นายกฯ พร้อมผู้นำอาเซียนลงนาม “ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045: วางอนาคตร่วมกันของเรา” หนุนการค้าภายในภูมิภาค เปิดช่อง FTA ควบคู่เสริมความเข้มแข็งผู้ประกอบการ สู้กำแพงภาษีทรัมป์ พร้อมประกาศไทยเดินหน้า DEFA ปลดล็อกการเติบโตครั้งใหม่ ขณะที่ประธานอาเซียนขอบคุณทักษิณช่วยแก้วิกฤตเมียนมา ด้านโฆษกรัฐบาลอวยผลงานติดมืออิ๊งค์ไปนอก เร่งศึกษาแนวคิดจัด F1 ชง ครม.อนุมัติหลักการเสนอตัวจัดแข่ง 4 มิ.ย.นี้
เมื่อวันจันทร์ เวลา 09.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 46 ณ ห้องประชุม Conference Hall 1 ชั้น 3 ศูนย์การประชุม Kuala Lumpur Convention Center (KLCC) โดยมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ภายใต้แนวคิดหลัก “การมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง และความยั่งยืน” (Inclusivity and Sustainability)
ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ชาติ ได้แก่ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลาม, ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย, ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิลิปปินส์, นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย, นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสิงคโปร์, นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม, นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา รวมถึงนางสาวแพทองธาร นอกจากนี้ยังมี ดร.เกา กิมฮวน เลขาธิการอาเซียน และนายกรัฐมนตรีติมอร์-เลสเต เข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์
ก่อนการประชุม ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เชิญผู้นำอาเซียนถ่ายภาพร่วมกันก่อนกล่าวเปิดการประชุม จากนั้นที่ประชุมได้หารือในประเด็นต่างๆ ได้แก่ ทิศทางการเสริมสร้างประชาคมอาเซียนให้มั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะจากความไม่แน่นอนของโลก รวมถึงแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์ของอาเซียนกับภาคีภายนอก
จากนั้น น.ส.แพทองธารได้กล่าวถ้อยแถลงถึงความสำคัญของการประชุมสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ว่า เป็นการจัดขึ้นในช่วงเวลาที่ภูมิทัศน์โลกกำลังเปลี่ยนไปสู่นโยบายที่แข็งกร้าวและมุ่งผลประโยชน์ตอบแทน ถอยห่างจากแนวทางความร่วมมือพหุภาคีไปสู่การปฏิบัติฝ่ายเดียว มาตรการด้านภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อพลวัตทางการค้าโลก และต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของอาเซียนโดยรวม พัฒนาการดังกล่าวได้ท้าทายบรรทัดฐานโลก ทำให้อาเซียนต้องประเมินยุทธศาสตร์ของอาเซียนอีกครั้ง เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นร่วมกัน ขอขอบคุณต่อความพยายามของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในการส่งเสริมจุดยืนอันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน
"ทั้งนี้เพื่อรับมือกับภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวน อาเซียนจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจร และทำงานร่วมกันมุ่งไปสู่การบูรณาการระดับภูมิภาคที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อให้อาเซียนยังคงมีบทบาทความสำคัญ ที่น่าดึงดูดและแข่งขันได้ จึงต้องมีการสนับสนุนการค้าภายในอาเซียน ใช้ประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ให้เต็มที่ พิจารณาจัดทำ FTA กับภาคีใหม่ๆ ควบคู่กับการส่งเสริมความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการ MSMEs เพื่อให้สามารถต่อสู้กับความท้าทายในอนาคตได้" น.ส.แพทองธารระบุ
นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่า ประเทศไทยสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อระบบการค้าพหุภาคีที่โปร่งใส เสรี ยุติธรรม และมีกฎเกณฑ์ที่คาดเดาได้ โดยประเทศไทยจะเร่งรัดการจัดทำ Digital Economy Framework Agreement (DEFA) ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568 เพื่อปลดล็อกการเติบโตครั้งใหม่ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในอนาคต และแสดงให้เห็นว่าอาเซียนไม่หยุดนิ่งในการแสวงหาความก้าวหน้า ควบคู่กับการตอบสนองต่อภูมิทัศน์ของการค้าและการลงทุนระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
“สำหรับประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อภูมิภาค อาเซียนต้องยืนหยัดเป็นเสียงเดียวกันในประเด็นสำคัญ และต้องยึดมั่นในค่านิยมหลักที่ปกป้องผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะแนวทางร่วมกันของอาเซียนต่อนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่สร้างสรรค์และมีเอกภาพ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมผู้นำอาเซียนยังได้ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์ 9 ฉบับ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ประธานอาเซียน ได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณ คณะที่ปรึกษาประธานอาเซียนที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งการประชุมในครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ มีส่วนอย่างสำคัญในการผลักดันการแก้ไขวิกฤตการณ์ในเมียนมาด้วย แม้จะเป็นก้าวๆ เล็กที่ยังคงมีความเปราะบาง แต่ก็เป็นความพยายามของอาเซียน ในการขับเคลื่อนการแก้วิกฤตเมียนมา
นายจิรายุระบุว่า ทั้งนี้ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งนี้ มาเลเซียยังได้ริเริ่มให้มีการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ-จีน (ASEAN-GCC-China Summit) ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งการประชุมสุดยอดสามฝ่ายในครั้งนี้ เป็นเสมือนสัญลักษณ์ความเป็นหุ้นส่วนที่หลากหลายของโลกที่มีหลากหลายขั้วอำนาจในวันนี้ และเชื่อว่าจะส่งผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างต่อไป
ในเวลา 17.15 น. น.ส.แพทองธารได้เข้าร่วมพิธีลงนาม “ปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยอาเซียน 2045: อนาคตร่วมกันของเรา” โดยกล่าวว่า การลงนามในวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. 2045 พร้อมทั้งแผนยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และกับประเทศนอกภูมิภาค ในประเด็นที่ไทยต้องการเพิ่มพูนศักยภาพ เช่น การเสริมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคง การพัฒนาแรงงาน การส่งเสริมการสาธารณสุข การเสริมสร้างความเชื่อมโยง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทย
วันเดียวกัน นายจิรายุระบุถึงการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและราชรัฐโมนาโกของ น.ส.แพทองธารว่า ในการเดินทางซึ่งเป็นคณะเล็กเพียงแค่ 4 วัน แต่ถือว่านายกฯ ทำหน้าที่ได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งการเจรจาการค้าและพบปะกับนักธุรกิจเพื่อช่วยกันสนับสนุน โดยไม่รู้สึกกังวลใจกับบุคคลที่ไม่เห็นด้วยที่พยายามใช้โซเชียลมีเดียโจมตี เพราะเรื่องที่โจมตีก็ไม่เป็นความจริง การเดินทางในครั้งนี้นายกฯ มีจุดโฟกัสอยู่ที่ผลของงานมากกว่า
นายจิรายุกล่าวว่า สำหรับเรื่องสัมฤทธิผลเรื่องที่ 1 ที่ทำให้หลายประเทศทั่วโลกจับตาคือ การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับโลกอย่าง Formula 1 (F1) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่หลายประเทศในโลกพยายามจะเป็นเจ้าภาพให้ได้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอแนวคิดจัดงานในแนวทาง “Sustainable F1” ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดึงดูดการลงทุนเทคโนโลยีสีเขียวควบคู่ไปกับกีฬามอเตอร์สปอร์ต ซึ่งผู้บริหารระดับสูง F1 มีการตอบรับที่ดีในแนวทางที่เสนอ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการเข้าสู่เวทีมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก และการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์
“ทั้งนี้หลังการเจรจามีผลสัมฤทธิ์ โดยรัฐบาลจะทำการศึกษาให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ โดยจะขออนุมัติหลักการในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ และการศึกษาการเป็นเจ้าภาพ โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 4 มิถุนายนที่จะถึงนี้ เพื่อขออนุมัติหลักการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าในปี พ.ศ. 2571 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยหวังว่าประเทศไทยจะเป็น 1 ใน 24 สนามระดับโลก ที่มีโอกาสจัดการแข่งขัน Formula 1 ในกรุงเทพฯ” นายจิรายุระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง

