“สมศักดิ์” แจงยิบปม "วีโต" มติแพทยสภา ชนแหลกบอกเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในการลงโทษ ไร้เมตตาโหดร้ายถึงขั้นทำครอบครัวตกงาน โฆษก สธ.ป้อง รมต.ขู่เช็กบิลจริยธรรมหมอปมแชตหลุด “หมอเมธี” เชื่อประชุม 12 มิ.ย.สมาชิกแพทยสภาเข้าพร้อมเพรียง “นพ.ประยงค์” ปลุกล่าชื่อขับ รมต.เรียงหิน “ทักษิณ” ชี้เป็นอำนาจ รมว.สธ.วีโต ย้ำแชตหลุดจากบิ๊กหมอ
เมื่อวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ถึงการใช้สิทธิ์วีโตยับยั้งมติแพทยสภากรณีลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยระบุว่า มีรายละเอียดจำนวนมาก จะทำเล่นๆ ไม่ได้ เพราะกังวลเรื่องการถูกฟ้องร้อง ซึ่งรายละเอียดในหนังสือมีการเผยแพร่ผ่านสื่ออยู่แล้ว แต่จะชี้แจงถึงเหตุผลและความเห็นให้รับทราบเพิ่มเติม
ขณะที่ น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมือง กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์นายสมศักดิ์ว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือน่าตื่นเต้นอะไร เพราะปกติคนเหล่านี้หลายคนโกรธเกลียดและอาฆาตแค้นนายทักษิณ ไม่พอใจพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง มาตลอดเกือบ 20 ปี โดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองไปไกลถึงไหนแล้ว ขาประจำก็จะยังติดหล่มอยู่กับการจะเล่นงานนายทักษิณไม่จบไม่สิ้น แต่ที่น่าเสียใจอย่างยิ่งก็คือ อารมณ์ความรู้สึกแห่งมิจฉาทิฐิเช่นนี้ปรากฏในหมู่สมาชิกแพทยสภาจากแชตหลุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ ควรต้องมีการตรวจสอบ สอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการทางจริยธรรมวิชาชีพแพทย์ต่อไป
ต่อมา นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นหนังสือวีโตมติแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ให้ลงโทษ พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ รพ.ราชทัณฑ์ ด้วยการตักเตือน และลงโทษพักใช้ใบอนุญาต พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ อดีตนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ว่าในส่วนของ พญ.รวมทิพย์ ไม่ได้มีการพิจารณากฎหมายการส่งตัวของราชทัณฑ์ประกอบด้วย จึงเห็นว่าเมื่อไม่นำเรื่องนี้มาพิจารณาอย่างครบถ้วน จึงเห็นสมควรว่าต้องยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้อง ส่วนผู้ถูกร้องที่ 3 ที่บอกว่ามีการให้สัมภาษณ์ 2 ครั้ง แต่ไม่มีการพูดคำว่า ผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤตนั้น เป็นการสัมภาษณ์แบบไม่ทันตั้งตัว และตนเองไม่ได้รับข้อมูลจากอนุกรรมการกลั่นกรองจริยธรรมของแพทยสภา จึงพิจารณาตามที่มี ดังนั้นเห็นว่าควรยกประโยชน์ผู้ถูกร้อง ขณะที่ผู้ถูกร้องที่ 4 ที่เขียนความเห็นแพทย์นั้น เขียนเพียงว่าการรักษายังไม่เสร็จสิ้น ให้รักษาตัวต่อที่ รพ. แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นรพ.อะไร ซึ่งในส่วนนี้เป็นดุลพินิจของแต่ละคน ซึ่งผู้ป่วยมีโรคประจำตัว 14 โรค รู้ถึงความซับซ้อนการรักษา อาจแตกต่างจากราชวิทยาลัยที่รับรู้เพียงบางโรค ประกอบกับคณะอนุกรรมการสอบฯ สอบสวนแล้วเห็นว่าไม่มีความผิด จึงเห็นตามตามความเห็นของอนุกรรมการสอบฯ ว่าไม่มีความผิด จึงเห็นเป็นอย่างอื่นไม่ได้
สมศักดิ์ซัดสร้างมาตรฐานใหม่
“ข้อมูลอันเดียวกัน แต่มาตรฐานชี้หรือลงโทษ หากเราปล่อยไปโดยสร้างมาตรฐานใหม่ ผมเห็นว่าแนวทางของการลงโทษแพทย์ทั้งหลายก็ต้องเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติใหม่ จะเดือดร้อนกันไปหมด ผมไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่นได้ เว้นแต่แนวทางเหล่านี้ถูกปรับเปลี่ยนกลับมาเหมือนเดิม ผมไม่อยากให้มีมาตรฐานใหม่ ไม่อยากให้มองว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นธรรมชาติ เพราะมติแพทยสภาที่ผ่านมาก็ไม่มีการยับยั้ง อาจเพราะไม่มีใครมาร้องเรียนหรือติดใจ แต่ครั้งนี้มีจึงต้องพิจารณาด้วยความเป็นธรรม
นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า หากมติแพทยสภา วันที่ 12 มิ.ย. ลงโทษแพทย์ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของตนเอง เพราะมีนักกฎหมายหลายคนช่วยกันดูแล้วมีข้อมูลแบบก้ำกึ่งๆ และอนุกรรมการเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ลงโทษไปแล้ว ยังจับเขามาลงโทษจะโหดร้ายไปหรือเปล่า ถ้าเป็นตนเองทำไม่ได้หรอก ก็จะยกผลประโยชน์ให้
เมื่อถามว่า มีการเตรียมรับแรงกระแทกหรือไม่ หลายคนมองว่าการวีโตเป็นการเปิดศึกกับแพทยสภา นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่จริง แพทย์ถ้ายังอยู่ในวิชาชีพจะรู้ว่าออกมาปกป้อง เรื่องอัตราโทษที่เกิดขึ้นไม่ใช่การเพิ่มโทษ อย่างในอดีตที่มีการกระทำผิดในลักษณะนี้ก็มีการยกโทษให้ แต่วันนี้กลับมาโดนพักใบอนุญาต หากทำให้เขาตกงาน ครอบครัวพี่น้องเขาจะเป็นอย่างไร ยืนยันว่าทำถูกต้อง เชื่อว่าไม่มีผลอะไรตามมา อย่าไปคิดมาก
“ไม่มีใบสั่ง การวีโตถ้าไม่มีข้อมูลทำไม่ได้ และไม่มีข้อมูลใหม่ จะสั่งผมได้อย่างไร ทั้งนี้ ไม่ได้คุยอะไรกับนายทักษิณในเรื่องนี้ มีแค่ไลน์หลุด ไม่มีการเอื้อนายทักษิณที่จะขึ้นศาลในวันที่ 13 มิ.ย.นี้”
ผู้สื่อข่าวถามถึง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง จะเข้าร่วมประชุมวันที่ 12 มิ.ย.หรือไม่ นพ.โอภาสยิ้ม แล้วไม่ได้ตอบคำถามอะไร
ด้าน รศ.(พิเศษ) นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ กรรมการแพทยสภา กล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ส่งหนังสือไม่เห็นด้วยกับมติแพทยสภาว่า ได้รับหนังสือตอบกลับจากสภานายกพิเศษแล้ว ซึ่งจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมตามรอบปกติ โดยหากยืนยันตามมติเดิมที่ออกไปเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2568 ต้องลงคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการทั้งหมด ซึ่งเดิมมีทั้งหมด 70 คน แต่กรณีนี้จะมี 1 คน ที่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย คือ นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหา ท่านหรือผู้แทนก็ต้องงดออกเสียง ดังนั้น ในการประชุมวันที่ 12 มิ.ย.เสียงสูงสุดจะอยู่ที่ 69 เสียง โดยล่าสุดคณะกรรมการหรือผู้แทนทุกท่านได้ตอบกลับหนังสือเชิญประชุมว่าจะเข้าร่วมประชุม ฉะนั้นจะเป็นเสียง 2 ใน 3 จากคณะกรรมการ 69 คน
ปลุกหมอสู้การเมือง
ถามอีกว่า การลงคะแนนเสียงจะเป็นการให้ความเห็นต่อผู้ถูกกล่าวโทษรายบุคคลหรือไม่ รศ.(พิเศษ) นพ.เมธีกล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะการโหวตเสียง 2 ใน 3 เป็นการโหวตยืนตามมติเดิมที่แพทยสภาได้มีความเห็นไปเมื่อวันที่ 8 พ.ค. เป็นการโหวตมัดเดียว ถ้ายืนมติเสียง 2 ใน 3 ได้ ผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้ที่เดือดร้อนก็ต้องไปร้องต่อศาลปกครองต่อไป
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีกระบวนการดิสเครดิตแพทยสภาด้วยการปล่อยภาพแชตกลุ่มไลน์ เรื่องนี้มีความกังวลหรือไม่ รศ.(พิเศษ) นพ.เมธีกล่าวว่า ตามที่อุปนายกแพทยสภาได้ยืนยันว่า คณะกรรมการแพทยสภาพิจารณาตามเอกสาร ตามหลักฐาน ส่วนเรื่องอื่นนั้นคิดว่าผู้ใหญ่คงไม่ได้ไปวุ่นวายอะไร ดูตามเนื้อผ้า ทำตามหน้าที่
ส่วน ดร.นพ.ประยงค์ เต็มชวาลา อดีตนายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2516 ออกแถลงการณ์ถึงประชาคมแพทย์ทั่วราชอาณาจักร ระบุว่า ขอขอบคุณนายสมศักดิ์เป็นอย่างยิ่ง ที่สร้างปรากฏการณ์แห่งความสามัคคีในหมู่มวลแพทย์ทั้งประเทศให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีกันอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก และด้วยสถานการณ์เวลานี้ฝ่ายการเมืองได้วีโตมติของแพทยสภา จึงขอเสนอว่าแพทย์เราต้องเตรียมหามาตรการที่จะเป็นแนวทางต่อสู้ที่เปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน ดังนี้ 1.แพทย์ที่เป็นกรรมการแพทยสภาต้องเข้าร่วมประชุมกรรมการแพทยสภา เพื่อให้ครบองค์ประชุม และมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ขององค์ประชุม คือไม่น้อยกว่า 47 คน เพื่อมีมติยืนยันมติแพทยสภาอีกรอบ 2.ขอความร่วมมือ และรวบรวมรายชื่อแพทย์ และพี่น้องประชาชน เพื่อถอดถอนนายสมศักดิ์และพลพรรคที่วีโตมติของแพทยสภา 3.รวมพลังร่วมกับพี่น้องประชาชนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง และโค่นล้มรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง และ 4.ศึกษา วิเคราะห์ และถอดบทเรียนการเมืองการปกครองที่เป็นผลมาจากระบบการเลือกตั้ง
นพ.อำพล จินดาวัฒนะ อดีตกรรมการแพทยสภา 7 สมัย และอดีต สว.โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การที่กฎหมายบัญญัติให้ รมว.สธ.สามารถวีโตมติแพทยสภาได้ ก็เพื่อให้เป็นการถ่วงดุลการใช้อำนาจของสภาวิชาชีพ ว่าได้คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ป่วยและสังคมเพียงพอแล้วหรือไม่ หรือช่วยคนในวิชาชีพเดียวกันมากไปหรือไม่ และให้ความเป็นธรรมต่อแพทย์ด้วย ว่าโทษเหล่านั้นหนักหรือเบาเกินไปหรือไม่ แต่ไม่ได้มีเจตนาให้มีการพิจารณาคดีจริยธรรมในลักษณะที่อาจถูกมองได้ว่าพยายามรื้อหรือยื้อการพิจารณาของสภาวิชาชีพ
“จากนี้ไปหน้าที่และอำนาจพิจารณาจึงกลับไปอยู่ที่คณะกรรมการแพทยสภาอีกครั้งหนึ่ง ถึงตรงนี้ก็ต้องรอดูว่าคณะกรรมการแพทยสภาจะมีความกล้าหาญและยึดมั่นในหลักการเพื่อรักษามาตรฐานจริยธรรมทางวิชาชีพและรักษาระบบการพิจารณาด้านจริยธรรมตามกฎหมายและข้อบังคับเพียงใดหรือไม่ หรือจะทำตัวเป็นไผ่ลู่ลม” นพ.อำพลโพสต์
กลุ่มแพทย์ศิริราช รุ่น 93 ออกแถลงการณ์สนับสนุนมติแพทยสภา พร้อมลงนาม 77 รายชื่อ กรณีมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน ที่เกี่ยวข้องกับการรักษานายทักษิณ โดยแสดงจุดยืนในการสนับสนุนมติของแพทยสภา ซึ่งได้พิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ตามกระบวนการที่เป็นธรรม โปร่งใส และยึดมั่นในหลักวิชาชีพเวชกรรม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี สว.มีการตั้งกรรมาธิการร่วม 2 คณะ เพื่อตรวจสอบกรณีแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ที่เกี่ยวกับการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลของนายทักษิณ ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าสีน้ำเงินเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย ว่า ไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ไม่กล้าเดินเข้าไปตึก สว.แล้ว ก่อนหน้านี้ยังไปขอข้าวเขากิน
เมื่อถามถึงกรณี สธ.มีความวุ่นวาย หลังนายสมศักดิ์วีโตมติแพทยสภา นายอนุทินกล่าวว่า วุ่นวายอย่างไร ไม่วุ่นวาย ถามอีกว่า ในฐานะอดีต รมว.สธ.คิดว่านายสมศักดิ์เอาอยู่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า นายสมศักดิ์เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่ยังไม่จบชั้นมัธยมศึกษาเลย
แม้วย้ำเรื่องแชตหลุด
วันเดียวกัน นายทักษิณกล่าวถึงการวีโตของนายสมศักดิ์ ว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีสาธารณสุข ส่วนจะเป็นผลดีหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แล้วแต่คนจะมอง
เมื่อถามว่า มีคนสงสัยไลน์แชตกลุ่มแพทยสภาที่หลุดได้มาอย่างไร นายทักษิณร้องโอ้ ก่อนกล่าวว่า ต้องไปถามคนในกลุ่ม ไม่อย่างนั้นมันไม่หลุดหรอก
เมื่อถามว่า มีคนตั้งข้อสังเกตไม่ใช่ของกรรมการแพทยสภา นายทักษิณกล่าวว่า ต้องให้บอกชื่อไหม ต้องให้บอกชื่อด้วยไหม ก็เข้าใจว่าคงส่งไปให้ทุกคนทราบหมดแล้ว ถามอีกว่า การตอบกลับในแชตด้วยสติกเกอร์ YES มีตำแหน่งในแพทยสภาสูงใช่หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า สูงมาก
เมื่อถามว่า ถ้ามีการวีโตแบบนี้ แต่แพทยสภายืนยันมติตามเดิมแล้วจะเป็นอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ก็ว่ากันไปตามกติกา ทุกอย่างมีกติกา
“หลักการคือถ้าทุกคนเคารพกติกา ไม่มีอคติต่อกัน มีจรรยาบรรณในวิชาชีพของตัวเอง ก็ไม่มีปัญหา แต่บางทีบางครั้งก็เลือกข้าง วันนี้ประเทศไทยเราต้องหยุดเลือกข้างได้แล้ว ต้องมาเลือกข้างประชาชน เลือกข้างประเทศไทยดีกว่า มันจะทำให้บ้านเมืองสงบเสียที และสื่อทั้งหลายก็เช่นกัน อย่าไปเอาความขัดแย้งมาใช้เยอะ ทุกอย่างมันจะได้เบาบางลง วันนี้บางทีพอเราเสนอความขัดแย้งมากๆ คนที่ไม่มีอาชีพก็พลอยมีไปด้วย”
เมื่อถามว่า วันที่ 13 มิ.ย.จะเดินทางไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเองหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ยังไม่ทราบต้องปรึกษาฝ่ายกฎหมายให้ชัดเจนก่อน เมื่อถามว่าหากผลเป็น Worst caste (เลวร้ายที่สุด) จะพร้อมรับมือใช่หรือไม่ นายทักษิณระบุว่า ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร worst เพราะ the worst มันผ่านไปแล้ว
เมื่อถามว่า ส่วนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า หากผลวันที่ 13 มิ.ย. ออกมาเป็นลบ นายทักษิณต้องหนีออกนอกประเทศแน่ นายทักษิณกล่าวว่า ต้องถามหนูรีเขาว่าเอาข่าวมาจากไหน เมื่อถามต่อว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุว่าเคยไปเยี่ยมนายทักษิณมา 2 ครั้ง และบอกว่านายทักษิณสบายดี นายทักษิณถามกลับว่า “แล้วหนูรีสบายดีหรือเปล่า ผมก็เป็นห่วงอยู่”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปยื่นหลักฐานเพิ่มเติม ว่าในใบเสร็จของ รพ.ตำรวจ ไม่มีค่ารักษาพยาบาล มีแต่ค่าห้อง นายทักษิณตอบว่า เขาไม่ใช่ผู้เสียหาย และผู้เกี่ยวข้องในคดี ศาลรับฟังไม่ได้ อันนี้ตามกฎหมาย แต่เขาน่าจะรู้ เพราะเรียนกฎหมายตั้งเยอะ สงสัยลืมหมดแล้ว
วันเดียวกัน นายศรชัย ชูวิเชียร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ ป.ป.ช. ในฐานะโจทก์ ส่งเอกสารหลักฐานให้ศาลภายใน 30 วัน กรณีการรักษาตัวของนายทักษิณ ว่าเบื้องต้นสำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูลส่งให้ศาลตามคำสั่ง ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร ส่วนส่งหลักฐานไปให้กับศาลฎีกาฯ แล้วหรือไม่ ไม่แน่ใจ ต้องขอไปตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.แจ้งว่า ป.ป.ช.ยังไม่ได้ส่งเอกสารหลักฐานให้ศาลฎีกาฯ เนื่องจากยังต้องรอการพิจารณาจาก ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ที่ต้องเคาะว่า จะส่งเอกสารหลักฐานอะไรบ้างให้ โดยการพิจารณานั้นคาดว่าจะมีการบรรจุเข้าวาระที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ ซึ่งภายหลังการพิจารณาแล้วก็สามารถส่งเอกสารหลักฐานให้ศาลฎีกาฯ ภายในสัปดาห์หน้า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


