เขมรขย่มรายวัน! ไทยท่องคาถาJBC

“ฮุน มาเนต” ขู่หากสถานการณ์ชายแดนยังยื้ออาจมีคนตายมากกว่าร้อย บอกฟ้องศาลโลกเป็นทางเลือกสุดท้าย รมต.ไทยพาเหรดยันใช้การเจรจาเป็นหลัก “บิ๊กอ้วน” บอกไม่น่าเป็นห่วง กต.คาดกลางเดือน มิ.ย.ได้ฤกษ์ประชุมเจบีซี “กองทัพ” ขยับซ้อมรบเสมือนจริง!

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิ.ย.2568 ยังคงมีความต่อเนื่องสถานการณ์ชายแดนไทยและกัมพูชาที่มีการปะทะกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสมเด็จฮุน  มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวระหว่างการพบปะกับชุมชนชาวกัมพูชากว่า 1,600 คน ระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการว่า การแก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนกับไทย ควรเป็นไปตามการหารือ โดยคณะทำงานร่วมระหว่างสองประเทศ ไม่ใช่การใช้กำลังทางทหารต่อกัน ซึ่งการคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลา

“หากไม่มีการจัดการสถานการณ์อย่างทันท่วงที จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นจาก 1 ราย เป็นมากกว่า 100 ราย และความขัดแย้งจะลุกลามตลอดแนวชายแดน”

นายกฯ กัมพูชายังกล่าวถึงการนำข้อพิพาทเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) หรือศาลโลก ว่าควรเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่หากเรื่องนี้ต้องถึงศาลโลกก็เป็นไปไม่ได้อีกที่จะมีการเจรจา

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างร่วมประชุม IISS Shangri-La Dialogue ซึ่งเป็นเวทีหารือด้านความมั่นคงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ว่าสถานการณ์ขณะนี้คลี่คลายลง ทั้งสองฝ่ายต่างยึดมั่นในการที่จะไม่ก่อให้เกิดการเผชิญหน้า และรอให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ได้หารือกัน ซึ่งขณะนี้ได้นัดหมายกันแล้ว เข้าใจว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเกิดการประชุมได้ ทางฝ่ายไทยได้มีการพูดคุยกัน ซึ่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็จะไปร่วมพูดคุยทั้งหมดด้วย โดยได้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก และกองทัพไทยอย่างต่อเนื่อง

 “ยังไม่น่าเป็นห่วงอะไร แต่ก็ขอให้มีการพูดคุยกันก่อน ซึ่งไทยยึดหลักการจะไม่เผชิญหน้า และพยายามจะหาข้อสรุปอย่างสันติ เพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านซึ่งกันและกัน” นายภูมิธรรมกล่าว

เมื่อถามว่า จะพูดคุยกับกัมพูชาในระดับรัฐมนตรีหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้พูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง และโอกาสการพบกันก็มีอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งเรามีวงประชุมหลายๆ  เรื่อง ที่เป็นเรื่องของการรักษาความสงบ รักษาสันติภาพในบริเวณนี้อยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้เรียกประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ฝ่ายไทย ครั้งที่ 1/2568 โดยมี พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร เป็นประธานการประชุม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กต. โดยหลังการประชุม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ แถลงว่า ไทยและกัมพูชาเป็น 2 ประเทศที่มีความใกล้ชิดกันอย่างมากทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ทำให้สถานการณ์บานปลาย ถึงขั้นกระทบความสัมพันธ์อันดีต่อ 2 ประเทศ เพราะไม่เป็นผลดีกับฝ่ายใดทั้งสิ้น การประชุมวันนี้ของไทยก็เพื่อเตรียมความพร้อมของฝั่งไทยเพื่อประชุมเจบีซี

ย้ำไทยทำตามมาตรฐาน

“เหตุการณ์กระทบกระทั่งวันที่ 28 พ.ค.2568 เวลา 05.45 น. กระทรวงการต่างประเทศรู้สึกไม่สบายใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในอย่างเหมาะสมและได้สัดส่วนกับสถานการณ์   สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศและแนวปฏิบัติสากลที่เกี่ยวข้อง” นายมาริษย้ำ

นายมาริษกล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาปัจจุบันยังคงสงบเรียบร้อย ทุกด่านเปิดปกติ เพราะหลังเกิดเหตุการณ์ก็ได้หารือร่วมกันหลายระดับ โดยได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายปรัก สุคน รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา เพื่อหาทางยุติความตึงเครียด ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกทั้งไทยและกัมพูชาก็ได้พบกันเมื่อวันที่ 30 พ.ค. มีการพูดคุยเพื่อหาทางลดความตึงเครียด นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้เดินทางไปร่วมประชุมที่ประเทศญี่ปุ่น และได้นัดพบนายปรัก รวมถึงได้คุยกับสมเด็จฮุน มาเนตด้วย โดยทั้งสองฝ่ายมีความเห็นว่า จะต้องมีความร่วมมือกันเพื่อลดความตึงเครียดพื้นที่บริเวณชายแดน โดยกลไกต่างๆ ที่มีอยู่ อีกทั้งเมื่อเดือนเม.ย. นายกฯ ของ 2 ประเทศยังได้เห็นชอบที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางด้านการทหาร เพื่อเกิดความสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพตามแนวชายแดน

รมว.กต.กล่าวต่อว่า เรามีเจตนารมณ์ทางการเมืองที่ต้องการแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่มีความขัดแย้ง โดยดำเนินการผ่านกลไก 3 ระดับที่มีอยู่ระหว่างกันคือ 1.การประชุมคณะกรรมเจบีซีเป็นกลไกการเจรจาทางด้านการกำหนดเขตแดนซึ่งผู้บัญชาการทหารบกของ 2 ประเทศได้เสนอ 2.คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา  หรือจีบีซี ซึ่งประชุมไปแล้วก่อนเกิดเหตุการณ์ และ 3.กรรมการอาร์พีซี เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยไม่เกิดเหตุการณ์บานปลายมากไปกว่านี้ และจำเป็นที่ประเทศทั้งสองที่ต้องไม่ดำเนินการใดเพื่อให้เกิดความเครียดขึ้น ต้องใช้ความอดกลั้นในการที่ไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ และให้มีกลไกในการเจรจาในกรอบเจบีซีได้ดำเนินการไปโดยเร็วเพื่อแก้ปัญหานี้ ขณะเดียวกันก็ขอฝากสื่อมวลชนว่า เราจะต้องช่วยกันไม่ทำให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ช่วยกันระวังรักษา ไม่ให้มีการเผยแพร่ สิ่งที่ไม่สมควรที่จะไปเปิดเผยเพื่อให้สถานการณ์มันแย่ลงไปกว่านี้

คาดเจบีซีถกกลาง มิ.ย.

ด้านนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษก กต. กล่าวว่า หลังเหตุปะทะกันระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พ.ค. การดำเนินการของไทยเป็นไปเพื่อการรักษาอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน จากการรุกล้ำเข้ามาของกองกำลังทหารติดอาวุธต่างประเทศตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และตามหลักกฎหมายภายในของไทย เป็นการป้องกันตนเองอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศและแนวสากล ส่วนที่เราประชุมกันวันนี้ก็เพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมร่วม กรรมการเจบีซีที่เกิดขึ้นราวๆ 1-2 สัปดาห์หลังจากนี้ หรือกลางเดือน มิ.ย.นี้ โดยกัมพูชาเป็นฝ่ายจัดการประชุม

เมื่อถามถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์โพสต์ของสมเด็จฮุน เซน ที่ค่อนข้างรุนแรง มีผลทางกฎหมายอะไรหรือไม่ โฆษก กต.กล่าวว่า ไม่มีผลทางกฎหมาย การโพสต์ข้อความสามารถทำได้ แต่เราก็ดูในฝั่งเรา พยายามให้การสื่อสารข้อมูลที่ออกมาทางสื่อสะท้อนความเป็นจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อถามต่อว่า มีการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจรุนแรงขึ้นอย่างไรหรือไม่ นายนิกรเดชกล่าวว่า เรื่องนี้เกินจาก กต. แต่เป็นเรื่องที่มีหลายฝ่ายเกี่ยวข้อง ทั้งทหารและตำรวจตระเวนชายแดน และตอนนี้อยู่ในกระบวนการหาทางออก ทางลงที่ดี ซึ่งไทยพร้อมเจรจา และพร้อมทุกสถานการณ์ ซึ่งจุดยืนการเจรจาในส่วน กต.และกระทรวงกลาโหมก็สอดคล้องกัน เพราะฝ่ายทหารเขาไม่ได้ประสงค์มีความรุนแรงใดๆ ทีมไทยแลนด์ทั้งทีม ทั้งฝ่ายทหาร พลเรือน ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นๆ มุ่งไปที่การหาข้อยุติอย่างสันติวิธี

วันเดียวกัน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีสมเด็จฮุน เซน โพสต์ข้อความและภาพพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต โดยอ้างอิงว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชาว่า เป็นเรื่องปกติที่จะเห็นฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้างสิทธิ์ในบางพื้นที่บริเวณชายแดน เนื่องจากแต่ละฝ่ายต่างยึดถือตามหลักฐานอ้างอิงที่แตกต่างกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างทราบดีว่าเป็นเพียงการกล่าวอ้างกันไปมาเท่านั้น และไม่มีผลต่อพื้นที่เขตแดนจริง และตามข้อตกลงผู้ที่สามารถระบุเขตแดนระหว่างประเทศคือเจบีซี ดังนั้นฝ่ายไทยจึงเน้นการอยู่ร่วมกันในพื้นที่ ภายใต้กฎกติกาและข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้กำหนดร่วมกันเป็นสำคัญ

 “ยืนยันว่าในทุกเหตุการณ์ที่ทหารฝ่ายไทยได้แสดงออก ล้วนเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของชาติตามหลักกติกาสากล และได้เตรียมความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ยังต้องรอฟังผลการหารือในระดับเจบีซีไป”

มีรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 31 พ.ค. ที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลกองพันทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำฐานปฏิบัติการพร้อมมอบข้าวสาร อาหารแห้ง และให้โอวาทแก่กำลังพล โดยมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) ร่วมภารกิจ และพักค้างคืนที่ฐานปราสาทตาเมืองธม

ส่วนที่ บ.หนองสังข์ ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผบ.พล.ร.2 รอ. ในฐานะ ผบ.กกล.บูรพา เป็นประธานตรวจสภาพความพร้อมรบตามระเบียบปฏิบัติประจำของหน่วยเฉพาะกิจกองพันทหารราบยานเกราะ (ร.12 พัน.2 รอ.) หลังได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ เข้าสู่ที่รวมพล ที่บริเวณกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 126 ตำบลป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน

ด้านนายธิติเดช ทองภัทร รองประธานกรรมการนิคมอุตสาหกรรมเกาะกง ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือ LYP GROUP ของนายพัด สุภาภา สมาชิกวุฒิสภาสายสมเด็จฮุน เซน กล่าวถึงผลกระทบการปิดด่านชายแดนกระหว่างไทยและกัมพูชา ว่าจะเกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายแน่นอน ทั้งในเรื่องการค้าชายแดนที่ทั้งสองประเทศค้าขายร่วมกันปีละ 3-4 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะสินค้าจากไทยที่เข้ามายังกัมพูชามีมากกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี และยังส่งผลกระทบต่อแรงงานในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการท่องเที่ยว ไม่นับไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศก็จะได้รับผลกระทบตามมาด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม