้เป็นมหาเศรษฐีกันเสียที "ชาวนาไทยมีกินมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีกันค่า"
ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความหัวข้อ “ยิ่งลักษณ์ จำนำข้าว vs. อภิสิทธิ์ ประกันรายได้” ระบุรายละเอียดว่า จากคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ผมเห็นมีการตั้งคำถามเปรียบเทียบนโยบายจำนำข้าวของรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์กับนโยบายประกันรายได้ของคุณอภิสิทธิ์ ผมเลยขอลงข้อสรุปความต่างสองนโยบายนี้เพื่อคนรุ่นใหม่ที่อาจไม่ทราบ หรือคนรุ่นเก่าที่อาจจะลืม ส่วนใครที่ไม่อยากรับรู้ ขอให้ข้ามโพสต์นี้ไปเลยครับ
นโยบายประกันรายได้เกษตรกร ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์, 2551-2554) เป็นนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรที่แตกต่างจากนโยบายจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์ โดยเน้นการอุดหนุนเงินตรงให้ชาวนาแทนการแทรกแซงราคาตลาด
AI สรุปประกันราคาดีกว่า
รายละเอียดนโยบายประกันรายได้ของอภิสิทธิ์
1.แนวคิดหลัก ไม่รับซื้อผลผลิตโดยตรง แต่จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างเมื่อราคาตลาดต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดครอบคลุมพืชหลายชนิด เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนและผ่านระบบตรวจสอบ
2.ข้อดีของนโยบาย ลดภาระการเก็บสต๊อก รัฐไม่ต้องกักตุนสินค้าเหมือนโครงการจำนำข้าว ลดการทุจริต ระบบโอนเงินตรงถึงเกษตรกรผ่านบัญชีธนาคาร ทำให้ตรวจสอบได้ง่าย ไม่บิดเบือนกลไกตลาด ราคาขายยังเป็นไปตามอุปสงค์-อุปทาน
3.ข้อจำกัด เกษตรกรบางส่วนไม่ได้รับประโยชน์ เฉพาะผู้ที่ขึ้นทะเบียนและมีเอกสารถูกต้อง งบประมาณสูงแต่ไม่สร้างมูลค่าเพิ่ม เป็นการช่วยเหลือระยะสั้น ไม่ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพผลผลิต
เปรียบเทียบกับนโยบายจำนำข้าวของยิ่งลักษณ์
1.รูปแบบช่วยเหลือ: (อภิสิทธิ์) จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างราคา (ยิ่งลักษณ์) รัฐรับซื้อข้าวในราคาแพง
2.ผลกระทบการคลัง: (อภิสิทธิ์) ใช้งบประมาณแต่ควบคุมได้ (ยิ่งลักษณ์) ขาดทุนมหาศาลจากสต๊อกและทุจริต
3.ผลต่อตลาด: (อภิสิทธิ์) ไม่บิดเบือนกลไกราคา (ยิ่งลักษณ์) กดราคาตลาดโลก ทำไทยเสียส่วนแบ่ง
4.การทุจริต: (อภิสิทธิ์) มีน้อยกว่าเนื่องจากโอนเงินตรง (ยิ่งลักษณ์) มีการโกงจำนวนมาก
บทสรุป นโยบายประกันรายได้ของอภิสิทธิ์ถูกออกแบบมาเพื่อแก้จุดอ่อนของระบบประกันราคาแบบเดิม โดยลดความเสี่ยงการทุจริตและไม่สร้างภาระการเก็บสต๊อกสินค้าให้รัฐ อย่างไรก็ตาม มันยังเป็นเพียง**มาตรการบรรเทาปัญหา**มากกว่าการปฏิรูปเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน
หลังรัฐประหาร 2557 รัฐบาล คสช.นำแนวคิดนี้มาปรับใช้ต่อในรูปแบบ "ประกันรายได้เกษตรกร" แทนโครงการจำนำข้าว ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า
อ่านเสร็จแล้วน่าจะมีบางคนไม่พอใจ ขอบอกว่า ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้เขียนเองแม้แต่คำเดียว ผมเพียงกดตั้งประเด็นกับ Deep Seek ว่า “ยิ่งลักษณ์ จำนำข้าว อภิสิทธิ์ ประกันรายได้” หากไม่ถูกใจในประเด็นไหนขอให้ไปเถียงกับ AI เอง
ภาพลักษณ์ประเทศไทยเสียหาย
ส่วนนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ชี้ว่า โดยหลักของการบริหารประเทศนั้น มุ่งเป้าไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก เม็ดเงินงบประมาณของประเทศจะถูกใช้ไปในการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจทั้งหมด จะใช้คำว่า ขาดทุนไม่ได้ เห็นได้ชัดว่า จากรายงานทางการเงินของทาง สตง.เอง ก็ไม่เคยมีรายงานการปิดบัญชีว่ามีการขาดทุนเกิดขึ้นในโครงการรับจำนำข้าวหรือในระบบงบประมาณของประเทศไทยมาเลย
เขาเผยว่า การทำนโยบายของรัฐตามที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนอย่างโครงการรับจำนำข้าว ก็เหมือนกับทุกนโยบายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายประกันราคาข้าว ประกันยุ้งฉาง หรือโครงการช่วยเหลือผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ ทั่วไป ไม่มีข้อแตกต่าง และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ การดำเนินการเอาผิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์นี้ มีการใช้คำสั่งตามมาตรา 44 เข้ามาดำเนินการ ทำให้เกิดบรรทัดฐานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายในสายตาของนานาประเทศอื่นๆ เป็นอย่างมาก เพราะแม้เช่นประธานาธิบดีทรัมป์ ถึงจะออกนโยบายใดๆ มา แล้วมีความเห็นของประชาชนกลุ่มหนึ่งบอกว่าผิดพลาดไม่เห็นด้วย ก็ไม่สามารถไปเอาผิดเขาได้ เพราะทำในฐานะผู้บริหารประเทศที่ตัดสินใจบนผลประโยชน์ของประชาชน
"แน่นอนว่าทุกนโยบายก็ต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และการตัดสินการตัดสินใจทางการเมือง จะอยู่ที่ผลการเลือกตั้งของประชาชน แต่การเอาบรรทัดฐานซึ่งไม่ใช่บรรทัดฐานสากลมาบังคับใช้กับท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ อาจทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหายได้"
นายวรวัจน์กล่าวอีกว่า ประการสำคัญอีกประการหนึ่งคือ โครงการจำนำข้าวไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสว่าเสียหายอย่างเดียว แต่มีโอกาสที่จะมีกำไรด้วย เพราะตัวเลขปิดบัญชีระหว่างปี เป็นแค่ตัวเลขในขณะหนึ่งๆ เท่านั้น การชี้แจงในกระบวนการว่ามีผลติดลบ เป็นแค่ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งเท่านั้น และมีเหตุเกิดขึ้นในระหว่างรอยต่อการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งขณะนั้นมีการปิดโกดังข้าวจนทำให้ข้าวเสื่อมราคา แม้ช่วงนั้นจะมีผู้ต้องการซื้อข้าวในราคาที่สูง แต่ก็ไม่สามารถซื้อได้ แต่กลับถูกขายออกไปในราคาที่ต่ำเหมือนกับข้าวหมดสภาพแล้ว นี่คือปัญหาเชิงการเมืองที่จะพยายามเอาผิด มากกว่าปัญหาในทางปฏิบัติจริง
รับจำนำข้าวดีที่สุด
เขาเห็นว่า ควรจะต้องมีการทบทวนในเรื่องนี้ และดำเนินการตามหลักนิติรัฐและนิติธรรมที่แท้จริง ไม่ใช่การเอาเหตุผลทางการเมืองในช่วงการปฏิวัติรัฐประหารมามีส่วนในการตัดสินใจ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปในอนาคต จะไม่มีใครกล้าตัดสินใจทำนโยบายดีๆ อะไรเพื่อพี่น้องประชาชนเลย เพราะทุกคนจะมัวเกรงว่าหากคิดทำนโยบายอะไรไปแล้ว ถึงแม้จะดีอย่างไร ก็อาจจะถูกนำกลับมาเล่นงานเชิงการเมืองได้อีกในภายหลัง
“ความจริงแล้วต้องบอกว่าถ้าถามพี่น้องชาวนาและประชาชน ก็จะได้คำตอบว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ดีที่สุดโครงการหนึ่งที่พี่น้องชาวนาให้ความชื่นชม และแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ให้พี่น้องประชาชนมีเงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้นได้อย่างแท้จริง ดีขึ้นจนกระทั่งรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สามารถลดการขาดดุลงบประมาณ เพราะได้รับภาษีเพิ่มมากขึ้น ในภาพรวมของทุกประเทศทั่วโลกทุกประเทศต่างก็ดำเนินการในรูปแบบนี้ทั้งหมด คือโดยการใช้จ่ายเงินของภาครัฐจะไม่มีคำว่าขาดทุน ประเทศไทยเราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาต่อการบริหารประเทศในระยะยาว ผมได้ลองยกตัวอย่างข้อเท็จจริง โดยให้ลองตั้งคำถามลักษณะนี้กับ ChatGPT ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ได้มีอคติทางการเมือง และไม่ได้เป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บทวิเคราะห์ยังออกมาในลักษณะเดียวกันนี้เลย ดังนั้น ถ้าว่ากันด้วยหลักจริงๆ คำตอบยังไงก็ออกมาตรงกันทั้งโลกครับ" นายวรวัจน์กล่าว
นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสินให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้ค่าเสียหาย จะเป็นสัญญาณลบไปถึงคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนกรณีการรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจวันที่ 13 มิ.ย.หรือไม่ว่า ไม่เกี่ยวกัน เป็นคนละคดี
ให้งบประมาณผ่านก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผลออกมาเป็นลบ รัฐบาล น.ส.แพทองธารจะบริหารประเทศต่อได้หรือไม่ เพราะหลายฝ่ายมองว่านายกฯ เหมือนตกเป็นตัวประกัน นายวิสุทธิ์ตอบว่า ทุกวันนี้ น.ส.แพทองธารบริหารประเทศไม่ได้มีนายทักษิณ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์เข้ามาเกี่ยวกับการบริหารแต่อย่างใด เราเชื่อว่าผลออกมาด้านบวก เราไม่ได้คิดต่างจากหลายคน ไม่มีอะไรน่ากังวล ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่า วันที่ 28-31 พ.ค. จะต้องทำให้จบตามเวลาที่ต้องการ ให้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ผ่านวาระ 1 ไปก่อน เรื่องอื่นยังไม่ได้คิดเลย
เมื่อถามว่า สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้เหมือนช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า ทำให้สังคมคิดได้ เขาอาจจะคิดกันอย่างนั้น สังคมทั่วไปก็มองกันอย่างนั้น แต่ขณะนี้บ้านเมืองกำลังมีปัญหาเศรษฐกิจ เมืองไทยซ้ำร้ายเรื่องกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดเราต้องไปโฟกัสเรื่องงบประมาณให้ผ่านก่อน เรื่องอื่นไม่ได้คิดเลย ถ้างบประมาณผ่านถึงจะได้ไปไว ปีที่ผ่านมามีปัญหาส่วนหนึ่ง คืองบประมาณค่อนข้างช้า
"ตอนนี้หลายโครงการอยู่ระหว่างจัดซื้อจัดจ้าง ผ่านมา 1 ปีเม็ดเงินก็ยังไม่ออก เศรษฐกิจชะลอตัวหลายอย่าง หลายด้าน รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งตัว เราขายพืชผลทางการเกษตรได้ยากมาก จึงทำให้มีผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นปาล์ม ยางพารา ข้าว มีปัญหาหมดทุกตัว ฉะนั้นเราอยากให้งบประมาณผ่าน เพราะฉะนั้นโฟกัสทุกอย่างอยู่วันที่ 28-31 พฤษภาคม เรื่องอื่นไม่ได้กังวล"
ซักว่า มองอย่างไรกับคดีในยุครัฐประหารที่ไม่มีผู้ถูกลงโทษ เช่น กรณีเรือดำน้ำ หรือเหมืองทองอัครา นายวิสุทธิ์กล่าวว่า เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ทุกคนมองเห็นได้อยู่แล้ว ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ แต่ทุกคนก็เห็น ไม่ใช่พอฝั่งหนึ่งโดน ฝั่งหนึ่งไม่โดน แล้วก็เอนไปตามนั้น ต้องมองเรื่องความเป็นธรรม ความยุติธรรม ต้องดูดีๆ ประเทศไหนถ้าไร้ซึ่งความยุติธรรม ความสงบสุขมันไม่ค่อยจะเกิดขึ้น
แถลงการณ์กลุ่มแพทย์จุฬาฯ
กลุ่มแพทย์จุฬาฯ รุ่น 27 (จุฬาฯ 2514) ได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนสนับสนุนมติของคณะกรรมการแพทยสภา ที่มีมติเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าตามที่คณะกรรมการแพทยสภาได้มีมติในวันที่ 8 พฤษภาคม ศกนี้ ให้ลงโทษแพทย์ 3 คนที่เอื้อประโยชน์ต่อนักโทษบางคนโดยอ้างว่ามีการป่วยหนักขั้นวิกฤต ด้วยการพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพชั่วคราวและว่ากล่าวตักเดือนไปแล้วนั้น
กลุ่มแพทย์จุฬาฯ อาวุโสรุ่น 27
1.ขอยกย่องชมเชยคณะกรรมการแพทยสภา ที่ได้พิจารณาคดีดังกล่าวอย่างรอบคอบ และมีมติด้วยความกล้าหาญที่จะดำรงความยุติธรรมภายใต้กรอบของจริยธรรมและจรรยาบรรณของแพทย์ในระดับสูง ทั้งนี้เพื่อปกป้องการรักษาเพื่อนมนุษย์
2.ขอให้กำลังใจแด่คณะกรรมการแพทยสภาทั้งที่มาโดยตำแหน่งและที่มาโดยเลือกสรรจากบรรดาแพทย์ทั้งประเทศ ให้มุ่งมั่นดำเนินการต่อไป ด้วยความกล้าหาญ ไม่ยอมให้อิทธิพลทางการเมือง หรือผลประโยชน์อื่นใด มาโน้มน้าวจูงใจให้กระทำหรือละเว้นการกระทำ ไม่ว่าจะโดยลงมติงดออกเสียงหรือขอไม่เข้าประชุม (เพราะจะต้องได้มติ 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการแพทยสภาทั้งหมด)
กลุ่มแพทย์เราขอเป็นกำลังใจ ให้กรรมการแพทยสภายืนยันมติของความถูกต้องดังเดิม เพราะหากปล่อยให้อิทธิพลหรือผลประโยชน์ทางการเมือง มาใช้อำนาจยับยั้งมติเดิมของแพทยสภาฯ ย่อมทำให้องค์กรวิชาชีพแห่งนี้ขาดความศักดิ์สิทธิ์ยุติธรรม เกิดความแตกแยก และไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างถูกต้องเหมาะสมอีกต่อไป
รายนามแพทย์อาวุโส 1.พล.อ.ต.นพ.ธนา ปุกหุต ประธานรุ่น 2.นพ.สมยศ แจ้งจรัส 3.นพ.ประกอบ แสนมั่นคงกุล 4.นพ.สมเดช โชครุ่งวรานนท์ 5.นพ.ชูศักดิ์ งามไพบูลย์. 6.ศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์ 7.รศ.นพ.อัมพร อิทธิระวิวงศ์ 8. นพ.จำรัส ธรรมนิยม 9.นพ.สาธิต อาชานานุภาพ 10.ผศ.นพ.ถวัลย์ เบญจวัง 11.รศ.นพ.วรวัฒน์ จันทร์พัฒนะ 12. พล.ท.สถิตย์ เรืองดิลกรัตน์ 13.พล.อ.ต.หญิง พญ.ชมนาด นวลปลอด 14.นพ.ครรชิต ลิมปกาญจนารัตน์ 15.พญ.สวันทนา เหมะจุฑา เป็นต้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


