เพื่อนซี้ทักษิณฉวยโอกาส! "ฮุน เซน" ปลุกยึดดินแดนไปจากไทย ขู่จะบานปลายกลายเป็นฉนวนกาซา สู้รบไม่มีวันจบ เผยสภานิติบัญญัติแห่งชาติและวุฒิสภา เขมรมีมติเห็นชอบเอกฉันท์ ตามแผน "ฮุน มาเนต" ยื่นข้อพิพาทชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยต่อศาลโลก ร่อนหนังสือประท้วงอย่างแข็งกร้าว ขณะที่ ผบ.หน่วยข่าวกรองไทยสั่ง "กองอาทมาต" เตรียมพร้อม ส่วนคนในรัฐบาลพร้อมใจกันหายหัว
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2568 สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติและวุฒิสภามีมติเห็นชอบด้วยคะแนนเสียง 182 เสียง ต่อแผนการดำเนินการของฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ในการยื่นข้อพิพาทชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทยต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก (ICJ)
นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน ยังออกแถลงการณ์เตือนให้ใช้ศาลโลกแก้ข้อพิพาทเขตแดนกัมพูชาและไทย ก่อนสถานการณ์บานปลายคล้ายความขัดแย้งในฉนวนกาซา และประกาศเลิก MOU 43
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นระหว่างการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมาธิการวุฒิสภาและสภาแห่งชาติกัมพูชาในช่วงเช้าวันนี้ โดยสมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า การที่กัมพูชาได้เชิญไทยให้เข้าร่วมเป็นภาคีในการยื่นเรื่องต่อ ICJ นั้น เป็นการดำเนินการอย่างสุภาพและมุ่งหวังให้ทั้งสองประเทศใช้แนวทางทางการทูตในการแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าว
“หากฝ่ายไทยยังคงหลีกเลี่ยงแนวทางนี้ ก็สะท้อนว่ามีบางสิ่งบางอย่างแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง” สมเด็จฮุน เซน กล่าว
ทั้งนี้ สมเด็จฮุน เซน ยังได้กล่าวถึงบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่ทั้งสองประเทศได้ลงนามร่วมกันเมื่อปี พ.ศ. 2543 ว่าในปัจจุบันไม่สามารถนำมาใช้ได้อีกต่อไป เนื่องจากตลอดเวลา 25 ปีที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขข้อพิพาท พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนจนเป็นเหตุให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต
“หากเราไม่ปล่อยให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน ปัญหานี้จะเหมือนฉนวนกาซาไม่มีวันจบสิ้น ทั้งการสู้รบเล็กหรือใหญ่จะเกิดขึ้นซ้ำๆ แล้วเหตุใดเราจึงต้องหวั่นเกรงต่อการขึ้นศาล หากเราบริสุทธิ์ใจ?” สมเด็จฮุน เซนกล่าว
เขายังอ้างว่า กัมพูชาไม่มีความประสงค์จะล่วงล้ำดินแดนของประเทศอื่น และเพียงต้องการรักษาเขตแดนที่ได้รับการสืบทอดจากยุคอาณานิคมฝรั่งเศสและดำรงไว้ในรัชสมัยของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ “สิ่งที่เรามีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด เราจึงต้องปกป้องมันไว้” เขากล่าวเสริม
อดีตนายกฯ กัมพูชายังระบุว่า หากเกิดความรุนแรงขึ้น กัมพูชาจะยื่นเรื่องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เพื่อขอให้แทรกแซงในทันที กัมพูชาจะดำเนินการนำข้อพิพาทดังกล่าวเข้าสู่ ICJ ไม่ว่าฝ่ายไทยจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยแม้จะยังคงมีการเจรจาผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) อยู่ แต่ก็ขอให้ทั้งนักการเมืองและประชาชนกัมพูชาร่วมกันสนับสนุนกองทัพ
เขมรประท้วงแข็งกร้าว
มีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาส่งหนังสือผ่านสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ มายังกระทรวงการต่างประเทศและรัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 29 พ.ค. โดยอ้างอิงถึงเหตุการณ์ความรุนแรงด้วยอาวุธปืนที่ชายแดน กัมพูชา-ไทย แจ้งให้ฝ่ายไทย ดังนี้
1.เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 เวลา 05.30 น. กองกำลังไทยได้เปิดฉากยิงอย่างผิดกฎหมายในสนามเพลาะที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอโจมคซาน จังหวัดพระวิหาร ประเทศกัมพูชา ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
2.รัฐบาลกัมพูชาขอเน้นย้ำว่า กองกำลังทหารกัมพูชา ได้ประจำการอย่างต่อเนื่องและสันติในที่นี้มาเป็นเวลานาน ก่อนการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2543
3.รัฐบาลกัมพูชาขอประท้วงอย่างแข็งกร้าว ต่อการโจมตีด้วยอาวุธปืนอย่างไม่มีเหตุผลโดยทหารไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา และการละเมิดเจตนารมณ์ของมิตรภาพและความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ดังที่สะท้อนให้เห็นในบันทึกความเข้าใจ พ.ศ. 2543
4.รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้โดยทันทีและทั่วถึง และให้นำตัวผู้ที่รับผิดชอบต่อการกระทำอันร้ายแรงและผิดกฎหมายนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
5.อย่างไรก็ตาม กัมพูชายังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างเต็มที่ และแก้ไขปัญหานี้และปัญหาชายแดนทั้งหมดโดยสันติวิธีและทางการทูต โดยใช้กลไกที่มีอยู่ รวมทั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เพื่อสร้างชายแดนแห่งสันติภาพ ความร่วมมือ และมิตรภาพกับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ
กระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ขอใช้โอกาสนี้เพื่อย้ำคำมั่นต่อสถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงพนมเปญว่าจะให้ความสำคัญสูงสุดต่อเรื่องนี้
รัฐบาลไทยหายหัว!
มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลไทยขอให้กองทัพใช้ความอดทนอดกลั้นต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังพบว่ากัมพูชาเพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าพื้นที่ช่องบก เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ แต่ทหารกัมพูชาล้ำเข้ามาฝ่ายไทย พร้อมหันกระบอกปืนใหญ่เข้าหาฝ่ายไทย
โดยทางกองทัพได้แจ้งไปยังรัฐบาลว่า จุดที่ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามานั้นเป็นพื้นที่ฝ่ายไทย ทำให้เกิดความไม่สบาย จึงขอประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว เพื่อกดดันและตอบโต้ทางฝ่ายกัมพูชา เพราะหากนิ่งเฉยเท่ากับเป็นการยอมรับ แต่ทางรัฐบาลได้ขอให้กองทัพอย่าเพิ่งดำเนินการใดๆ เพราะกังวลว่าจะกระทบต่อการค้าขายตามแนวชายแดน และซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศไทย อีกทั้งขณะนี้กำลังจะมีการประชุม JBC
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่าก่อนหน้านี้ภายหลังมีกระแสข่าวไทยเตรียมปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ได้โทร.หานายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ร้องขออย่าให้ไทยปิดด่าน นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้ให้นายภูมิธรรมมาพูดคุยกับกองทัพ
สำหรับท่าทีรัฐบาลไทยนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามสอบถามในกลุ่มไลน์ส่งข่าวของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่ารัฐบาลไทยจะมีท่าทีหรือแถลงการณ์ใดๆ ต่อสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชาในขณะนี้หรือไม่ แต่กลับไม่มีการชี้แจงใดๆ จากทางรัฐบาลแต่อย่างใด ทั้งนี้ยังต้องจับตาการชี้แจงจากฝ่ายรัฐบาลต่อไป
ต่อมาช่วงค่ำ เวลา 11.00 น. (ตามเวลาที่ฝรั่งเศส) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มิ.ย. โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กัมพูชาจะนำข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกับไทยไปขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ว่า เป็นสิทธิของกัมพูชาที่จะดำเนินการได้ตามความต้องการ ขณะเดียวกันก็เป็นสิทธิของไทยที่จะตัดสินใจในท่าทีของตนเอง โดยได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศกำหนดยุทธศาสตร์และมาตรการของไทย เพื่อใช้ในการเจรจาอย่างรอบด้านทั้งในระดับทวิภาคีและในกลไกระหว่างประเทศ
นายมาริษกล่าวว่า กลไก JBC ถือเป็นเวทีสำคัญในการลดความตึงเครียดและหารือการจัดการเส้นเขตแดนระหว่างสองประเทศ ประเทศไทยได้ประสานกับกัมพูชาเพื่อขอให้มีการจัดประชุม JBC โดยเร็วที่สุด หากกัมพูชายังไม่พร้อม ประเทศไทยก็พร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอง และเมื่อเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ จะเรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศเพื่อกำหนดท่าทีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ปัญหาปัจจุบันคือ การทำอย่างไรที่จะอยู่ร่วมกันในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่ได้เป็นการชี้ชัดว่าควรเป็นดินแดนของใคร ในลำดับแรกจึงถอยห่างจากจุดปะทะ และให้คณะกรรมาธิการ JBC มาดูในเป็นเรื่องปักปันเขตแดนหรือกฎหมาย ข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะที่ ทบ.นำโดย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ไปพูดคุยกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผบ.ทบ.กัมพูชา มีความเห็นตรงกัน 3 ประเด็น คือ การถอยกำลังออกจากพื้นที่จุดปะทะ และการใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหาเรื่องเขตแดน เรื่องสนธิสัญญาและข้อปฏิบัติตามเอ็มโอยู ซึ่งจะระมัดระวังดูแลกำลังพล พยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นกันอีก ด้วยมีกติกาข้อตกลงที่ใช้กันมาก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุที่เส้นแบ่งเขตแดนในแผนที่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายอ้างอิงใช้เป็นคนละฉบับ ทำให้เส้นเขตแดนไม่ได้ทับเป็นเส้นเดียวกัน จึงทำให้เกิดแก๊ป (Gap) เป็นพื้นที่ทับซ้อนกัน อย่างกรณีพื้นที่จุดปะทะ ที่เห็นชัดมีการวางกำลังและมีการขุดคูเลต ก็เป็นพื้นที่ที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนนี้
พวกเราคือกองอาทมาต
ซึ่งที่ผ่านมามีกติกาข้อตกลงที่สามารถใช้ร่วมกันมาได้ตลอด เช่นการไม่ดัดแปลงสภาพภูมิประเทศ ต้องไม่มีการวางกำลังทางทหาร ในลักษณะเอาปืนวางหันหน้าใส่ไทย เราจึงต้องมาร่วมกันรักษากติกาข้อตกลงที่ให้ไว้ต่อกันให้ได้ ก่อนที่จะไปใช้กลไกอื่นๆ
ส่วนกรณีที่สมเด็จฮุน เซน โพสต์ภาพและข้อความอ้างสิทธิ์พื้นที่สามเหลี่ยมมรกต พล.ต.วินธัยกล่าวว่า น่าจะเป็นพื้นที่ใกล้ศาลาตรีมุข และไม่ใช่พื้นที่จุดที่เกิดเหตุการปะทะกัน ซึ่งตรงจุดปะทะนั้นจะมีสภาพพื้นที่เป็นป่า ไม่เคยพบว่ามีชาวบ้านหรือทหารกัมพูชามาประจำอยู่ จากหลักฐานภาพถ่าย ชัดเจนว่าเหมือนเพิ่งมาขุดคูเลตเพื่อใช้ทำกิจกรรมทางทหารกันไม่นานมานี้ ไม่ใช่ขุดอยู่กันมาเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว
ขณะที่ พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.) สั่งการให้กองพันข่าวกรองทางทหาร ทำการตรวจสภาพความพร้อมรบของกองร้อยข่าวกรองทางทหาร เพื่อเตรียมความพร้อมของกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ให้พร้อมสำหรับรองรับภารกิจจากกองทัพบก โดยกองร้อยข่าวกรองทางทหารมีภารกิจหลักในการรวบรวมข่าวสาร และเฝ้าตรวจสนามรบ สนับสนุนให้แก่หน่วยดำเนินกลยุทธ์
ทั้งนี้ พล.ต.ธีรนันท์ได้ให้โอวาทกำลังพลตอนหนึ่งว่า "พวกเราคือ กองอาทมาต ที่สืบสานการทำหน้าที่มาตั้งแต่โบราณกาล ขอให้เราภูมิใจในการเป็นทหารการข่าว ทำหน้าที่รวบรวมข่าวสาร ในอดีตกองอาทมาตมีความสามารถในการสอดแนม จารกรรม รวบรวมข่าวสาร มีคาถาอาคม วันนี้ถึงแม้เราจะไม่มีคาถาอาคม แต่เรามีเครื่องมือพิเศษ เรามีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความทันสมัย เพราะฉะนั้น พวกเราคือหูและตาแห่งสนามรบ ขอพวกเรา เป็นตาที่คมเหมือนเหยี่ยว เป็นหูที่ไวเหมือนนกเค้าแมว”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอวรงค์' มองภาพ 'เบนสมิธ' ร่วมวง 'ทักษิณ-ธรรมนัส' น่ามีผลต่อปท. มากกว่ารูปเก่า 'อนุทิน'
ภาพที่มีเบน สมิธกับทักษิณ และมีธรรมนัส น่าจะมีน้ำหนักสร้างผลกระทบต่อประเทศชาติมากกว่า เมื่อเทียบกับภาพเมื่อ 10 ปีที่แล้วของนายอนุทิน แต่สิ่งที่นายอนุทินต้องพิสูจน์ อาจจะมีบางสิ่งบางอย่างผ่านมาทางธรรมนัสก็ได้
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง

