สนธิ-ตู่ปลุกล้างบาง ชี้หลัง13มิ.ย.คนไทยเฮ! อิ๊งค์ลั่นพ่อแม้วไม่ได้หนี

“แพทองธาร” ยันพ่อทักษิณยังอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้าไม่ได้หนีไปไหน ปัดดูลู่ทางที่เมืองผู้ดีให้บิดาแต่ดูโรงเรียนให้ลูก หึ่ง! 10  อรหันต์เสียงแตกทั้งเห็นด้วยและค้านมติแพทยสภา เตรียมลงมติ 27 พ.ค.ก่อนส่งถึงมือสมศักดิ์  “สนธิ” สวมกอด “จตุพร” ประกาศล้างบางนายใหญ่ เชื่อหลัง 13 มิ.ย.บ้านเมืองเจริญขึ้นแน่ๆ ์ "ลั่น

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ค.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวนการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่โรงพยาบาลตำรวจในวันที่ 13 มิ.ย. นายทักษิณจะเดินทางไปเองหรือไม่ ว่าไม่แน่ใจ แต่คิดว่าไม่ได้ติดอะไร

เมื่อถามว่า มีดรามาว่านายทักษิณยังอยู่ในประเทศหรือหนีออกไปแล้ว น.ส.แพทองธารหัวเราะก่อนตอบว่า ยังอยู่ค่ะ เมื่อสักครู่ยังโทร.มาอยู่เลยว่าหลังกลับจากราชรัฐโมนาโก ก่อนเดินทางไปมาเลเซียได้กลับบ้านหรือไม่ เตรียมตัวทันหรือไม่ ยังคุยกันอยู่ และนายทักษิณยังอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเหมือนเดิมไม่ได้ไปไหนเลย

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ไปกันอีกว่าการไปอังกฤษครั้งนี้เป็นการดูช่องทางให้นายทักษิณ  น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ดูช่องทางให้ ไม่ใช่แล้วค่ะ ถ้าไปไปดูโรงเรียนลูกมากกว่า

ด้านนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข หนึ่งในคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษ (นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข) เพื่อพิจารณามติแพทยสภา ที่ลงโทษแพทย์ 3 คน  กรณีการรักษาและส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กล่าวว่า กรรมการนัดประชุมวันจันทร์นี้ เพื่อนำเอกสารทั้งหมดมาหารือพูดคุยกัน จากนั้นจะนัดประชุมนัดสุดท้ายเพื่อลงมติในวันอังคารที่ 27 พ.ค. แล้วส่งมติและความเห็นถึงนายสมศักดิ์ในวันดังกล่าว ที่จะทันกับกรอบเวลาที่ รมว.สธ.ต้องมีความเห็นภายในไม่เกิน 30 พ.ค.

ด้านแหล่งข่าวจากกรรมการชุดดังกล่าวอีกคนหนึ่งบอกว่า ในการทำความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรอง กรรมการทั้ง 10 คนจะลงมติด้วยการออกเสียง แล้วใช้เสียงข้างมากเป็นมติแจ้งต่อนายสมศักดิ์ จากนั้นก็จะทำหนังสือเอกสารปิดผนึกส่งให้นายสมศักดิ์ ซึ่งถึงตอนนี้พบว่ากรรมการทั้ง 10 คนมีความเห็นที่หลากหลาย บางคนเห็นว่าการสอบสวนและมติแพทยสภาทำถูกต้องหมดแล้ว แต่บางคนก็เห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ ควรที่ รมว.สธ.ต้องวีโต แต่ยืนยันได้ว่ากรรมการกลั่นกรองทั้ง 10 คนมีที่มาหลากหลาย  มีทั้งอัยการ นักกฎหมาย คนในกระทรวง ไม่สามารถล็อบบี้ได้ ถ้าลงคะแนนเสียงออกมาอย่างไรก็ยึดตามมติ แล้วส่งให้นายสมศักดิ์ ซึ่งนายสมศักดิ์ก็จะได้บอกกับสังคมโดยอ้างมติของกรรมการกลั่นกรองได้ว่ามีเสนอมาแบบนี้ โดยนายสมศักดิ์จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้

ขณะเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) มีการจัดงานความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568 โดยช่วงหนึ่งนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อเครือผู้จัดการ และผู้ดำเนินรายการสนธิทอล์ค ได้พูดเปิดบนเวทีเพื่อเกริ่นถึงภาพรวมการจัดงาน และการร่วมเวทีของนายจตุพร พรหมพันธุ์  อดีตประธาน นปช. วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ว่าวันนี้คนคนนี้ไม่ใช่คนเดิมแล้ว ซึ่งความสัมพันธ์ครั้งนี้เพื่อทวงคืนความถูกต้องให้พี่น้องประชาชน และอยากให้ประชาชนให้โอกาสนายจตุพรในการทำคุณงามความดีให้ชาติบ้านเมือง และเราต้องเปิดใจว่า คนที่หลงผิด แล้วไปเจอความเลวความชั่วร้ายของจริง อย่างน้อยเขาก็ยอมรับว่านายทักษิณเลว จึงเต็มใจจะให้โอกาสเขา เพราะการที่เขากล้าขึ้นมาบนเวทีนี้ แสดงว่าเขามีความกล้าหาญมากพอสมควร

“ยืนยันว่าผมเองมองคนไม่ผิด เพราะที่ผ่านมาเขาคืออีกหนึ่งคนที่ร่วมต่อสู้กับหลายเหตุการณ์ของปัญหาบ้านเมือง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผมรับเขามาเป็นน้องแล้ว” นายสนธิกล่าว

นายจตุพรเข้าสวมกอดนายสนธิ และกล่าวตอนหนึ่งว่า คำว่าทวงความถูกต้องให้กับคนไทยเป็นหัวใจหลักนำพาให้พบกับนายสนธิในวันนี้ ซึ่งนายสนธิได้ชวนในขณะที่พบกันที่ รพ.ราชทัณฑ์ เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วว่าเราจะได้มีโอกาสถ้อยแถลงพร้อมกัน โดยผ่านมา 7 ปีเพิ่งประสบความสำเร็จในวันนี้ โดยทันทีที่ประกาศรบกับนายทักษิณ ทุกคนก็กลับมาญาติดีกับตนเองเหมือนเดิม ทั้งนี้วันที่นายทักษิณกลับมาประเทศไทยและยื่นถวายฎีกา ยอมรับว่ากระทำความผิดตามคำพิพากษา มองว่าไม่ใช่ผลพวงการยึดอำนาจหรือตุลาการภิวัตน์ แต่เขายอมรับว่าทุจริตจริง ไม่ว่าระบอบการเมืองใดทุจริตคือทุจริต โกงก็คือโกง  ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย

“ขณะนี้มีการตั้งคำถามว่านายทักษิณจะหนีหรือไม่ หรือมีการหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือยัง ซึ่งผมไม่อยากให้หนี อยากให้ได้ซึมซับบรรยากาศอย่างที่ผมและนายสนธิได้ซึมซับในเรือนจำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีคนไทยคนไหนได้รับโอกาสเหมือนนายทักษิณอีกแล้ว และเขาไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว และหากเขายอมรับตามที่ได้เขียนถวายฎีกา คนก็ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะหนีหรือไม่ และหัวใจหลักที่คนออกมาต่อสู้กับนายทักษิณ คือการปฏิบัติ 2 มาตรฐานและอภิสิทธิ์ชน ซึ่งนายทักษิณได้ทำครบทุกข้อ”

นายจตุพรกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเราได้เห็นความเป็นทักษิณ ผู้สนับสนุนได้หูตาสว่างมากขึ้น เพราะการกระทำทั้งหมดเป็นการทำลายตัวเองอย่างย่อยยับไม่มีใครไปทำอะไรเขา ตอนอยู่ต่างประเทศกระแสนิยมสูง เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรม แต่เมื่อกลับมาประเทศไทยตั้งแต่ 22 ส.ค.2566 จนถึงวันนี้ คนไทยได้เห็นความเป็นตัวตนของนายทักษิณครบถ้วน สิ่งที่เสียไปคือการได้รัฐบาลแบบนี้ เราได้เห็นการเปลือยตัวอย่างล่อนจ้อนของนายทักษิณ ดังนั้นจึงควรมาเริ่มต้นความถูกต้องให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่าบ้านเมืองเดินมาถึงจุดเสียหายครบทุกด้าน เลยคำว่าปฏิรูป อาจถึงขั้นการปฏิวัติและล้างบางกันใหม่

นายจตุพรกล่าวว่า หลังวันที่ 13 มิ.ย.นี้ บ้านเมืองนี้คงเจริญและรวดเร็วขึ้นทุกกระบวนการ เพราะผลนั้นจะเป็นน้ำมันหล่อลื่น เรื่องที่หนืดใน กกต. ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือ ป.ป.ช. จะมีความรวดเร็วมากขึ้น เพราะทุกกระบวนการทำหน้าที่จะเริ่มต้นในการคิดใหม่ แต่ถ้าทุกคนรอคนใหม่มาทำหน้าที่จะทำให้บ้านเมืองจะย่อยยับ มองว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยน แต่ปัญหาคือจะเปลี่ยนไปเป็นแบบเดิมได้หรือไม่ ขออย่าหนีจิ้งจกมาเจอตุ๊กแก วันนี้ถึงเวลาของประชาชนที่เห็นบ้านเมืองไม่ถูกต้อง ผิดทำนองคลองธรรม ประเทศนี้เป็นของเรา ต้องมีสิทธิ์กำหนดอนาคต ไม่ใช่ให้นายทักษิณคิดคนเดียว แต่ประชาชนสามารถคิดในแผ่นดินนี้ได้เหมือนกัน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงภาพถ่ายสวมกอดระหว่างนายสนธิและนายจตุพรว่า เป็นสิทธิส่วนตัว ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนกังวลจะมีการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลหรือไม่นั้น เรื่องนี้ยังไม่ทราบ เพิ่งจะทราบจากสื่อมวลชนเช่นกัน แต่คิดว่าไม่มีอะไร ใครอยากจะคิดหรือทำอะไรก็ขอให้ทำตามกฎหมาย และทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ซึ่งรัฐบาลยังทำหน้าที่อยู่ และยินดีรับฟัง

วันเดียวกัน ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจเรื่องเบื่อการเมือง เหมือนถูกหลอก ที่สอบถามประชาชน 1,024 ตัวอย่าง โดยเมื่อถามถึงความรู้สึกของประชาชนต่อการเมือง พบว่า ส่วนใหญ่ 81.9% รู้สึกเบื่อการเมือง, 75.4% รู้สึกว่าเหมือนถูกหลอกซ้ำซาก, 68.8% การเลือกตั้งไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร, 63.7% เกมแย่งชิงผลประโยชน์ และ 62.2% รู้สึกถูกใช้เป็นเครื่องมือของนักการเมือง.