ลูกชายเนวินถล่มซํ้า ลั่น ‘ภูมิใจไทย-อนุทิน’ ทำทุกสิ่งอย่างแล้ว ‘พวกท่านทำแล้วหรือยัง’!

ถกงบฯ วันสุดท้าย ภูมิใจไทยถล่มนายกฯ คาสภา "ลูกชายเนวิน" ลากยาวสมัย  "ทักษิณ" เจอสึนามิ "ยิ่้งลักษณ์" เจอน้ำท่วมใหญ่  ได้บทเรียนว่า ไม่ใช้งบฯ ก่อน แต่ใช้หลัง  ประชาชนสูญเสีย ลั่นภูมิใจไทยทำทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้อำนาจหน้าที่รับผิดชอบ คำถามเดียวที่จะฝากไปคือ พวกเราทำแล้ว พวกท่านทำแล้วหรือยัง ขณะที่ "อุ๊งอิ๊ง" มั่นใจจะสามารถทำให้ประเทศผ่านวิกฤตไปได้ ที่ประชุมโหวตรับร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 ด้วยคะแนน 322 เสียง ไม่เห็นด้วย 158 เสียง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 พ.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ เป็นพิเศษ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม   พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเป็นวันที่ 4 โดยบรรยากาศช่วงเช้าเป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยเฉพาะบริเวณประตูหน้าอาคารรัฐสภา  ที่เป็นทางเข้าหลักของรัฐมนตรี ปรากฏว่าแทบจะไม่มีรัฐมนตรีเดินทางมาร่วมการประชุม ทั้งรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคกล้าธรรม

มีเพียงแค่ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล  รมว.วัฒนธรรม คนเดียวเท่านั้นที่เดินเข้าประตูดังกล่าว ภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 30 พ.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปให้สัมภาษณ์ที่สำนักข่าวเนชั่นทีวี ระบุว่า กระทรวงมหาดไทยควรกลับมาอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า อาจทำให้รัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยต้องสงวนท่าที เลี่ยงการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน จนกว่าประเด็นจะมีความชัดเจน

ไฮไลต์การอภิปรายอยู่ที่ สส.พรรคภูมิใจไทย  โดยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย แต่ปัจจุบันนี้เห็นด้วย ฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี ต้องแจก เงินมี ใครที่อยู่ข้างบนแจกไม่ได้ ลงมา เอาคนอื่นขึ้นไปนั่ง ถ้าไม่มีทำให้นายกฯ  ไม่ได้ ลงมา คนอื่นมีเยอะแยะที่เขาทำได้ ประเทศไทยเงินมีเยอะ ตรงไหนติดขัดก็แก้ซะ

"ถ้าท่านไม่จัดการเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตให้เรียบร้อย อย่าไปแจกใกล้เลือกตั้ง อย่าว่าแต่เงินหมื่น  2 หมื่นก็แจกได้ ถ้าไม่แจกเขามาแน่ นายกฯ เท้ง” นายชาดากล่าว

จากนั้น น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่า ที่นายชาดายืนยันให้แจกเลย ไม่งั้นได้นายกฯ เท้งแน่ แต่ถ้าแจกอย่างนี้ต่อให้ใกล้เลือกตั้งแจกคนละ 20,000 บาท ก็ยังได้นายกฯ เท้งเหมือนเดิม

ต่อมา นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ตนอภิปรายด้วยความสบายใจ และภาคภูมิใจ หลังจากที่ตนอภิปรายรอบที่แล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สละเวลาคุยกับตนด้วยความรักและเมตตา ด้วยใจที่เปิดกว้างและฟังข้อมูลที่ตนพูด วันนั้นไม่เข้าใจสิ่งที่นักการเมืองเจนวายนำเสนอทั้งหมด แต่เล็งเห็นความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่ตกไปยังประชาชนไทยถ้วนหน้า

เขากล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นได้ขับเคลื่อนพรรคภูมิใจไทย ตื่นตัว ตระหนัก ภายใต้อำนาจหน้าที่รับผิดชอบรับมือกับความไม่แน่นอนที่คาดการณ์ได้ยาก ทำให้ 15 พ.ค. ส่งประกาศไปยังหน่วยงานภายใต้การดูแลของนายอนุทินว่า ปีนี้ฝนมาเร็ว และเฝ้าระวังมวลน้ำทุกรูปแบบใกล้ชิด

นายไชยชนกอภิปรายด้วยว่า ฝากกำลังไปยัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ในฐานะนักการเมืองเจนวายว่า ด้วยความเห็นใจ เพราะตนเป็นคนที่ทั้งสังคม สส. ครอบครัวเข้าใจผิดหลายรอบ  เห็นใจที่วันนี้สังคมหลายส่วนผูกการอยู่ในตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบสูงสุดในประเทศของนายกฯ และครอบครัว ไปกับภัยพิบัติ

