พรรคลุงตู่แตกโพละ เฮ้งนำทีมชิ่งซบ‘โอกาสใหม่’/พท.ปัด2กระทรวงแลก‘มท.’

“แพทองธาร” โชว์ภาพเซลฟี  “อนุทิน” เล่นมุก "ไม่ร้าวนะคะ" ก่อน “ทักษิณ”  ทวงคืน มท. "สรวงศ์" ย้ำอำนาจปรับ ครม.เป็นของนายกฯ หากบัญชามา พท.ก็ปฏิบัติได้  "วิสุทธิ์" เบรกข่าวแลก "พณ.-ดีอี-สธ." ให้ ภท. แค่คาดการณ์ "ดนุพร” เชื่อการปรับ ครม.ภายใต้เหตุการณ์บ้านเมืองเหตุการณ์โลก ยันนายกฯ ยังคงทำงานเดินไปสุดทางปี 70 "16 สส.รทสช." ตบเท้าแสดงพลังเขย่า "พีระพันธุ์-เอกนัฏ" เตรียมยกทีมเข้าพรรคใหม่ทุนหนา จับตาอดีตนายทุนพรรคทวงคืนโควตา รมว.พลังงาน "สุชาติ" ยอมรับจ่อขน สส.ซบ "โอกาสใหม่" เลขาธิการพรรคยอมรับเปิดดีลคุยกันแล้ว "หมอตุลย์" แฉล็อบบี้หนัก ปลุกแพทยสภารักษาเกียรติภูมิยืนมติลงโทษ 3 หมอ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงท้ายรายการ “โอกาสไทย กับนายกแพทองธาร” หัวข้อ “ปรับแผน เดินหน้า สร้างโอกาสไทย” ซึ่งจะเป็นช่วง “เรื่องเล่าจากภาพ” โดยหนึ่งในหลายๆ ภาพที่นายกฯ นำมาเล่านั้น เป็นภาพที่นายกฯ ร่วมเซลฟีกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอินโดนีเซีย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย  (ภท.) ร่วมถ่ายด้วย เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ในโอกาสประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล

โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เป็นภาพระหว่างอาหารกลางวัน โดยมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอินโดนีเซียนั่งทานกันเป็นโต๊ะเดียวยาวๆ นั่งต่อกัน และมีนายอนุทินนั่งอยู่ด้วย โดยเลขานุการประธานอินโดนีเซียบอกเซลฟีกัน ทางนายอนุทินก็ได้ยื่นหน้าถ่ายด้วย ก่อนที่นายกฯ จะกล่าวในรายการว่า “ไม่ร้าวนะคะ ไม่ร้าว“

ทั้งนี้ รายการดังกล่าวได้มีการบันทึกเทปเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ก่อนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อยากให้ 2 ปีที่เหลือของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยดูแล เหตุกระทรวงมหาดไทยยังทำงานไม่เต็มที่ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณเสนอให้ พท.ยึดคืนกระทรวงมหาดไทยกลับมาบริหารเอง จะเป็นรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ว่าอำนาจในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนไม่มีคอมเมนต์ แต่ในส่วนของ พท. หากนายกฯ มีบัญชาอะไรมาเราก็สามารถปฏิบัติได้

เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าว พท.เสนอแลกกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้ ภท. ได้มีการพูดคุยกับนายอนุทินแล้วหรือไม่  นายสรวงศ์กล่าวว่า พูดได้เลยว่าไม่มี และจริงๆ  แล้วอำนาจตรงนี้เป็นของนายกฯ ซึ่งต้องรอดูว่านายกฯ จะพูดคุยอย่างไร จะมีการปรับ ครม.หรือไม่ คงต้องรอดูว่าเมื่อไหร่ดี ขณะนี้ก็ยังไม่มีการพูดคุยอะไรกัน

 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค  พท. ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์กรณีนายทักษิณอยากให้ พท.ได้ดูแลกระทรวงมหาดไทยว่า คำว่าอยากได้ ธรรมดาพรรคไหนก็อยากได้หมด อย่าว่าแต่เพื่อไทย ทุกพรรคอยากได้หมด เพราะกระทรวงมหาดไทยได้ดูแลผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เป็นฝ่ายปกครอง แต่คำว่าอยากได้กับได้มามันต่างกัน เป็นธรรมดา  หากสัมภาษณ์พรรคไหนทุกพรรคก็อยากได้หมด  มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่การที่นายทักษิณพูดอย่างนั้น เป็นหลักการที่ต้องดูแลกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือกระทรวงการคลัง เพราะจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่ในทางปฏิบัติจริงๆ ไม่ทราบว่าจะทำได้หรือไม่ หรือ ภท.และพรรคอื่นคิดอย่างไร

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าว พท.เสนอกระทรวงให้ ภท.เลือก เช่น พาณิชย์ สาธารณสุข และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายวิสุทธิ์กล่าวว่า   มีการคาดการณ์ไปทั่ว กระแสข่าวมีการคาดคะเนกันไป เหมือนอย่างกระแสข่าวที่ ภท.จะไม่ลงคะแนนโหวตร่างงบประมาณปี 2569 ซึ่งมีการพูดจนนาทีสุดท้าย สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไร บางครั้งคนก็คาดการณ์กันไปหรือวิพากษ์วิจารณ์กันไป เป็นธรรมดาของทางการเมือง

"การปรับ ครม.มีข่าวมานานแล้ว นายทักษิณไปพูดเป็นการวิจารณ์ข่าว เข้าใจการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไร ก็คิดกันไป แต่หากจะมีการปรับคนที่รู้จริงที่สุดคือ นายกฯ เพราะการปรับเข้าปรับออก โยกย้าย เป็นเรื่องการตัดสินใจของนายกฯ เพราะย่อมรู้ดีว่าใครเหมาะสมตรงไหน ควรไปทำงานตรงไหน"  นายวิสุทธิ์กล่าว

พท.ฟุ้งนายกฯ ไปสุดทางปี 70

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรค พท. กล่าวว่า การปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกฯ เพียงผู้เดียว โดย พท.พร้อมรับทุกการเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าไม่ว่านายกฯ จะปรับ ครม.อย่างไร ตัวตั้งคือประชาชนซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พิจารณากฎหมายงบประมาณปี 2569 เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนการปรับ ครม.อยู่ที่นายกฯ จะเห็นสมควร และเชื่อว่านายกฯ จะพิจารณาให้เหมาะสมกับเหตุการณ์บ้านเมืองและเหตุการณ์โลก ปัจจุบัน ให้สอดคล้องกับงบประมาณ และสอดคล้องกับปัญหาที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ ส่วนมีการพูดถึงว่าจะมีการปรับ ครม. จะสลับกระทรวง ทบวง กรมหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของนายกฯ แต่เชื่อว่า พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีพรรคร่วมหลายพรรค จากเสียงโหวต 322 เสียงที่โหวตเห็นชอบกฎหมายงบประมาณ

 “การที่ปรับกระทรวง ทบวง กรม เชื่อว่าหัวหน้าพรรคในฐานะนายกฯ และผู้ใหญ่ในพรรค จะได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมทุกพรรค หากจะมีการปรับ ครม. เพื่อให้ ครม.ภายใต้นายกฯ แพทองธารเตรียมพร้อมทำงานหนักต่อไปเพื่อพี่น้องประชาชน และหวังว่าชาตินี้จะไปถึงสุดทางของสมัยประชุมนี้ และรับการเลือกตั้งในปี 2570"  

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายทักษิณเสนอ  พท.ยึดคืนมหาดไทยกลับมาบริหารเองว่า เรื่องนี้ห่างไกลจากคำว่าครอบงำพรรคมาก นายทักษิณ เพียงตอบคำถามว่าในช่วง 2 ปีที่เหลือรัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงาน ซึ่งเป็นเพียงการตอบคำถามปกติต่อสื่อมวลชน ไม่ได้มีการครอบงำหรือสั่งการไปยังกรรมการบริหารพรรค พท.แต่อย่างใด   รวมถึงห่างไกลจากการตีความว่า ไปบงการกิจกรรมของพรรค ในเรื่องที่สมาชิกหรือกรรมการบริหารพรรคควรตัดสินใจ อีกทั้ง น.ส.แพทองธารก็ยืนยันหนักแน่นมาโดยตลอดว่า ท่านมีอำนาจเต็มในการปรับ ครม. นายทักษิณครอบงำไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ในส่วนของกลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ แกนนำพรรค รทสช. ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่ากำลังเตรียมนำ สส.ในพรรค  รทสช.ที่ไม่ได้อยู่กับกลุ่มของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ย้ายออกจากพรรค รทสช.เพื่อไปอยู่กับพรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ที่ชื่อว่า  พรรคโอกาสใหม่ ที่มีกระแสข่าวว่าพรรคดังกล่าว มีนายทุนคนสำคัญเป็นนักธุรกิจใหญ่ ที่ตอนเลือกตั้งปี 2562 เคยสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และตอนเลือกตั้งปี 2566 สนับสนุนพรรค รทสช. ที่ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี อีกทั้งมีรายงานด้วยว่า  นายทุนคนดังกล่าวมีส่วนสำคัญในการทำดีลให้  รทสช.เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย

โดยมีรายงานว่า นายสุชาติได้นัด สส.และแกนนำพรรค รทสช.ไปกินข้าวหารือทางการเมืองกันที่โรงแรมคอนราด โรงแรมหรูย่านถนนวิทยุ เมื่อช่วงเที่ยงวันศุกร์ที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามี สส.ของ รทสช.และอดีตผู้สมัคร สส.เกรดเอร่วม 20 คนไปนัดพบปะกัน โดยมีการถ่ายภาพการนัดพบกันดังกล่าวด้วย จากนั้นในช่วงบ่ายทั้งหมดได้เดินทางออกจากโรงแรมคอนราดเพื่อกลับไปเข้าร่วมประชุมสภาฯ ต่อไป

16 สส.รทสช.จ่อทิ้ง 'พีระพันธุ์'

สำหรับ สส.รทสช.ที่ไปร่วมกินข้าวในวันดังกล่าวมีทั้งสิ้นเกือบ 20 อาทิ 1.นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา 2.นายสันต์ แซ่ตั้ง สส.ชุมพร 3.นายวัชระ ยาวอหะซัน สส.นราธิวาส 4.นายพิพิธ รัตนรักษ์ สส.สุราษฎร์ธานี 5.นายพันธ์ศักดิ์ บุญแทน สส.สุราษฎร์ธานี 6.นายปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี 7.นายถนอมพงศ์ หลีกภัย สส.ตรัง 8.น.ส.กุลวลี นพอบรมดี สส.ราชบุรี 9.นางธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ สส.เพชรบุรี 10.จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี 11.นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี 12.นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ 13.นายเกรียงยศ สุดลาภา สส.บัญชีรายชื่อ 14.นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ สส.บัญชีรายชื่อ 15.นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และ สส.บัญชีรายชื่อ 16.นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น

มีรายงานว่า คนที่เป็นผู้ประสานในการนัดครั้งนี้คือ นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ที่เคยเป็นเหรัญญิกและอดีต ผอ.พรรค รทสช. และก่อนหน้านี้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ตอนเลือกตั้งปี 2562 อย่างไรก็ตาม ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง ผอ.พรรค รทสช.มาเป็น เสธ.หิ หิมาลัย ผิวพรรณ

โดยนางพิชชารัตน์เป็นที่รู้กันดีว่า ก่อนจะเข้าสู่การเมืองเคยทำงานอยู่กับนายทุนใหญ่พรรคตั้งใหม่ดังกล่าว ตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาสู่วงการการเมือง อีกทั้งก่อนหน้านี้พบว่า น.ส.ภัทรานันท์ ทองประพาฬ กรรมการบริหารพรรคโอกาสใหม่  ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2567 เป็นน้องสาวของนางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าหลังมีกระแสข่าวว่ากลุ่มของนายสุชาติจะย้ายออกจาก รทสช. พบว่าในการประชุมพรรค รทสช.เมื่อวันอังคารที่ 27 พ.ค. ที่เป็นการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ 2569 ช่วง 28-31 พ.ค. โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรมและเลขาธิการ รทสช. ได้กล่าวในที่ประชุมพรรค หลังจากที่ในช่วงเช้าวันเดียวกันนายสุชาติ ชมกลิ่น ให้สัมภาษณ์สื่อก่อนการประชุม ครม.ว่าอาจจะย้ายออกจาก รทสช.  ทั้งนี้ นายเอกนัฏได้กล่าวในช่วงก่อนปิดประชุมว่า “ขอให้พวกเราอย่าหวั่นไหว ให้มั่นใจว่าพรรครวมไทยสร้างชาติยังไปได้ ยังไงการเลือกตั้งรอบหน้ายังมีพรรคอยู่ เรายังไปรอด” และยังมีรายงานด้วยว่า ที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวเพื่อต้องการโควตา รมว.พลังงาน ที่เป็นของกลุ่มตัวเองกลับคืนมาจากนายพีระพันธุ์ โดยมีการแจ้งให้นายทักษิณทราบนานแล้ว  

นายสุชาติ ชมกลิ่น ให้สัมภาษณ์เปิดใจทางช่องเนชั่นทีวี ถึงการนำ 23 สส.รทสช.เข้าสังกัดพรรคโอกาสใหม่ว่า ยอมรับว่าเป็นการพูดคุยกันและหารือถึงอนาคตทางการเมือง โดยมีกลุ่มเพื่อนของตนประมาณ 10 คน และมีกลุ่มของ นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ รทสช. เพราะขณะนี้ผ่านมาครึ่งเทอม ทั้งนี้ ในความชัดเจนนั้นไม่ใช่ทั้งหมดที่จะไปพร้อมกันหรืออยู่พร้อมกัน เพราะยังไม่เป็นอุดมการณ์เดียวกันทั้งหมด

'สุชาติ' รับซบโอกาสใหม่

"ในทางการเมืองคิดว่าอยู่ที่เดิมใครไม่มีความสุข ซึ่งผมต้องดีไซน์แนวทางการเมืองกันใหม่ ทั้งนี้โดยมารยาทผมขอโทษผู้บริหาร รทสช. หากทางการเมืองไม่ชัดเจน ผมจะไม่พูด แต่ขณะนี้ผมโฟกัสไปที่กลุ่มของพรรคโอกาสใหม่ เพราะเป็นพรรคที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่"

เมื่อถามถึงเหตุผลลึกๆ ที่จะย้ายไปคืออะไร นายสุชาติกล่าวย้ำว่า ขอโทษผู้บริหารพรรคที่ตนสังกัด ตนไม่ได้ทะเลาะไม่ได้มีปัญหา เป็นเรื่องเช่นกรรมการบริหารพรรคที่มีอำนาจมีบทบาทตามระเบียบของพรรค ซึ่งทั้ง 9 คนตนไม่รู้จักเลย แต่อนาคตทุกอย่างต้องผ่านการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรคที่มีน้ำหนักมากที่สุด ไม่มีความขัดแย้ง ตนเป็น สส.บ้านนอก ติดดิน ต่างจังหวัด มีช่องว่าง เพราะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้เป็น สส. ไม่ได้เป็นผู้แทนฯ จึงไม่รู้ปัญหา ทั้งนี้ไม่มีอะไรกับหัวหน้าพรรค ตนไม่ชอบในโครงสร้างมากกว่า

เมื่อถามว่า หากย้ายพรรคจะยังสนับสนุนรัฐบาลหรือไม่ นายสุชาติตอบทันทีว่า แน่นอน เราทำการเมือง เพื่อประชาชน เพื่อประเทศ ดังนั้นพรรคที่ตนจะสังกัดนโยบายและแนวทางพรรคต้องตรงกันเพื่อประเทศ บ้านเมือง สถาบันพระมหากษัตริย์ อะไรที่ผิดแปลกไปจากนี้อยู่ด้วยกันไม่ได้ ตนมี สส. 10 คน ที่เติมมามาจากกลุ่มของ สส.พิชชารัตน์ คือเป็นการหารือกัน ชวนมาคุยกัน 3-4 ขั้วถึงออกมาแบบนี้ ตนอยู่ตรงไหนพร้อมสนับสนุนรัฐบาลล้านเปอร์เซ็นต์ ขณะที่เสถียรภาพรัฐบาลมีเสถียรภาพสูงมาก เชื่อว่าอยู่ครบเทอม 

นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี พรรค รทสช. กล่าวว่า ยืนยันว่าจะไม่ย้ายพรรคไปไหน ยังอยู่ รทสช. กระแสข่าวที่ออกมาก็ว่ากันไป ตนไม่เข้าใจว่าทำไมมีชื่อตนอยู่ในกลุ่มด้วย ทั้งที่ไม่เคยแสดงออกว่าจะอยู่กับกลุ่มไหน ตนเป็นคนชัดเจน เมื่อเลือกมาทำงานกับพรรค รทสช.แล้ว เราก็ต้องช่วยกันประคับประคองบ้านหลังนี้ ต้องยอมรับว่ามี สส.ในพรรคบางคนเขาไม่พอใจการทำงานของนายพีระพันธุ์ เพราะทำตัวห่างเหิน ไม่รับฟังความเห็น สส. ท่านหัวหน้าควรเข้าถึงง่ายกว่านี้ ไม่ใช่มีใครคนนั้นคนนี้มาคอยกีดกันมาคอยยุแยงให้คนในพรรคทะเลาะกัน ถ้าท่านหัวหน้าปรับเปลี่ยนตัวเองมารับฟังปัญหาของ สส.บ้าง คิดว่า  รทสช.จะขับเคลื่อนได้ดีกว่านี้

 “อยากให้ท่านหัวหน้าปรับเปลี่ยนสักนิด ลงมารับฟังปัญหาสักหน่อย ทำเหมือนกันหัวหน้าพรรคอื่นที่เขารับฟังเสียงของ สส. ถ้าทำได้บรรยากาศจะดีขึ้น อยากให้หัวหน้าทำเหมือนที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ทำ คือรับฟังและคอยช่วยเหลือ สส.ทุกคน นี่ถ้าไม่มีเลขาฯ ชื่อเอกนัฏ พรรคพังไปนานแล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตมีโอกาสไปร่วมงานกับพรรคโอกาสใหม่หรือไม่ นายจิรวุฒิกล่าวว่า อนาคตตนตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้ยังอยู่ รทสช. ไม่หายไปไหน เรามาอยู่กับพรรคก็อยากอยู่ในครบวาระ หากพรรคมีบรรยากาศที่ดีตนก็อยู่ต่อ แต่หากบรรยากาศภายในพรรคยังเหมือนที่ผ่านมา ตนก็ต้องพิจารณาพรรคอื่น

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ กล่าวว่า ตนแค่ไปงานเลี้ยงสังสรรค์เท่านั้น และเพิ่งไปเป็นครั้งแรก ยืนยันว่ายังรักและเคารพ รทสช.เหมือนเดิม เพราะเป็นมรดกและมีดีเอ็นเอการทำงานมาจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ส่วนกระแสข่าวที่เกี่ยวกับพรรคใหม่นั้น ตนไม่มีความเห็นใดๆ เพราะในความเห็นของตนและเพื่อน สส.บางส่วนยังยืนยันไปในทางเดียวกันว่าไม่คิดย้ายพรรค และยังรัก สส.อยู่เหมือนเดิม

ด้านายธงชัย ลืออดุลย์ เลขาธิการพรรคโอกาสใหม่ กล่าวถึงกรณีนายสุชาติจะเข้าสังกัดพรรคโอกาสใหม่ว่า เท่าที่ทราบคนในพรรคโอกาสใหม่บางส่วนอยู่ระหว่างการพูดคุยกันอยู่ถึงรายละเอียดดังกล่าวกับทางนายสุชาติอยู่ แต่ไม่ได้คุยกับตนโดยตรง ตอนนี้อยู่ระหว่างคุยรายละเอียดกันอยู่ ส่วนจะเปิดตัวเข้ามาพรรคเมื่อไหร่  ยังไม่มีการกำหนดวัน ก็รู้แค่ว่ากำลังคุยกันอยู่เท่านั้น แต่ว่าทางเขาจะมาอย่างไร มากี่คน ตัวเลขยังไม่ชัวร์ โดยการทำพรรคโอกาสใหม่ตอนนี้ เปิดสาขาพรรคครบตามที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้แล้ว รวมถึงการหาสมาชิกพรรคโอกาสใหม่ก็ครบตามจำนวน ได้มาแล้วกว่า 24,000 คน ทุกอย่างก็มีความพร้อมหมดแล้ว

สำหรับนายธงชัย เป็นอดีตผู้ว่าฯ  นครราชสีมา อดีตผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ และอดีตผู้ว่าฯ บึงกาฬ ตอนเลือกตั้งปี 2562 ลงสมัคร สส.ระบบเขต พรรคชาติพัฒนา ที่มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นแกนนำ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

ปชน.ย้ำไม่ร่วมรัฐบาลยุคนี้

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณเสนอให้ยึดคืนกระทรวงมหาดไทย จะเป็นชนวนรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า อยู่ที่ฝั่งของทางรัฐบาลว่าเขาจะคุยและตกลงกันได้หรือไม่ และชนวนไม่ได้มีแค่เรื่องของกระทรวงมหาดไทย ที่จู่ๆ นายทักษิณก็ประกาศว่าจะขอคืน เพราะจริงๆ ก่อนหน้านี้มีชนวนรอยร้าวอีกหลายเรื่อง ตนคงไม่คิดว่านี่จะเป็นชนวนที่จะเป็นรอยร้าวที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ สุดท้ายคงอยู่ที่ตัวของนายกฯ ด้วยว่าจะสามารถควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ เพราะอำนาจสูงสุดของการควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลก็คืออำนาจในการยุบสภา หากควบคุมพรรคร่วมไม่ได้จริงๆ  อาจเป็นสิ่งที่นายกฯ ใช้ต่อรอง หากคุยกันไม่ได้ก็ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ แต่หากนายกฯ ยังไม่ได้ใช้ไพ่นี้ ก็เป็นสิ่งที่นายกฯ และ พท.ต้องพยายามที่จะควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลให้ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่นายอนุทินเคยให้สัมภาษณ์ว่าไม่ปิดทางที่จะจับมือกับพรรค ปชน.ในอนาคต หากมีนโยบายที่สามารถไปด้วยกันได้  นายณัฐพงษ์กล่าวว่า สิ่งที่นายอนุทินออกมาให้สัมภาษณ์เช่นนี้ ทั้งที่ยังไม่ได้คุยกับตนหรือใครในพรรค ปชน.มาก่อน แล้วให้ข่าวเช่นนั้น น่าจะเป็นการพยายามสร้างอำนาจต่อรองตัวเองกับ พท.มากกว่า และก่อนหน้านี้ตนก็พูดชัดเจนหลายรอบแล้วว่าในสภาชุดนี้ ปชน.จะไม่มีทางร่วมรัฐบาลแน่นอน

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวว่า ต้องขอบคุณทุกกลุ่มผู้ห่วงใยประเทศไทย ที่มองเห็นร่วมกันว่าประเทศกำลังจะกลายเป็นรัฐล้มเหลว (failed state) หากฝ่ายการเมืองยังทะเลาะเบาะแว้งกันไม่เลิก อยากให้นายกฯ ถือโอกาสนี้สร้างบรรทัดฐานให้กับนายกฯ คนต่อไป ด้วยการสร้างนวัตกรรมทางการเมืองขึ้นใหม่ โดยเลิกระบบโควตาพรรคร่วมรัฐบาลเด็ดขาด แล้วเสริมบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถในแต่ละสาขามาร่วมบริหารช่วยชาติในยามวิกฤต รู้จักเลือกใช้คนให้เป็น เช่นเดียวกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯ และรัฐบุรุษ 

  วันเดียวกัน “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนพฤษภาคม 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,168 คน ระหว่างวันที่ 26-30 พฤษภาคม 2568 โดยมีตัวชี้วัด 25 ประเด็นที่บ่งบอกถึงความเชื่อมั่นต่อการเมืองไทยในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละตัวชี้วัดจะมีคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนพฤษภาคม 2568 เฉลี่ย 4.70 คะแนน ลดลงจากเดือนเมษายน 2568 ที่ได้ 4.82 คะแนน

'หมอตุลย์' ปลุกหนุนแพทยสภา

ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุดคือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.29 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุดคือ สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวมและการแก้ปัญหาความยากจน เท่ากัน 4.31 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 40.87 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 50.79 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ เร่งแก้ปัญหาท่องเที่ยว ฟื้นฟูความเชื่อมั่น ร้อยละ 37.55 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบความไม่โปร่งใสของรัฐบาล ร้อยละ 48.62        

ขณะที่ นพ.ตุลย์ สทธิสมวงศ์ สมาชิกแพทยสภา ว.13796 ทำหนังสือเปิดผนึกถึงกรรมการแพทยสภา สื่อมวลชน และประชาชน ระบุว่า ในวันที่ 12 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ มีการประชุมของแพทยสภาครั้งสำคัญ เพื่อยืนยันมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พ.ค.68 ที่ถูกนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ใช้อำนาจสภานายกพิเศษยับยั้ง ซึ่งหากจะลงมติยืนยันต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด คือ 47 เสียง ฝ่ายที่ต้องการล้มมติคือฝ่ายทักษิณ ชินวัตร (ซึ่งไม่ใช่แพทย์ที่ถูกลงโทษ) จึงมีความพยายามใช้อำนาจที่มี กดดันกรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง ไม่ให้ร่วมประชุม ไม่ให้ส่งผู้แทน หรือเข้าประชุมแต่ไม่เห็นชอบกับมติเดิมเพื่อไม่ให้เสียงเห็นชอบถึงจำนวนที่กำหนด ในกรณีมีเหตุจำเป็นกรรมการแพทยสภาที่มาจากการเลือกตั้งไม่สามารถส่งตัวแทนเข้าประชุมได้ แต่กรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่งประกอบด้วยจาก ก.สาธารณสุข 3 ตำแหน่ง และ ก.กลาโหม 4 ตำแหน่ง (เจ้ากรมแพทย์ 3 และ ผอ.วิทยาลัยแพทย์พระมงกุฎเกล้า 1) และคณบดีคณะแพทย์ทั่วประเทศอีก 28 ท่าน สามารถส่งตัวแทนเข้าประชุมได้

"ผมขอเรียนต่อทุกท่าน ณ ที่นี้ว่า แพทยสภามีหน้าที่โดยชอบธรรมที่จะรักษามาตรฐานการรักษาและจริยธรรมของแพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทุกราย การประชุมในวันที่ 12 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ จึงมีความสำคัญยิ่ง กรรมการแพทยสภาทุกท่านควรเดินทางมาเข้าร่วมประชุม สำหรับกรรมการโดยตำแหน่ง หากไม่สามารถเข้าประชุมได้ ควรส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุม ผมและเพื่อนแพทย์ขอสนับสนุนให้ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ยืนยันมติเดิม เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน ในการรักษามาตรฐานของวิชาชีพแพทย์ และความน่าเชื่อถือของแพทยสภา อย่าปล่อยให้อำนาจภายนอกมาขัดขวางทำลายความน่าเชื่อถือและเกียรติภูมิของวิชาชีพแพทย์"

นพ.ตุลย์ระบุว่า ขอให้สื่อมวลชน และ ปชช.ทั้งหลายได้โปรดติดตาม และขัดขวางไม่ให้ผู้มีอำนาจ ใช้อำนาจจของตน ขัดขวางการทำหน้าที่ของกรรมการแพทยสภา และได้โปรดส่งเสียงสนับสนุนให้แพทยสภาทำหน้าที่ของตนให้เสร็จสมบูรณ์ให้จงได้ โดยไม่หวั่นไหวต่ออำนาจมืดใดๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ขอให้ชาวสตูลมั่นใจรัฐบาลไม่ทอดทิ้ง เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วม ช่วยเยียวยาให้เร็วที่สุด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่ โรงเรียนบ้านคลองขุด เพื่อมอบถุงยังชีพ 800 ชุด ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

'อนุทิน' ลงพื้นที่สตูล สั่งนายก อบจ. ทำประชาพิจารณ์รื้อประตูระบายน้ำ ถ้าไม่มีประโยชน์ก็เอาออก

นายกฯ ลงพื้นที่สตูล มอบถุงยังชีพ ขอชื่นชม ปชช. อดทนน้ำท่วม รับ เป็นความผิดรบ. หนีไม่ได้ ขอ ปชช. ให้อภัย บอกเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป ต้องมองไปข้างหน้า สั่ง นายกอบจ. ทำประชาพิจารณ์รื้อประตูระบายน้ำคลองมำบัง

นายกฯ คาดใช้เวลา 1 เดือน เคลียร์ขยะเมืองหาดใหญ่ กำชับยื่นรับเงินเยียวยาผ่านออนไลน์ต้องเร็วกว่านี้

นายกฯ เผยใช้เวลา 1 เดือนกำจัดขยะแสนกว่าตันเมืองหาดใหญ่ ย้ำไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ 100%ค กรอบฟื้นฟูต้องเร่งจาก 14 วันเหลือ 7 วัน เผยครม.อังคารนี้ เพิ่มวงเงินคนตกสำรวจสงขลาและใกล้เคียง เตรียมหาสินเชื่อระยะสั้น รายละ 1 แสนไม่คิดดอกเบี้ย พร้อมเร่ง คปภ. จ่ายค่าประกันภัย

นายกฯ สำรวจความเสียหายตลาดกิมหยง ให้กำลังใจ อส. บิ๊กคลีนนิ่งฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่

นายกฯ สำรวจความเสียหายตลาดกิมหยง ให้กำลังใจ อส.บิ๊กคลีนนิ่ง ชาวบ้านร้องลงทะเบียนเยียวยาออนไลน์ช้า ก่อนช่วยอุดหนุนตระกร้าหวายเปื้อนโคลน ติดดินนั่งฟุตบาทกินข้าวกล่องไข่ต้ม-แกงส้ม ร่วมกับ อส.

'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'

ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี