โฆษก สธ.โทษฝ่ายตรงข้ามปลุกผี “ระบอบทักษิณ” เหมือนปี 49 ทำให้แพทยสภาแปดเปื้อนกลิ่นคาวทางการเมือง ยัน "สมศักดิ์" วีโตมติชอบด้วยกฎหมาย ขู่แพทยสภาบางคนอย่าเล่นการเมืองจนเลยเถิด จะได้ไม่คุ้มเสีย "อดีต รมช.สธ." เตือนอย่าประมาทพลังล็อบบี้ ปลุกเป็นกำแพงหนุนแพทยสภา "อดีต สว." ดักคอ "ทักษิณ" อย่างัดมุกติดโควิดเบี้ยวขึ้นศาล 13 มิ.ย. "นิสิตเก่าจุฬาฯ-ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชรุ่น 99" ให้กำลังใจ ขอกรรมการแพทยสภายืนหยัดผดุงความยุติธรรมและความถูกต้อง ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง
เมื่อวันจันทร์ น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ยิ่งใกล้วันที่ 12 มิถุนายน ที่กรรมการแพทยสภานัดประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ ที่ได้ยับยั้งการลงโทษพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแพทย์ 2 ราย ก็ยิ่งมีกลุ่มบุคคลออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเป็นขบวนการหนักขึ้น มีการล่าชื่อแพทย์ออกแถลงการณ์เรียกร้อง กดดันเพื่อถอดถอนนายสมศักดิ์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี การขับไล่รัฐบาล ก่อเกิดสภาวะความเสี่ยงที่จะกระทบต่อองค์กรวิชาชีพแพทยสภา เพียงแค่ต้องการจะเล่นงานนายทักษิณ ชินวัตร ให้ได้ คำว่าระบอบทักษิณที่ฝ่ายตรงข้ามเคยใช้เป็นวาทกรรม จนนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อปี 2549 ก็ถูกขุดเอามาใช้โจมตีกันอีก ซึ่งเชื่อว่าคนไทยที่รักประชาธิปไตย และต้องการเห็นความกลมเกลียวจะไม่ยอมรับวิธีการเช่นนี้
น.ส.ตรีชฎากล่าวว่า นายสมศักดิ์ยื่นหนังสือให้มีการยับยั้งมติแพทยสภาที่ลงโทษนายแพทย์ 2 รายที่เกี่ยวกับกรณีนายทักษิณ ด้วยการพักการใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งหมายถึงไปตรวจรักษาคนไข้ไม่ได้เป็นเวลา 3 เดือนและ 5 เดือนนั้น เป็นการปฏิบัติไปตามอำนาจของสภานายกพิเศษ ที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 มาตรา 25 ไม่ใช่นายสมศักดิ์ใช้อำนาจตามใจชอบ เช่นเดียวกับกรรมการแพทยสภาที่มีอยู่ 69 คน หากยืนยันมติเดิมจะต้องใช้คะแนนโหวตให้ได้ 2 ใน 3 นั่นคือไม่น้อยกว่า 47 เสียง ซึ่งก็เป็นไปตาม พ.ร.บ.ฉบับเดียวกันนี้ แพทยสภาไม่สามารถลงโทษแพทย์ 2 รายได้ตามอารมณ์ของกรรมการแพทยสภาคนใดได้ ผลออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับไปตามนั้น
โฆษก สธ.กล่าวว่า เหตุผลในการวีโตหรือยับยั้งมติแพทยสภาเป็นความรอบคอบและถี่ถ้วนก่อนจะใช้อำนาจวีโต หลักสำคัญคือควรให้ความเป็นธรรมกับแพทย์ทั้ง 2 ราย ที่ยื่นคำร้องมาถึงนายสมศักดิ์ ว่าไม่ควรถูกลงโทษด้วยมาตรการที่รุนแรงขนาดนั้น มีแพทย์รายหนึ่งถูกมติแพทยสภาลงโทษตักเตือน เรื่องนี้นายสมศักดิ์ก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ แม้ว่าแพทยสภาจะเป็นองค์กรวิชาชีพอิสระ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำทุกอย่างได้โดยไม่มีกลไกถ่วงดุลตรวจสอบ กฎหมายจึงระบุให้สภานายกพิเศษมีอำนาจถ่วงดุลโต้แย้ง พร้อมกับระบุวิธีการไว้
“ขณะนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า แพทยสภากำลังแปดเปื้อนไปด้วยกลิ่นคาวทางการเมือง จากการถูกขบวนการฝ่ายตรงข้ามพยายามเคลื่อนไหวทุกวิถีทางเพื่อจะเล่นงานนายทักษิณให้ได้ ต้องการจะทำให้นายสมศักดิ์พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สำหรับแพทย์ 2 รายไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรเลย ถ้ากรรมการแพทยสภาลงมติใหม่ได้คะแนนไม่ถึง 47 เสียง การลงโทษพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมก็ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ เพราะมันรุนแรงเกินไป ขอแต่เพียงว่ากรรมการแพทยสภาบางคนอย่าเล่นการเมืองจนเลยเถิด อย่าเอาความอาฆาตแค้นส่วนตัวมาเป็นเครื่องมือเล่นงานฝ่ายตรงข้าม เพราะจะได้ไม่คุ้มเสีย” น.ส.ตรีชฎากล่าว
นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กให้กำลังใจแพทยสภาที่จะมีการประชุมในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เพื่อยืนยันมติการลงโทษทางจริยธรรมแพทย์ 3 คน ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ภายหลังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะสภานายกพิเศษ วีโตมติคณะกรรมการแพทยสภา ว่าอย่าประมาทพลังล็อบบี้โน้มน้าวของคนนี้ เขาเก่งที่สุดคนหนึ่ง ช่วยกันเป็นหลังพิง กำแพงความคิด กำแพงความถูกต้อง ให้กรรมการแพทยสภาทุกคนยืนยันมติเดิมในการประชุมวันที่ 12 มิ.ย.นี้ หลังสภานายกพิเศษ รมว.กระทรวงสาธารณสุข วีโตมติแพทยสภาลงโทษหมอ 3 คน ที่วินิจฉัยโรคเข้าทางคนอยากป่วยหนัก เพื่อไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายทักษิณยังอ้ำอึ้งเรื่องไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 13 มิ.ย.ว่า "11 เริ่มป่วยมีไข้ 12 ตรวจเจอโควิด 13 ขอใบรับรองแพทย์จาก รพ.9 ไม่สามารถมาพบศาลตามหมายเรียกได้ แผนหลอกเด็กแบบนี้ โดนหมายจับนะ รู้ทัน"
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์แถลงการณ์นิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า "ในนามของนิสิตเก่าแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีหลักแหล่งและหน้าที่การงานต่างๆ บนผืนแผ่นดินไทย พวกเราขอให้กำลังใจคณะกรรมการแพทยสภาทุกๆ ท่าน ได้โปรดยืนหยัดและยืนยันในมติอันเป็นไปตามหลักการ เพื่อผดุงความถูกต้อง ยุติธรรม รักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรี เกียรติยศและจริยธรรมของแพทย์ เป็นแสงแห่งความหวังในยามที่ชาติบ้านเมืองอยู่ในภาวะที่อ่อนแอและเปราะบาง"
"พวกเราขอชื่นชมที่คณะกรรมการแพทยสภามิยินยอมให้อำนาจและอิทธิพลใดๆ อยู่เหนือกฎหมาย ปฏิเสธการบงการให้ยอมรับในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และขัดต่อจริยธรรมของแพทย์ อันเป็นวิชาชีพที่ประชาชนชาวไทยทั้งปวงให้ความเชื่อถือศรัทธา พวกเราเหล่านิสิตเก่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังมีรายชื่อข้างท้ายนี้ ได้พร้อมใจกันร่วมลงนามเพื่อแสดงความขอบคุณ และเป็นกำลังใจแด่คณะกรรมการแพทยสภาทุกท่าน ไว้ ณ ที่นี้"
ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช รุ่น 99 จำนวน 111 คน ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า "ขอประกาศจุดยืนในการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมแพทย์ เพื่อส่งกำลังใจและสนับสนุนการตัดสินใจอันชอบธรรมของแพทยสภา ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ในฐานะสถาบันหลักและตัวแทนอันทรงเกียรติของวิชาชีพแพทย์ การรวมพลังครั้งนี้มิได้มีเป้าประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง แต่ตั้งมั่นอยู่บนเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ ที่จะเห็นแพทยสภาเป็นดั่งประทีปนำทาง ธำรงไว้ซึ่งมาตรฐานและจริยธรรมอันดีงาม พวกเราเชื่อมั่นว่าการยืนหยัดในหลักการและความถูกต้องของแพทยสภา จะเสริมสร้างพลังความเชื่อมั่น เป็นแสงแห่งความหวัง และเป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่ให้แก่สังคมไทยสืบไป".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