พวกท่านทำแล้วหรือยัง

“เหรียญมีสองด้านเสมอ และท่านเลือกทางเดินเองเสมอ สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่หายนะ แต่คือโชคชะตา เมื่อช่วงเกิดสึนามิ สมัยรัฐบาลของท่านทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ตระหนักถึงงบส่วนกลางที่ต้องมากขึ้น ทำให้ภายใต้การบริหารประเทศของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีงบกลางมาก เยียวยาช่วยเหลือประชาชนจากภัยน้ำท่วม และได้บทเรียนว่า การไม่ใช้ก่อน แต่ใช้หลัง ประชาชนสูญเสีย สถานการณ์ที่เห็นคือประวัติศาสตร์ที่ถูกเขียนเป็นวีรสตรีไทย อยู่ที่ว่าจะเลือกทางไหน ไม่ว่าเลือกทางไหน ผมและ สส.ภูมิใจไทย และท่านอนุทิน พูดด้วยความภาคภูมิใจ ทำทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้อำนาจหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทย และทำต่อไป คำถามเดียวที่จะฝากไปคือ พวกเราทำแล้ว  พวกท่านทำแล้วหรือยัง” ลูกชายนายเนวิน ชิดชอบ อภิปราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยก่อนการอภิปราย นายไชยชนกกล่าวว่า ขอเรียกร้อง อยากให้ผู้รับฟังกดหยุด ตรวจสอบข้อมูลที่นำเสนอเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด น้อมรับเจตนาดีๆ ของ สส.ในพรรคตนและพรรคอื่นที่ห่วงเรื่องชื่อเสียงวงศ์ตระกูล และขอบคุณ สส.พรรคฝ่ายค้าน มอบเวลาที่เหลือให้ใช้ ตนจะใช้เวลาอย่างคุ้มค่าเพื่อประโยชน์สูงสุด

การอภิปรายดำเนินไปถึงช่วงเย็น มีการลงคะแนนรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ด้วยคะแนน 322 เสียง ไม่เห็นด้วย 158 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง

น.ส.แพทองธารกล่าวในนามของรัฐบาลว่า  ขอบคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ที่ได้ร่วมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่รัฐบาลนำเสนอด้วยความตั้งใจ รัฐบาลตระหนักดีว่าการจัดทำงบประมาณในครั้งนี้ดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดวงเงินงบประมาณ มาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัจจัยรอบด้านที่ส่งผลกระทบ

การจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ และสร้างโอกาสให้กับประชาชนทุกกลุ่มให้เข้าถึงทรัพยากรที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมถึงการรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศให้เป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด

สำหรับข้อเสนอแนะที่ทุกท่านได้อภิปรายไว้  ขอฝากคณะกรรมาธิการวิสามัญที่จัดตั้งขึ้นโดยสภาแห่งนี้ นำไปประกอบการพิจารณาอย่างละเอียดและครบถ้วนต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการเมือง  สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ตนเดินทางไปต่างประเทศได้คุยกับผู้นำประเทศมากมาย มีเรื่องผลกระทบที่เจอในหลายด้านหลายมุมแตกต่างกัน ตนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกประเทศที่จะร่วมมือช่วยกันได้ก็ช่วยกันอย่างเต็มที่

จะสามารถทำให้ผ่านวิกฤตไปได้

นายกฯ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องท้าทายที่จะกำหนดทิศทางหาข้อสรุปอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นคำตอบที่ชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจคือ รัฐบาลชุดนี้จะทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำทุกนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้สำเร็จเป็นรูปธรรม เราจะลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชน  เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และจะใช้เม็ดเงินจากร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

"ดิฉันทราบดี เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย พี่น้องประชาชนไม่ได้ส่งเรามาทำเรื่องง่ายๆ รัฐบาลทำหน้าที่บริหาร ฝ่ายค้านเป็นผู้ตรวจสอบ ถ้าเราทั้งสองมุ่งเน้นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ตนเองมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะสามารถทำให้ประเทศผ่านวิกฤตไปได้ และสามารถทำให้เห็นผลสำเร็จร่วมกันได้แน่นอน" น.ส.แพทองธารทิ้งท้าย

จากนั้นเป็นการตั้ง กมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณ พ.ศ.2569 จำนวน 73 คน ที่ประชุมเสนอแปรญัตติภายใน 30 วัน และนัดประชุมวันที่ 9 มิ.ย. เวลา 13.00 น. จากนั้นที่ประชุมรับทราบพระบรมราชโองการปิดประชุมสมัยวิสามัญ และปิดประชุมในเวลา 17.00 น.

สำหรับคะแนนรับหลักการพรรคร่วมรัฐบาลต่างลงคะแนนเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยมี น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ที่เป็นงูเห่าเตรียมจะย้ายมาอยู่พรรคกล้าธรรม ร่วมลงมติรับหลักการในวาระที่ 1 ด้วย

รวมถึงยังมีคะแนนเห็นชอบจากเหล่างูเห่าขาประจำ มาร่วมลงคะแนนเห็นชอบ ได้แก่ นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี พรรคไทยสร้างไทย, นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร พรรคไทยสร้างไทย และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย, นางกาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคประชารัฐ และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ส่วนคะแนนไม่รับหลักการเป็นของพรรคร่วมฝ่ายค้าน

อย่างไรก็ตาม มี สส.จากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ได้อยู่ร่วมลงมติในครั้งนี้ โดยในส่วนของฝ่ายค้าน อาทิ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โดยนายรังสิมันต์ติดราชการต่างประเทศ ส่วน น.ส.วรรณวิภาป่วยต้องแอดมิตที่โรงพยาบาล

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคพลังประชารัฐ, นางขวัญเรือน เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคพลังประชารัฐ, นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทย และนายอดิศร แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี พรรคไทยสร้างไทย ก็ไม่ได้เข้าร่วมเช่นกัน

ในส่วนของรัฐบาล อาทิ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นายอมรเทพ สมหมาย สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย, นายซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส พรรคภูมิใจไทย, นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส และนายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ.