"กัมพูชา" ออกแถลงการณ์ ยื่นศาลโลกตัดสิน 4 พื้นที่พิพาท ถก JBC 14 มิ.ย. คุยแค่สัมพันธ์ชายแดน "ทัพเรือเขมร" วางคิว 11-13 มิ.ย. โชว์แสนยานุภาพซ้อมยิงกระสุนจริงบนฐานทัพ "รัฐบาลไทย" ออกแถลงการณ์ฉบับ 2 ยันไม่ยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ขอใช้กลไกทวิภาคีพูดคุย ลั่นไม่ต้องการเห็นการสูญเสียทั้งสองฝ่าย "นายกอิ๊งค์" ย้ำยึดสันติวิธี เคารพในอธิปไตยกันและกัน ลั่นคุยกันแค่จุดกระทบกระทั่งไม่ขยายประเด็นปัญหาอื่น "ภูมิธรรม” ชี้กัมพูชาล้ำพื้นที่โนเเมนแลนด์ บอกไทยมีหลักฐานประท้วงตลอด ยันถก JBC 14 มิ.ย.ไม่เปลี่ยนแปลง คุยเฉพาะพื้นที่ช่องบก ฮึ่มหากเจรจาไม่เป็นผลพร้อมปิดด่าน จับตา "สมช." ถก 6 มิ.ย. ออกมาตรการตอบโต้ "คปท." แห่ให้กำลังใจกองทัพ
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 มีรายงานว่า รัฐบาลกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์เป็นภาษาอังกฤษ 1 ฉบับ ลงวันที่ 4 มิ.ย. ประเด็นหลักในแถลงการณ์ครั้งนี้มี 4 เรื่องสำคัญ 1.กัมพูชาจะไม่นำข้อพิพาทเรื่องพรมแดนช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด และตากระเบย หรือปราสาทตาควาย ไว้ในวาระการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการกำหนดเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย หรือ JBC ที่จะจัดขึ้นในเร็วๆ นี้ เนื่องจากกัมพูชาได้ตัดสินใจส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ แล้ว เพื่อให้ได้แนวทางแก้ไขที่ยุติธรรม เป็นกลาง และยั่งยืน
กัมพูชาหวังว่า ประเทศไทยจะให้ความร่วมมือในการส่งต่อกรณีนี้ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศร่วมกัน โดยคำนึงถึงความยุติธรรม การสร้างความไว้วางใจ มิตรภาพระยะยาว และความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถให้ความร่วมมือได้ กัมพูชาพร้อมที่จะดำเนินการอย่างอิสระ โดยพื้นที่ทั้ง 4 แห่งมีความอ่อนไหวมาเป็นเวลานาน และอาจสร้างความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไข การตัดสินใจครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเป็นเอกฉันท์จากการประชุมร่วมครั้งแรกของรัฐสภาและวุฒิสภากัมพูชาในวันเดียวกัน
2.ในส่วนการประชุมทวิภาคี ซึ่งก็คือการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยการกำหนดเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) นั้น รัฐบาลกัมพูชายังคงมุ่งมั่นในการเจรจาและดำเนินการทางการทูต และจะยังคงเป็นเจ้าภาพการประชุม JBC ครั้งต่อไปในวันที่ 14 มิถุนายน 2025 ที่กรุงพนมเปญ
3.รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาทุกคนติดตามประเด็นนี้ด้วยความสงบและยับยั้งชั่งใจ อย่าทำให้กลายเป็นเรื่องของความรู้สึกทางชาติพันธุ์ หรือชาตินิยม เราเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์ในระดับปกติกับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการค้า การท่องเที่ยว และความร่วมมือในวงกว้าง เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาชนของเรา
4.รัฐบาลกัมพูชาขอให้ระลึกไว้ว่า ช่วงเช้าของวันที่ 28 พ.ค.2025 เวลาประมาณ 05.30 น. ที่เกิดเหตุการณ์ที่ทหารของกองทัพไทยเปิดฉากยิงใส่จุดที่กองทัพกัมพูชาประจำการที่หมู่บ้าน Techo Morokot จังหวัดพระวิหาร เป็นพื้นที่ที่ได้รับการยอมรับมานานว่า เป็นฐานทัพของกัมพูชา การปะทะกันครั้งนี้ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตไปอย่างน่าเศร้าใจ
นอกจากนี้ พล.ร.ท.เตีย โซะคา ผู้บัญชาการทหารเรือกัมพูชา (ผบ.ทร.กพช.) ได้โพสต์ข้อมูลแจ้งการฝึกทางทะเล โดยซ้อมยิงกระสุนจริง ห้วงวันที่ 11-13 มิ.ย.68 บริเวณเกาะปูลูไว เกาะตัง ซึ่งอยู่ในพื้นที่เกาะพระสีหนุ ประกาศของกองทัพเรือกัมพูชา ลงวันที่ 3 มิ.ย.68 จึงขอให้ประชาชนและชาวประมงมีความระมัดระวัง และอย่าเกิดความตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเสียงปืนและคลื่นแรง รวมทั้งให้เลี่ยงเส้นทางเดินเรือ หรือตกปลาในบริเวณดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฝึกครั้งคาดว่ามีเรือรบจีนร่วมด้วย โดยจำลองเหตุการณ์ผู้รุกล้ำน่านน้ำกัมพูชา เพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธการทางเรือ และเป็นที่น่าสังเกตว่ากองทัพเรือกัมพูชางดการฝึกยิงด้วยการยิงกระสุนจริง 2 ปีแล้ว โดยคาดว่าการฝึกครั้งนี้เป็นแผนการฝึกที่วางไว้ต่อเนื่องจากการฝึกโกลเดนดรากอน ซึ่งปัจจุบันเรือรบจีน 2 ลำ ของจอดที่ฐานทัพเรือเรียมเมื่อกลางปี 67 แล้วมีการออกไปฝึกในพื้นที่ทางทะเลของกัมพูชามาตลอด
การฝึกครั้งนี้เป็นการแสดงกำลังและความพร้อมของกองทัพเรือกัมพูชา เพื่อสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชา ที่มีท่าทีในการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายออกมาแสดงความรักชาติ อีกทั้งแสดงให้เห็นว่า กองทัพเรือกัมพูชามีความพร้อม และมีการพัฒนาขีดความสามารถทางทะเลให้ทางประชาชนของตนเอง
ยึดกลไกทวิภาคีไม่รับศาลโลก
ต่อมาเวลา 17.00 น. รัฐบาลไทยได้ออกแถลงการณ์เป็นฉบับที่ 2 กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา เนื้อหาระบุว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณช่องบกเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นผลจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2568
ตามที่กัมพูชาแสดงความตั้งใจที่จะใช้กลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) นั้น ไทยไม่ได้ประกาศยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายมีกลไกทวิภาคีในการจัดการประเด็นชายแดนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรก สิ่งที่สำคัญคือ ทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ซึ่งจะสร้างความซับซ้อนมากขึ้น
ประเทศไทยไม่ต้องการเห็นฝ่ายใดได้รับความสูญเสีย ไทยและกัมพูชามีกลไกเรื่องเขตแดนอยู่แล้ว ซึ่งกลไกดังกล่าว โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ในช่วง 26 ปีที่ผ่านมา มีความคืบหน้าในหลายพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด ดังเช่นในกรณีของสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) และการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี
ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.2568 และหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะแสดงถึงความปรารถนาเช่นเดียวกันในการร่วมมือกับไทยในลักษณะที่สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันของเราในสันติภาพ เสถียรภาพ และการเคารพซึ่งกันและกัน
ก่อนหน้านั้น เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ พร้อมนางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กระทั่งเวลา 16.00 น. นายกฯ เดินทางออกจากทำเนียบฯ
เวลา 16.50 น. น.ส.แพทองธารโพสต์เฟซบุ๊กและทวีตผ่าน X ระบุว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานีอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน
ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่าประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ”
อ้วนรับเขมรล้ำโนแมนแลนด์
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบกัมพูชารุกล้ำเขตแดนในพื้นที่อ้างสิทธิ์ 200 เมตร ว่าอยู่ในระหว่างการใช้กลไก JBC ในการจัดการ ซึ่งปัญหาอยู่ในพื้นที่ของการกำหนดแต่ละฝ่าย มีจุดที่ทับซ้อนกันอยู่ ซึ่งเรากำหนดเป็นโนแมนแลนด์
"ยอมรับมีการล้ำเข้ามาในจุดดังกล่าว แต่ไม่ใช่เกินเข้ามาในเขตแดน ซึ่งละเมิดข้อตกลง JBC ในข้อ 5 ผมเชื่อว่ากลไก JBC จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่หากเขาไม่ยอมรับจะเป็นปัญหา การที่กัมพูชาเข้ามาในพื้นที่โนแมนแลนด์ ถือว่าเป็นการละเมิดข้อตกลง แต่ยังไม่ใช่เป็นการบุกแผ่นดินไทย เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นปัญหาชายแดนที่ยังถกเถียงกันไม่จบ ย้ำว่าใช้กลไกสันติวิธีระหว่างประเทศ ผ่านการเจรจาในการแก้ปัญหา แต่ไม่ใช่เป็นการยอมแต่อย่างใด" นายภูมิธรรมกล่าว
รองนายกฯ ยืนยันว่า กองทัพมีความพร้อม มีการเตรียมการเป็นอย่างดีไม่ต้องห่วง โดยเฉพาะมีหลักฐานของการยื่นประท้วงของกองกำลังสุรนารีทุกครั้ง ทุกอย่างที่มีการประท้วงไปแสดงว่าเราไม่ได้มีการยอมรับในการเจรจา ซึ่งการใช้วิธีเจรจาไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมศิโรราบ
ถามว่าบริเวณชายแดนปกติมีกฎอัยการศึกอยู่แล้วใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า แล้วแต่จุด อยู่ที่แม่ทัพภาคที่ 2 พิจารณาว่าจะประกาศหรือไม่ และเขาทราบอยู่แล้วว่าถ้าถึงจุดนั้นต้องทำอย่างไร
ซักว่ามีการเรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แล้วนายกฯ เรียกประชุมวงอื่น ทำให้เหล่าทัพรอเก้อ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เนื่องจากเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.ก็ไปกับตน ซึ่งเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ตนได้มีการสั่งประชุม สมช.ชุดเล็ก เพื่อให้พิจารณาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา และวันนี้จะสรุปรายงานส่งมาที่ตน
"ผมได้สั่งการไปแล้วว่า สมช.ในฐานะฝ่ายนโยบายจะต้องประชุมกันตลอดในช่วงนี้ เพื่อให้ฝ่ายนโยบายกับฝ่ายปฏิบัติการสอดคล้องกัน และหากมีการปิดด่าน สมช.จะต้องเป็นผู้พิจารณาโดยตรง แต่หากมีการประกาศกฎอัยการศึก อำนาจอยู่ที่แม่ทัพภาคที่ 2" รองนายกฯ กล่าว
ต่อมานายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์อีกครั้ง หลังกัมพูชาออกแถลงการณ์ไม่เข้าร่วมประชุม JBC ในวันที่ 14 มิ.ย.ว่า เวลาอ่านแถลงการณ์ต้องอ่านให้ครบถ้วน ในแถลงการณ์ระบุว่า 4 ปราสาท จะไม่นำเข้ามาประชุมใน JBC ซึ่งไม่มีประเด็นที่จะพูดคุยเรื่องนี้อยู่แล้ว และตนพูดชัดเจนแล้วว่าจะไม่เอาเรื่องอื่นมาคุย จะคุยแค่เรื่องพื้นที่นี้อย่างเดียว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น เราจะคุยเฉพาะจุดที่เป็นปัญหา
"เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย การประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.ยังคงเหมือนเดิม ยืนยันไม่มีปัญหาอะไร เรายังคงยึดมั่นในกรอบของเรา ศาลโลกไม่มีอำนาจในการบังคับเรา ซึ่งในแถลงการณ์กัมพูชาไม่ได้ระบุว่าจะไม่คุยในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี บอกแล้วว่าเราจะไม่มีการขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ เป็นการยืนยันมาตั้งแต่ต้น อยากพูดคุยตรงที่เป็นประเด็นจริงๆ" นายภูมิธรรมกล่าว
ถามว่า ท่าทีกัมพูชาต้องการนำเรื่อง 4 ปราสาทและพื้นที่สามเหลี่ยมมรกตขึ้นศาลโลกเท่านั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ไม่มีอะไรหนักหนา แต่ละคนต่างตรึงกำลังและทำหน้าที่ และรอว่าสถานการณ์จะจบอย่างไร แต่หากสถานการณ์ไม่จบดี จะทำให้เกิดความตึงเครียด ซึ่งจะต้องมีมาตรการต่อไป โดยเราได้เตรียมมาตรการได้แล้ว ขอให้มั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่ และระหว่างกลไก JBC ก็มีการพูดคุยอยู่ตลอดเวลา หากคุยแล้วประเมินว่าจะต้องเพิ่มมาตรการก็จะเพิ่ม
ซักว่ามาตรการตอบโต้ของไทยจะมีอะไรมากกว่าการปิดด่านชายแดนหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอให้รอความชัดเจนวันที่ 6 มิ.ย. เรายืนยันจุดยืนเรา
สมช.ถกมาตรการตอบโต้ 6 มิ.ย.
ถามว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้มีการรายงานเกี่ยวกับการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) 27-28 มิ.ย.นี้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ได้คุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 หากมีอะไรกลไกที่สามารถดำเนินการได้ และผลเป็นอย่างไรให้สรุปรายงานมา ขณะนี้ทุกคนทำหน้าที่ตามกลไกที่มีอยู่ และกระทรวงการต่างประเทศก็กำลังประชุมอยู่ว่าสถานการณ์ที่ออกมาในขณะนี้เราควรมีท่าทีอย่างไร ซึ่งตนได้คุยกับปลัดกระทรวงการต่างประเทศแล้ว
นายธิติวัฐ อดิศรพันธ์กุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า นายภูมิธรรมจะเรียกประชุม สมช.ด่วน ในวันที่ 6 มิ.ย. เวลา 10.00 น. เพื่อสรุปมาตรการตอบโต้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน พร้อมย้ำจุดยืนรัฐบาลและกองทัพพร้อมปกป้องอำนาจอธิปไตยและดินแดนของไทยอย่างเต็มที่
มีรายงานว่า สมช.เตรียมจะตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อติดตามและประสานการปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อติดตามการปฏิบัติงานระหว่างฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติ โดยมีนายฉัตรชัย บางชวด เลขาฯ สมช. เป็นประธานกรรมการชุดดังกล่าว โดยคณะกรรมการจุดดังกล่าวจะเริ่มการประชุมในวันที่ 6 มิ.ย. และจะสรุปข้อมูลเสนอนายภูมิธรรม เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนอีกครั้ง
ที่ค่ายสุรสิงหนาท จังหวัดสระแก้ว นายภูมิธรรม พร้อมด้วย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม, พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก และคณะ ได้เข้าร่วมหารือกับ พล.อ.เตีย เสฮา รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา และคณะ โดยทั้งสองฝ่ายต่างจับมือสร้างสัมพันธ์และหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาระหว่างสองฝ่าย
วันเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ เดินทางไปที่กระทรวงกลาโหม เพื่อแสดงจุดยืนพร้อมทั้งเรียกร้องให้นายภูมิธรรมเร่งแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้เกิดความสงบเรียบร้อยโดยเร็ว โดยเสนอให้ใช้กลไก สมช. ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลด้านความมั่นคงโดยตรง มีบทบาทขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาให้มากกว่านี้
"นายภูมิธรรมอาจจะเกรงใจความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างสองครอบครัว และระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร และสมเด็จฮุน เซน อยู่หรือไม่ แต่สถานการณ์ชายแดนวันนี้ ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว แต่เป็นความขัดแย้งที่อาจจะบานปลาย จึงมองว่าไทยต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจนมากกว่านี้" แกนนำ คปท.ระบุ
นอกจากนี้ คปท.เรียกร้อง รมว.กลาโหมให้อำนาจกองทัพตัดสินใจในพื้นที่ชายแดนมากกว่านี้ ซึ่งที่ผ่านมากองทัพได้เสนอมาตรการแก้ไขปัญหาชายแดนจากเบาไปหาหนัก เช่น ข้อเสนอความปิดด่านชายแดน แต่ไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก พร้อมทีมโฆษก ทบ. เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือจาก คปท. พร้อมขอขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจทหารในการปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตย ซึ่ง ผบ.ทบ.ยืนยันที่จะบังคับบัญชาและกำกับดูแลให้กำลังพลทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ภายใต้กลไกที่มีอยู่ในระบบเพื่อปกป้องอธิปไตย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) ได้สั่งการให้กองพลรบพิเศษที่ 1 เตรียมความพร้อมเพื่อสนับสนุนภารกิจกองทัพบก ในการใช้กำลังทางด้านทิศตะวันออกที่สถานการณ์ความขัดแย้ง
ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงท่าทีรัฐบาลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่เป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ กัมพูชาพูดชัดเจนว่าเขาถือเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นใหญ่ คำถามที่สำคัญคือเราจะถือเอาประโยชน์ตรงไหน ต้องสร้างความชัดเจน
"เชื่อว่ารัฐบาลยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ เราหวังว่าจะสร้างความชัดเจน ถือเป็นการติเพื่อก่อ อยากให้ใช้กลไกที่เรามีแก้ปัญหาเรื่องนี้ อย่าไปมองแค่กรอบ JBC การทูตไม่ได้หมายความว่าต้องคุยกับแค่ประเทศกัมพูชา แต่ต้องไปพูดคุยกับประเทศที่สามารถคุยกับประเทศกัมพูชาได้ด้วย" นายรังสิมันต์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง


