อภิปรายงบ 69 วันที่สาม "ฝ่ายค้าน" ตามบี้รายกระทรวง “ลิซ่า” อัดงบ มท.จัดสรรแบบเดิม ไร้ยกระดับคุณภาพชีวิต ปชช. ทุกภาคจบแค่สร้างถนน ทำสะพาน ติดไฟส่องสว่าง เขื่อนป้องกันตลิ่ง เหลือเป็นพ็อกเกตมันนี่ปีละ 700 กว่าล้าน ติดกระเป๋าผู้ว่าฯ เอาไว้จัดสรรกรณีจำเป็น "ไอติม" จี้รีเซต 6 ด้านพัฒนางบการศึกษา “หมอวาโย” ถาม "สมศักดิ์" ทำไมต้องสร้างศูนย์อาคารแพทย์แผนไทยที่สุโขทัย "อภิสิทธิ์" ซัดซอฟต์พาวเวอร์คิดโคตรใหญ่ ทำโคตรมั่ว "ณัฐพล" เสริมบอกไร้ประสิทธิผล แค่เพียงรัฐบาลได้หน้า ออร์แกไนซ์ได้งาน ทุนเทาได้รายได้ "สรวงศ์" แจงท่องเที่ยวใช้งบพีอาร์เยอะ เหตุต้องสร้างภาพลักษณ์จากที่ฝ่ายค้านดิสเครดิต ปท.
ที่รัฐสภา วันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.25 น. การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วันที่สาม มีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธาน
น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ลุกขึ้นอภิปรายงบประมาณกระทรวงมหาดไทย ในส่วนของงบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด 2.65 หมื่นล้านบาท ตอนหนึ่งระบุว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาความเหลื่อมล้ำ แสดงให้ถึงความล้มเหลวของการกระจายอำนาจและการพัฒนาท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมักทุ่มงบส่วนนี้ให้กับหัวเมืองใหญ่ก่อน เป็นการเพิ่มช่องว่างระหว่างชนชั้น ปล่อยให้งบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดถูกจัดสรรแบบเดิม ไร้ประสิทธิภาพในการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน สุดท้ายโครงการจะจบที่การสร้างถนน ทำสะพาน ติดไฟส่องสว่าง เขื่อนป้องกันตลิ่ง รวมถึงเอาไว้เป็นพ็อกเกตมันนี่ปีละ 700 กว่าล้านบาท ติดกระกระเป๋าผู้ว่าราชการจังหวัดเอาไว้จัดสรรกรณีจำเป็น
"สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการใช้งบแบบนี้ เพราะผู้มีอำนาจใช้งบคือผู้ว่าฯ ที่แต่งตั้งโดยมหาดไทย ไม่ได้ยึดโยงประชาชน ไม่เข้าใจพื้นที่ มาไม่นานก็ไป การออกแบบงบประมาณแต่ละจังหวัดก็เป็นวิธีการที่ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำประชาชน ใช้เกณฑ์จังหวัดใหญ่และรวย จึงจะได้งบประมาณเยอะกว่า ซึ่งพื้นที่ชายแดนใต้เป็นพื้นที่เหลื่อมล้ำลำดับต้นๆ เห็นได้จากงบกลุ่มจังหวัด 1,205 ล้านบาท ถูกใช้สำหรับการก่อสร้าง และฝึกอบรม แต่ไม่ได้มีโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตและการศึกษาแม้แต่นิดเดียว ท่านไม่เจียดมาเลยถือว่าใจดำ" น.ส.ภคมนกล่าว
เวลา 10.00 น. นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายงบประมาณด้านการศึกษา โดยเน้นย้ำทรวงศึกษาธิการได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นมากที่สุด แต่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเกิดความคุ้มค่า จึงต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาพใหญ่ ต้องรีเซตอย่างน้อย 6 ด้าน
นายพริษฐ์กล่าวว่า 1.หลักสูตรต้องไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ 2.ภาระงานครู ต้องลดภาระงานที่ไม่จำเป็นออก 3.ต้องลดความเหลื่อมล้ำ โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน หรือ ODOS ของรัฐบาลเป็นโครงการที่ช่วยเหลือนักเรียนกว่า 5,700 คน แต่ถ้าคิดเป็นจำนวนนักเรียนที่ได้ทุนก็เหมือนกับการถูกหวยเลขท้าย 2 ตัว รัฐบาลยังไม่แก้ปัญหาเชิงรุกมากเพียงพอ ไม่เช่นนั้นโครงการ ODOS จะกลายเป็นเพียงกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR เป็นประโยชน์ ประชาสัมพันธ์แล้วดูดี แต่ไม่ได้แก้ไขตัวกิจการหลักของกระทรวงศึกษาธิการ
ด้าน 4.การลงทุนในเทคโนโลยี ต้องไม่เน้นแค่การสร้างของเล่นใหม่ เช่น โครงการแพลตฟอร์ม Anywhere Anytime เทียบเท่ากับการสร้างอาคาร สตง. 6-7 อาคาร ซึ่งหากเรามีความกังวลเช่นไร กับการก่อสร้างอาคารที่อาจจะร้าง 5.การรีเซตใบปริญญาให้เชื่อมกับอนาคต และไม่เป็นแค่ใบการันตี 6.รีเซตบทบาทรัฐเกี่ยวกับการยกระดับแรงงาน
"การศึกษานั้นไม่ได้มีแค่ความสำคัญกับอนาคตของประเทศ เพื่ออนาคตของลูกหลานเรา แต่การศึกษานั้นเป็นบริการแรกที่เราได้รับจากรัฐเกิดขึ้นในประเทศนี้ ดังนั้นหากเราต้องการให้ประชาชนในประเทศนี้มีสัมผัสแรกกับรัฐที่ดี เห็นว่าวาระการปฏิรูปการศึกษานั้นเป็นวาระที่เร่งด่วนและรอไม่ได้" นายพริษฐ์กล่าว
จี้ สธ.แจงตึกแผนไทยที่สุโขทัย
จากนั้นเวลา 13.40 น. นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายว่า งบกระทรวงสาธารณสุขที่เพิ่มมา 3.3% และหักส่วนของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เข้าไปด้วยเพิ่มมาเกือบ 20 เท่า ซึ่งมากไปหรือไม่ อย่างกรมการแพทย์แผนไทยได้งบเพิ่มขึ้น 30% เพื่อมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าตลาดสมุนไพร ทำให้ตลาดโตขึ้น
"ผมเองไม่อยากไปตั้งคำถามว่าท่านรัฐมนตรีมีญาติที่นามสกุลเดียวกันเป็นเจ้าของร้านสมุนไพรหรือไม่ แต่การกระทำเหล่านี้ เขาก็ได้ประโยชน์อยู่ดี ซึ่งก็ต้องอธิบายให้ได้ ไม่ใช่มากล่าวหาแบบนี้ ส่วนงบประมาณในการเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไทย มีการนำงบประมาณดังกล่าวไปจัดอีเวนต์ นึกว่าจะนำไปทำซีรีส์หรือละครให้ดูจับต้องได้ ศูนย์อาคารสาธารณสุขเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์แผนไทยและการทางเลือก ตั้งงบประมาณปี 2569 ให้แล้วเสร็จภายในปี 2570 ซึ่งมีการสร้างที่จังหวัดสุโขทัย โดยเป็นจังหวัดบ้านเกิดของท่านรัฐมนตรี จึงอยากให้มีการตอบและชี้แจงในเรื่องนี้" นพ.วาโยกล่าว
ต่อมาเวลา 14.19 น. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ชี้แจงข้อซักถามของนายพริษฐ์ และนายปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. ถึงงบประมาณกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่าประเด็นแรกการหักเงิน 3,000 บาท ซึ่งตอนนี้ได้มีการชะลอออกไปแล้วตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นต้นไป ช่วงนี้จึงอยากให้ผู้กู้ยืมเข้ามาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ ซึ่งมีผู้เข้าข่ายต้องปรับโครงสร้างราว 500,000 คน และรัฐบาลได้ดำเนินการปรับโครงสร้างไปแล้ว 240,000 คน และปิดบัญชีแล้วประมาณ 3,300 คน ส่วนที่บอกว่า กยศ.ถังแตก ตนต้องบอกว่ายัง ตนเคยยืนยันไปแล้วว่าคนที่เคยได้รับสิทธิ์อยู่ จะได้รับสิทธิ์ต่อเนื่อง
"เมื่อก่อนมีปัญหา แต่พอมีรัฐบาลนายเศรษฐา เราก็มีการคำนวณใหม่ว่าจะเอาแบบไหน สุดท้ายเลยให้คำนวณย้อนหลังไปถึงวันที่กู้ยืม ถือเป็นงานใหญ่สำหรับ กยศ. แต่ ณ วันนี้ยืนยันว่าการคำนวณจะแล้วเสร็จช่วงเดือน ก.ค. เพื่อเดินหน้าเป็นแหล่งเงินช่วยเหลือประชาชนเรื่องการศึกษาต่อไป" นายจุลพันธ์กล่าว
รมช.การคลังกล่าวว่า ไม่เคยพูดว่า กยศ.ไม่เคยมีปัญหาในเรื่องสภาพคล่องใดๆ เพราะเราท่านรู้กันดีว่าหลังจากมีการปรับแก้กฎหมาย มีผลเรื่องสภาพคล่องของทุนจริงๆ เพราะการปรับแก้กฎหมายมา สุดท้ายสถานการณ์ตอนนี้ ตัวเลือกสุดท้ายที่ผู้กู้ยืมจะจ่ายหนี้คือ กยศ. เราจะไม่ให้ตัวเลือกที่ง่าย คือการเติมเงินเข้าไปใน กยศ. และแก้ไขปัญหาให้อย่างกับดีดนิ้ว แต่เราต้องให้ กยศ.เอง ต้องปรับตัว คือต้องปรับเปลี่ยนกระบวน วิธีการทำงาน
“โจทย์ที่กระทรวงการคลังมอบหมาย กยศ.ไป คือต้องปรับเปลี่ยนตัวเองและปฏิรูปตัวเองเช่นเดียวกัน นั่นคือการปรับเปลี่ยนวิธีการเพื่อที่สามารถให้กระบวนการบริหารจัดการเม็ดเงิน โดยเฉพาะการเก็บชำระคืนจากผู้กู้รายเก่าสามารถมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ กยศ.ลดภาระต่อภาครัฐที่ต้องเติมเงินทุกปีให้ได้มากที่สุด” รมช.การคลังระบุ
เวลา 15.25 น. นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. อภิปรายถึงงบประมาณโครงการซอฟต์พาวเวอร์ว่า ในปี 67-68 เราเสียเงินไปกับโครงการซอฟต์พาวเวอร์ 8,967 ล้านบาท แต่กลับมีปัญหาการเบิกจ่ายล่าช้า หรือการจัดงานยิ่งใหญ่ แต่คนมาร่วมงานกลับโหรงเหรง นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ผลาญงบประมาณ จนพลาดโอกาสสำคัญในเวทีโลก เช่น งาน Expo 2025 ที่โอซากา และในปี 69 งบประมาณรวมทั้งหมด 9,694 ล้านบาท รวมทั้ง 3 ปี จะเป็น 18,661 ล้านบาท แต่ปัญหาของนโยบายนี้ คือ 1.ยังขาดยุทธศาสตร์ระดับชาติ 2.ยังมีการทับซ้อนกันของผู้รับผิดชอบแต่ละหน่วยงาน 3.ขาดเจ้าภาพหลัก เพราะ THACCA ยังไม่เกิด ทำให้งบประมาณ ต้องไปฝากไว้กับหน่วยรับงบที่เป็นส่วนราชการ ซึ่งยังมีการเถียงกันอยู่
ซัด 'ซอฟต์พาวเวอร์' ทำโคตรมั่ว
นอกจากนี้ โครงการซอฟต์พาวเวอร์และ OFOS ที่ประกาศตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพคน 20 ล้านคน วันนี้ทำได้ทั้งหมดเพียง 20,355 คน ขาดอีก 19 ล้านคน คิดเป็น 99.9% และตามแผนของรัฐบาล เราจะไปถึงเส้นชัยในสิ้นเดือนกันยายน ปี 70 ตนขอถามว่าเราจะไปถึงได้หรือไม่ หากสมมุติว่าเป็นผู้จัดการโครงการแล้วทำงานได้แค่ 0.1%
"ผมมองว่ามี 3 ทางเลือกคือ 1.ไล่ออก 2.เปลี่ยนคนทำงานใหม่ 3.ยุบโครงการนี้ไปเลย" พร้อมกับทิ้งท้ายว่า "เป็นโครงการที่คิดโคตรใหญ่ ทำโคตรมั่ว” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เวลา 16.19 น. นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรค ปชน. อภิปรายถึงนโยบายการท่องเที่ยวว่า อยากชี้ให้เห็นว่าการท่องเที่ยวภายในมือของนายกฯ แพทองธาร มันไม่ได้ปังแบบเฟียสๆ แต่มันกำลังจะพังแบบเฟลๆ งบท่องเที่ยวโดนโยกไปทำซอฟต์พาวเวอร์ ตอนนี้เข้าใจว่าเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลแพทองธาร แต่ประชาชนคนไทยถามว่า ไหนซอฟต์พาวเวอร์ เพราะไม่เห็นผลงาน ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบนำเสนอข้อมูลเทศกาล และกิจกรรมในประเทศไทย 40 ล้านบาท การพัฒนาระบบดิจิทัล เชื่อมแพลตฟอร์ม เพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวด้วยซอฟต์พาวเวอร์ 39 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้คืองบในการปรับปรุงแอป Amazing Thailand ที่มีอยู่แล้ว ซึ่งควรจะเป็นงบฟังก์ชันปกติของ ททท. ไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องห้อยซอฟต์พาวเวอร์เอาไว้
“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าการที่ท่านโยกงบ ท่องเที่ยวไปที่ซอฟต์พาวเวอร์ ท่านกลัวว่าคณะของท่านจะไม่มีผลงาน หรือท่านตั้งใจโยกไปเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับใครหรือเปล่า เพราะบริษัทออร์แกไนเซอร์รายใหญ่ที่รับงานรัฐอยู่เป็นประจำมาเป็น 20 ปี บริษัทเหล่านั้น นั่งเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ เขาให้ความเห็นโครงการได้ ชี้นิ้วได้ จิ้มเลือกได้ รู้ข้อมูลก่อน จึงน่าตั้งคำถามว่าเรื่องนี้มีผลประโยชน์ทับซ้อน ที่เอื้อกันอยู่ในนั้นหรือเปล่า” นายณัฐพลกล่าว
เวลา 17.40 น. นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงการใช้งบประมาณกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาว่า ที่บอกงบฯ น้อย เพราะมีการจัดสรรไปให้ซอฟต์พาวเวอร์และหน่วยงานต่างๆ นั้น เนื่องจาก
รัฐบาลนี้ได้มีการเปลี่ยนเคพีไอเอาในเรื่องของคุณภาพให้สมดุลกัน ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวยุโรป ตะวันออกกลาง เดินทางมามากขึ้น ชาวอังกฤษเพิ่มขึ้น 20% อิตาลีเพิ่มขึ้น 22% และอีกหลาย ๆ ประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็นและใช้จ่ายมากขึ้น
“ท่านด่ารัฐบาลได้ ด่ารัฐมนตรีได้ แต่อย่าดิสเครดิตประเทศตัวเอง เมื่อกี้ที่พูดมาจีนเทา รัสเซียเทา เขามองเราอยู่ เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเสียใจ เพราะได้ยินคำนี้ออกจากปากผู้แทนราษฎร และท่านเองก็มาจากเมืองที่เป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย ในปัจจุบันการโปรโมตพีอาร์แก้ข่าวนั้นไม่ทัน เพราะสิ่งต่างๆ ที่ออกมาพอพาดหัวมาก็มาเป็นชุด ซึ่งจริงๆ ไม่รู้ถึงเจตนาและตัวเลขที่แท้จริง พวกเราทำงานกันอย่างหนักจริงๆ งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ จะพยายามอย่างยิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ภาพลักษณ์ของประเทศ คือสิ่งสำคัญ พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่การปิดข่าวไม่ดี แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกองค์กร มีทั้งคนดี และคนไม่ดี อย่าเหมารวม นักท่องเที่ยวที่เข้ามา 100 คน ก็จะมีคนไม่ดีอยู่บ้าง แต่เราต้องแยกแยะสิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ท่านพูดมาทั้งหมดทั้งปวง กรณีดาราจีนก็ดี ทุกอย่างเราพยายามทำ" นายสรวงศ์กล่าว
ด้านนายณัฐพลได้ลุกขึ้นขอใช้สิทธิ์พาดพิง โดยระบุว่า เรื่องดิสเครดิต ตนคิดว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ ในประเทศไทย ซึ่งเราต่างทราบกันดี แน่นอนว่าอาจไม่ได้เกิดขึ้นเยอะอย่างที่ท่านพูด แต่เมื่อเกิดที่หนึ่ง เป็นข่าวในโซเชียล และกระจายออกไปเร็ว ซึ่งข่าวร้ายข่าวเดียว คนชอบมากกว่าข่าวดี 10 ข่าว ถือเป็นเรื่องปกติ ตนไม่ได้ดิสเครดิตประเทศใน แต่ที่ต้องหยิบเรื่องเทาๆ มาพูดอย่างจริงจัง เพราะมันพิสูจน์แล้วว่า การที่เราแค่โฆษณา พีอาร์ มันสู้กับเหตุการณ์จริงที่เป็นข่าวและถูกแชร์ไม่ได้เลย
"เราต้องยอมรับเรื่องนี้ และแก้ปัญหาจริงๆ มิเช่นนั้นการท่องเที่ยวเราจะเป็นแบบเดิมต่อไป โฆษณาให้มากเกินไป ก็แก้ไม่ได้ หากเราไม่ตั้งต้นใหม่ และแก้ปัญหาภายในจริงๆ ยอมลดงบส่วนนั้นมาแก้ตรงนี้และสุดท้ายก็จะดีเอง" นายณัฐพลกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


