ชง‘วีโต’อุ้มชั้น14 สมศักดิ์กังขามติแพทยสภา‘ทักษิณ’โผล่ซัดไร้จริยธรรม

"ทักษิณ" โผล่ปาฐกถายาเสพติด  สยบลือเผ่นออกนอกประเทศ บอกแก่อายุ 70 อยู่ดีกินดีไม่ไปไหน ยังกั๊ก 13 มิ.ย.ไปศาลฎีกาฯ ไต่สวนปมรักษาตัวชั้น 14 เองหรือไม่ ซัดเดือดแพทยสภาไม่มีจริยธรรมเสียเอง หลังมีไลน์หลุดแพทยสภาด่าตัวเองก่อนมีมติ เชื่อ “สมศักดิ์” มีข้อมูลทุกอย่าง วีโตหรือไม่ต้องคิดเยอะหน่อย เมิน "จตุพร-สนธิ"  สวมกอดผนึกกำลังต้าน บอกขนไม่ลุกอย่าไปใส่ใจ  รับเจอ "เนวิน" เป็นประจำ โชว์โอบไหล่ "อนุทิน" ลั่น "พท.-ภท." ยังกอดกันได้อยู่ "คกก." สรุปความเห็นมติแพทยสภาส่งถึงมือ "สมศักดิ์" ชี้ขาดวีโตกลับปมลงโทษ 3 แพทย์ชั้น 14 รักษาทักษิณ "นรินท์พงศ์” จวกแพทยสภาลืมนกหวีดไว้ข้างหลัง "สภานายกพิเศษ" แย้ม 28-29 พ.ค.ชี้มติลงโทษหมอ คาใจอนุฯ แพทยสภาใช้เวลาสั้นๆ เปลี่ยนแปลงโทษแพทย์

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เวลา 13.10 น. วันที่ 27 พ.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยรถยนต์โรลส์-รอยซ์ สีกรมท่า ทะเบียน ฐฐ 267 กรุงเทพมหานคร มาที่ ป.ป.ส. เพื่อขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษ “ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ในการประชุมคณะกรรมการติดตาม เร่งรัดการดำเนินงานป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ครั้งที่ 3/2568 โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข, พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ตั้งแถวรอต้อนรับ และคณะผู้บริหารสำนักงาน ป.ป.ส. ได้เชิญนายทักษิณเข้าห้องรับรอง

ทั้งนี้ ช่วงที่นายทักษิณลงจากรถ ได้โบกมือทักทายผู้สื่อข่าวพร้อมพูดว่า "ยังอยู่ดีกินดีไม่ได้ไปไหน" จากนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงความกังวลเกี่ยวกับการพิจารณาลงโทษแพทย์ตามมติแพทยสภา ของคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษของนายสมศักดิ์ โดยนายทักษิณตอบว่า "แก่แล้ว 70 กว่าแล้วนะ ใจเย็นๆ"  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรากฏตัวครั้งนี้ของนายทักษิณ ถือเป็นครั้งแรกภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพร้อมและนัดไต่สวนกรณีการพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ในวันที่ 13 มิ.ย. จนมีข่าวลือว่าอาจจะหลบหนีออกนอกประเทศ

ต่อมานายทักษิณขึ้นเวทีปาฐกถาพิเศษ "ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ มุมมองและความท้าทายต่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน" ตอนหนึ่งระบุว่า "วันนี้มีคนปล่อยข่าวว่าผมหนีไปแล้ว และผมเพิ่งกลับมาวันนี้ ซึ่งหนีไปทางช่องทางธรรมชาติ แต่เครื่องบินจอดไว้ที่นี่ ออกช่องทางธรรมชาติและบินไปที่อื่น ไปกันใหญ่ ผมไม่อยากให้ทุกท่านแต่งนิยาย" 

"อย่าง เจ.เค. โรว์ลิง ที่ไปนั่งดื่มกาแฟทั้งวันและแต่งนิยายเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ จนดัง จนรวย อันนี้เขาใช้จินตนาการแต่งนิยายให้เกิดประโยชน์ แต่ของเรานิยายน้ำเน่าชิบหาย สงสัยว่าช่องเจ็ดสีสอนไว้ดี ก็เลยทำให้แต่งนิยายจินตนาการเลอะเทอะ หลอกไปหลอกมาเชื่อตัวเองอีก บอกว่านายกฯ  อิ๊งค์ไปรอลอนดอน และผมก็จะหนีตามไป เป็นเรื่องที่ตลก วันนี้คนไทยต้องตั้งหลักให้ดี อย่าให้คนจูงได้ง่าย เฟกนิวส์มาจากสองช่องทางคือหนังสือพิมพ์ที่ไม่มีคนอ่านแล้ว และทีวีตกรุ่น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าสื่อออนไลน์ของสังคมไทยไม่มีการเซ็นเซอร์เลย" นายทักษิณระบุ

อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปศาลฎีกาฯ วันที่ 13 มิ.ย.ว่า ถามทนายอยู่ว่าเขาให้ไปหรือไม่ เพราะความจริงแล้วจะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่ต้องมีทนายไป ซึ่งยังมีเวลาตั้งหลายวัน วันที่ 12 มิ.ย.ตอนเที่ยงคืนค่อยตัดสินใจ อย่ามาตื่นเต้นแทนตนสิ

"ไม่มีเหตุผลอะไรเลย แหม่อุตส่าห์กลับมาแล้วก็มาทำงาน และมีพระบรมราชโองการ มีพระมหากรุณาธิคุณลดโทษแล้ว บอกให้ผมใช้ความรู้ความสามารถช่วยเหลือประชาชนในบ้านเมือง ผมก็ต้องรับด้วยเกล้าฯ รับใส่เกล้าฯ ไว้ เพราะเป็นเรื่องที่เป็นหน้าที่ผม" อดีตนายกฯ กล่าว

แม้วซัดแพทยสภาไร้จริยธรรม

ถามถึงกรณีแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 คน กรณีการพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ นายทักษิณกล่าวว่า "แพทยสภามีหน้าที่ดูเรื่องจริยธรรมของแพทย์ บางทีแพทยสภาก็ไม่มีจริยธรรมเสียเองก็มี บางคนไลน์กลุ่มหลุดออกมา แพทยสภาบางคนด่าผมอยู่ในไลน์กลุ่ม แล้วแพทยสภาอีกคนหนึ่งก็ตอบเป็นสติกเกอร์ไปว่า YES ซึ่งยังไม่ทันพิจารณาเลย อย่างนี้เรียกว่าจริยธรรมมีปัญหาซะเอง"

ซักว่าในแพทยสภามีไส้ศึกใช่หรือไม่ท่านถึงได้ไลน์ที่หลุดออกมา นายทักษิณกล่าวว่า ทุกฝ่ายถ้ารักษากติกา และรักษาจริยธรรมในวิชาชีพ ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่า เรื่องนี้นายสมศักดิ์ตอบได้หรือไม่ เพราะต้องตัดสินเรื่องวีโตแล้ว นายทักษิณกล่าวว่า เชื่อว่ารัฐมนตรีสมศักดิ์มีข้อมูลทุกอย่าง และต้องคิดเยอะหน่อย

ถามว่า หากผลออกมาเป็นลบจริงๆ ก็พร้อมใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า โอ้ อย่าเพิ่งสรุป ไม่มีอะไรต้องสรุปล่วงหน้า ตนเชื่อว่าผู้พิพากษาที่พิจารณาก็ยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะต้องดูพยานหลักฐาน ดูการสืบพยานโจทก์ พยานจำเลย ฉะนั้นอย่าไปสืบเอง อย่าไปทำนายอะไรล่วงหน้า อย่าไปคาดการณ์ล่วงหน้า ไม่มีอะไร

พอถามว่า แสดงว่าท่านได้สัญญาณบวกจากกระบวนการใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ไม่ต้องมีสัญญาณ ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน บ้านเรามีกฎหมายมีพยานหลักฐานอยู่ ฉะนั้นทุกอย่างไม่ต้องมีสัญญาณหรอก ทำไมชอบไปฟังสัญญาณ

นายทักษิณกล่าวถึงภาพนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. สวมกอดกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. บนเวทีในงาน “ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 2/2568” ของเครือผู้จัดการว่า ก็หลากหลายอารมณ์ อย่าไปสนใจอย่าไปใส่ใจ ตนมีลูกเมียมีหลานต้องเลี้ยงเอง ตนไม่ต้องเลี้ยงลูกเมียคนอื่น

ถามว่า แล้วจะเห็นภาพนายทักษิณกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ได้สวมกอดกันบ้างหรือไม่ นายทักษิณตอบว่า “ผมเจอกันหลายรอบ เจอกันเป็นประจำ” พอถามว่าเจอกันล่าสุดเมื่อไหร่ นายทักษิณหันหน้าไปมองนายอนุทินที่ยืนอยู่ข้างๆ  ก่อนพูดว่า เดือนกว่าเองมั้ง แต่นายอนุทินตอบนายทักษิณว่า สองเดือน ทำให้นายทักษิณหันมาพูดกับสื่อใหม่ว่า สองเดือน

เมื่อถึงการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีกลางคัน นายทักษิณกล่าวว่า ไม่มี ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ให้ประชาชนตัดสิน แต่ยังอีกนานยังไม่ใช่ตอนนี้ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยตอนนี้ยังกอดได้อยู่ พร้อมยกมือขึ้นโอบไหล่นายอนุทิน ซึ่งนายอนุทินยิ้มแล้วยกมือไหว้

ด้านนายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงการเจอกับนายทักษิณว่า ไม่ได้พูดคุยประเด็นการเมืองกันเลย ตนไปฟังท่านปาฐกถา

ถามถึงความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย แต่พอถึงเวลานายอนุทินยืนข้างนายทักษิณ ถือเป็นการสยบความขัดแย้งนั้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ถ้ามีความขัดแย้งจริง ตนจะไม่สามารถรับข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีได้ ทุกวันนี้นายกฯ ยังสั่งการแม้จะอยู่ต่างประเทศก็ตาม ด้วยความเป็นห่วงสถานการณ์ในประเทศไทย ดังนั้นการทำงานไม่สามารถที่จะพิสูจน์ด้วยภาพ แต่มันคือการทำงานด้วยกันอย่างเต็มที่ วันนี้ไม่ได้แค่ยืนติดกันแต่ ท่านยังกอดผมด้วย

ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งข้อสงสัยการที่นายทักษิณไปปาฐกถาเรื่องยาเสพติดที่ ป.ป.ส.ว่า จริงๆ แล้วบทบาทนี้ควรจะเป็นของ น.ส.แพทองธาร ซึ่งในวันนี้ปัญหายาเสพติดหนักเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเถียงได้ แต่สิ่งสำคัญคือเราเองอยากเห็นว่านโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดนี้ น.ส.แพทองธารมีความคิดอย่างไร

ส่งความเห็นสภานายกพิเศษ

วันเดียวกัน ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เวลา 14.00 น. มีการประชุมคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 นัดสุดท้าย เพื่อพิจารณามติของแพทยสภาปมลงโทษแพทย์ 3 คนจากโรงพยาบาล (รพ.) ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการดูแลอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยจะต้องให้ความเห็นต่อมติดังกล่าวภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568

ต่อมาภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายพงษ์ศักดิ์ แก้วกมล กรรมการ ในฐานะผู้แทนประธานคณะกรรมการฯ พร้อมนายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข และ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ในฐานะกรรมการ ได้ร่วมกันยื่นรายงานความเห็นของคณะกรรมการฯ ถึงนายสมศักดิ์ ผ่านนางปวีณ์ริศา สกุลเกียรติศรุต หัวหน้ากลุ่มงานสนับสนุนวิชาการ รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีเป็นผู้รับมอบ 

นายธนกฤตกล่าวว่า คณะกรรมการฯ แต่ละคนมีความเห็นเป็นอิสระ โดยพิจารณาความเห็นรายบุคคลตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย แต่คณะกรรมการฯ ทุกคนมีความเห็นว่าข้อมูลที่แพทยสภาส่งมานั้นยังไม่ครบ เพราะนอกจากกฎหมายของแพทยสภาแล้ว ยังต้องพิจารณากฎหมายของกรมราชทัณฑ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมด้วย เพราะกฎหมายแต่ละหน่วยงานมีศักดิ์ที่เทียบเท่ากันได้ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานต่างกันจึงต้องเอาทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา และข้อเท็จจริงอีกเรื่องที่ขอเอกสารเพิ่มเติมไป แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับ ซึ่งทางแพทยสภาอาจมองว่าไม่สำคัญหรือไม่ แล้วแต่ท่านพิจารณา ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องลงโทษหมอไม่ใช่เรื่องการเมือง หลายคนมองว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่ยังไกลเกินไปกับการทำหน้าที่ของตนที่พิจารณาข้อกฎหมายเป็นหลัก

"อย่างคำว่า วิกฤตหรือไม่วิกฤต ที่มีความสำคัญ เพราะถ้าไม่ตรงกับข้อเท็จจริงมันเพราะอะไร หรือคลาดเคลื่อนเพราะอะไร เชื่อว่าขั้นตอนสุดท้ายสภานายกพิเศษน่าจะเอาความเห็นไปพิจารณาประกอบด้วย แต่ท่านไม่ใช่คนตัดสินคนสุดท้าย เป็นแพทยสภาตัดสินคนสุดท้าย” นายธนกฤตกล่าว

ส่วนนายนรินท์พงศ์กล่าวว่า ความเห็นกรรมการแต่ละคนนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ จนกว่า รมว.สธ.จะอ่าน ซึ่งมีความหลากหลายมุม ทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ซึ่งประกอบแล้ว 9 คนนั้นน่าจะเกิดความเป็นธรรมพอสมควร ทั้งนี้ อาจมีการโยงว่ากรรมการอยู่ทางการเมืองบ้าง อยู่กับเสื้อแดงบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะเราตัดสินด้วยหลักนิติรัฐนิติธรรม คือความถูกต้อง เนื่องจากมีเอกสารเข้ามาจากทั้งแพทย์และแพทยสภา เหมือนตาชั่ง ที่มีข้อมูลทั้งซ้ายและขวา ฉะนั้นเราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้เลย นอกจากดุลยพินิจเพื่อรายงานว่าความเห็นของพวกเราเป็นอย่างไร

"การที่เราพิจารณาส่งถึง รมว.สมศักดิ์นั้น กระบวนการต่อไปก็ส่งกลับไปที่แพทยสภาที่ต้องมีการพิจารณาต่อและลงมติ 2 ใน 3 ถ้าเห็นว่าแพทย์ทำผิด ก็ยืนยันตามเดิม ดังนั้นถือว่าเป็นความยุติธรรม ไม่ได้เกิดการเอื้อประโยชน์ต่อใคร แต่สังคมไม่มองจุดนี้ ดังนั้นไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร แพทยสภาก็ต้องนำเรื่องนี้ไปประกอบ เพราะมีความเชื่อมโยงกับการส่งตัวของนายทักษิณเข้าเรือนจำในวันแรก และเชื่อมต่อกลางคืนที่มีปัญหา และเชื่อมต่อวันที่ออกมา" นายนรินท์พงศ์กล่าว

ถามว่า กรณีที่แพทย์ที่ถูกลงโทษไม่ได้ส่งเอกสารบางอย่างถึงแพทยสภา พอถูกตัดสินโทษแล้วค่อยนำส่งเอกสารนั้นมาให้สภานายกพิเศษ  แบบนี้ทำได้หรือไม่ นายนรินท์พงศ์กล่าวว่า วันนี้จะบอกให้ฟังว่าวันนี้แพทย์ที่ถูกร้องเรียนทั้ง 4 คน จะใช้คำสั่งนี้ไปต่อสู้ที่ศาลปกครอง เขาจะเอาเรื่องราวที่มาทำที่นี่ไปอุทธรณ์ไว้ การที่เป็นหมอใหญ่แล้วโดนสั่งลงโทษพักใช้ใบอนุญาต 6 เดือน เสียชื่อที่ทำมาทั้งชีวิต ดังนั้นถ้าหมอในแพทยสภาก็ไปสู้กันที่ศาลปกครอง

เมื่อถามว่า แพทย์ทั้ง 3 คนนี้ได้มีการมาปรึกษาหารือเกี่ยวกับการฟ้องศาลปกครองหรือไม่  นายนรินท์พงศ์กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่ได้ถูกล็อบบี้จากใครเลย แต่เชื่อมั่นว่าถ้าพี่น้องไปป่วยอยู่ในคุก แล้วคนบอกว่าเอาออกไปทำไม เขายังไม่ตายเลย แต่สุดท้ายเขากลับตาย ดังนั้นแพทย์ต้องคำนึงถึงความเจ็บป่วย ไม่ใช่ว่าหัวใจเต้นแล้วไม่เอาเข้าไป แล้วพอตายก็ไปฟ้องหมอ แล้วหมอบอกว่าเขายังไม่วิกฤต แต่พอคนตายแล้วใครรับผิดชอบ

"วันนี้ที่ต้องโดนด่าคือจริยธรรมของแพทยสภาไม่มี เพราะลืมนกหวีดไว้ข้างหลังตอนแถลงข่าว"

สมศักดิ์คาใจเปลี่ยนโทษแพทย์

 เวลา 16.00 น. นายสมศักดิ์ ในฐานะสภานายกพิเศษ กล่าวว่า การพิจารณามติแพทยสภาต้องตัดสินใจเรื่องนี้ และส่งความเห็นกลับไปยังแพทยสภาให้ทันภายในระยะเวลา 15 วัน เพราะถ้าไม่มีอะไรส่งกลับคืนไปก็ถือว่าไม่ได้สงสัยอะไร คิดว่าวันที่ 28-29 พ.ค.2568 ต้องจบแล้ว และจะดูความเห็นของคณะกรรมการฯ ที่เสนอมาประกอบและฟังเขาด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักกฎหมายและแพทย์ ให้ข้อความรู้ในส่วนของแพทย์

 “ถ้าวีโตก็ต้องส่งกลับไปยังแพทยสภาให้ทันใน 15 วัน แต่ถ้าไม่วีโตก็ไม่ต้องส่งความเห็นกลับไป” นายสมศักดิ์กล่าว 

ถามว่า มีแนวความเห็นส่วนหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่มี ก็ต้องดูจากนักกฎหมาย ซึ่งข้อมูลแต่ละท่านไม่ได้ยาว แต่เราไม่ได้ข้อมูลทั้งหมด มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ต่อเนื่อง แล้วจะให้คิดต่อเนื่องอย่างไรก็ต้องจินตนาการ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริยธรรมของแพทยสภา ดูแค่เนื้อในไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของผู้ต้องขัง ไม่เกี่ยวกัน ซึ่งดูเนื้อในแล้วเป็นเรื่องของแพทย์คนหนึ่ง  

ย้ำว่าถึงวันนี้ได้คำตอบในการแสดงความคิดเห็นหรือยัง นายสมศักดิ์กล่าวว่า มีข้อมูลและต้องส่งความเห็นให้ทันก่อนครบกำหนดให้ได้ ส่วนเอกสารข้อมูลที่ขอเพิ่มเติมไปเมื่อไม่ได้มาก็ไม่เป็นไร ก็ต้องทำให้หมดหน้าที่ของเรา ให้ดูดีที่สุด

ซักว่าส่วนใหญ่คาดว่าสภานายกพิเศษจะวีโตแน่นอน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร เหรียญมี 2 ด้าน มีแค่วีโตกับไม่วีโตแค่นั้น ไม่มีออกกลาง และไม่มีอะไรหนักใจ งานที่ทำมา 40 ปี ทั้งงานการเมือง กฎหมาย และอื่นๆ ไม่ทำให้รู้สึกหนักใจไปตามปกติ ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

ถามต่อว่า เท่าที่มีข้อมูลตอนนี้มองว่ามีส่วนไหนที่ไม่ชัดเจน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่มี ข้อมูลก็ชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อถามว่ามีข้อมูลครบถ้วนที่จะใช้พิจารณาแล้ว นายสมศักดิ์กล่าวว่า สิ่งที่เราอยากได้ก็ยังไม่มา แต่แพทยสภาไม่ได้ให้แล้ว ก็ไม่เป็นไร ให้เท่าไหร่ก็เท่านั้น

รมว.สาธารณสุขกล่าวว่า กระบวนการพิจารณาของแพทยสภานั้น มีคณะกรรมการ 4 ชุด ชุดแรกเป็นชุดรับเรื่องร้องเรียน ชุดที่ 2 อนุกรรมการสอบสวน ให้ความเห็นในระดับหนึ่ง ทำงานอยู่ประมาณ 4 เดือน แล้วส่งไปชุดที่ 3 อนุกรรมการกลั่นกรอง ทำงานระยะสั้นๆ และมีการเปลี่ยนแปลงโทษ แล้วเอาเข้าการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา จากวันที่ 1 เป็นในวันที่ 8 พ.ค.2568

 “ระยะเวลาสั้นๆ โทษถูกเปลี่ยนแปลงไปจากการพิจารณาอย่างไรผมไม่ทราบ แต่โทษมีเปลี่ยนแปลงไปจากอนุกรรมการสอบสวนไปถึงอนุกรรมการกลั่นกรองไปถึงคณะกรรมการแพทยสภา จึงอยากรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเพราะอะไร อย่างไร แต่ไม่ได้ข้อมูลก็ไม่เป็นไร แต่ที่ขอไปเพราะกลัวว่าไม่ชัดเจน ถ้าได้ก็จะชัดเจนจะสมบูรณ์ ก็ไปคิดว่าเมื่อไม่สมบูรณ์แต่ต้องทำงานต่อ ก็ไปคิดดูเมื่อไม่สมบูรณ์เป็นประโยชน์ของใคร หรือใครอยากจะรู้อะไร จะเพิ่มเติมอะไร หรือไม่อยากให้รู้อะไรก็คิดดูเอาเอง” รมว.สาธารณสุขกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม

'อิ๊งค์' โพสต์ภาพคู่ 'ทักษิณ' สุขสันต์วันพ่อ อดทนไว้ เราจะได้ไปเที่ยวรอบโลกด้วยกัน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ภาพถ่ายร่วมกับนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมระบุข้อความผ่านอินสตาแกรมว่า