‘ภท.’ ชง2สูตรปรับครม. ปัดข่าวดินเนอร์ ‘รทสช.’

“อนุทิน” ลั่นปรับ ครม.ต้องถกในระดับหัวหน้าพรรคก่อน หึ่ง “สส.ภูมิใจไทย” ชง 2 สูตร รื้อใหญ่ขอแลก “คมนาคม” กับยึด “กษ.-พณ.”  ด้าน “เด็ก ปชน.” ล่าชื่อ สส. ยื่นศาล รธน.ถอดถอน  "พิเชษฐ์" สัปดาห์หน้า ปมตั้งงบอบรมสัมมนาโยกลงพื้นที่ตัวเอง

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวหลุดจาก รมว.มหาดไทย ไปนั่ง รมว.ศึกษาธิการ ว่าขณะนี้ตนอยู่เจนีวา มาประชุมเรื่องลดความเสี่ยงอุบัติภัย ยังไม่ได้พูดคุยหรือมีการติดต่อจากใครในเรื่องนี้เลย เพราะฉะนั้นคิดว่าเราต้องฟัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เพราะเรื่องการหารือโครงสร้างใดๆ ของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องมีการหารือในระดับหัวหน้าพรรค ตอนนี้นายกฯ ไม่ได้เรียกประชุมใดๆ ทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าข่าวที่ระบุออกมาว่าพรรค ภท.ยอมแล้ว ไม่ใช่ข้อเท็จจริง นายอนุทินตอบว่า ยังไม่มีการคุย ยังไม่มีการติดต่อ ยังไม่มีการเกริ่นนำใดๆ ทั้งสิ้น ตนพบนายกฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไม่ได้คุยอะไร คุยแต่เรื่องงาน ยังลามาประชุมภัยพิบัติ มาแสวงหาความร่วมมือจากประเทศต่างๆ มีเรื่องที่ควรจะคุยและเป็นประโยชน์กับประชาชนต่อประเทศไทยตั้งเยอะแยะ ทุกคนมาทำงานกัน เป็นประโยชน์และเป็นศักดิ์ศรีของประเทศไทย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องระบบการเตือนภัย เป็นสิ่งที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เรามาพูดว่าเรามีระบบเซลล์บรอดแคสต์ และกำลังพัฒนาให้ละเอียดมากกว่านี้

วันเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า สส.พรรค ภท.ได้พูดคุยกันถึงกระแสข่าวปรับ ครม. กรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องการเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย โดยจะนำข้อหารือไปเสนอนายอนุทินในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อไปเจรจากับหัวหน้าพรรค พท.และพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ คาดว่าการเจรจาจะมีขึ้นภายในเดือน มิ.ย.นี้

รายงานระบุว่า ข้อเสนอแบ่งเป็น 2 สูตร จำนวน 8 ตำแหน่ง สูตรที่ 1 ตำแหน่งรองนายกฯ รมว.คมนาคม รมว.สาธารณสุข และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นข้อเสนอแรกในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งข้อเสนอนี้ พรรค ภท.ยอมลดรัฐมนตรีว่าการ 1 ตำแหน่ง แต่มีเงื่อนไขกำกับดูแลการบริหารทั้ง 3 กระทรวง 100% โดยรัฐมนตรีของพรรค ภท. 7 คน จะรับผิดชอบ 3 กระทรวง

หรือสูตรที่ 2 รองนายกฯ กำกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.พาณิชย์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยพรรค ภท.รับงานเศรษฐกิจ ดูแลเกษตรกร การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และงานพัฒนาและแก้ปัญหาระบบน้ำทั้งระบบ ซึ่งพรรคมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ทำงานได้ทันที ทั้งนี้ ยังต้องการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุน และนำการทำงานยกระดับภาคเกษตรให้ก้าวทันเทคโนโลยีมากที่สุด

นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และสมาชิกพรรค พท. กล่าวว่า เชื่อว่าการปรับ ครม.ในครั้งนี้ไม่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างแน่นอน เพราะพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็ยอมรับตรงกันว่าเป็นอำนาจของนายกฯ   จึงมั่นใจว่ารัฐมนตรีทุกท่านจากทุกพรรคย่อมพร้อมที่จะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาและตอบสนองความต้องการของประชาชน

วันเดียวกัน ที่อาคารอนาคตใหม่ นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงยื่นเรื่องถอดถอนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1  ว่าในช่วงก่อนการจัดทำพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 นายพิเชษฐ์มีความตั้งใจจะนำงบประมาณแผ่นดินไปแจกจ่ายให้กลุ่มเป้าหมาย หรือฐานเสียงที่สนับสนุนตัวเอง ในรูปแบบการแจกทุนหรือเงินสนับสนุนโครงการ จึงได้มอบหมายให้ที่ปรึกษายกร่างทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวม 443 ล้านบาท ทำให้ฝ่ายข้าราชการเกิดความหนักใจ จึงได้มีการขอความเห็นจากสำนักต่างๆ ในสภา นำมาสู่ข้อสรุปว่า ไม่สามารถจัดทำโครงการได้ เพราะขัดข้อกฎหมายหลายข้อ นายพิเชษฐ์จึงสั่งการให้คณะทำงานของตัวเอง ปรับแบบคำของบประมาณใหม่ โดยให้เขียนเป็นโครงการสัมมนา 3 โครงการ

“ซึ่งมีความแปลกประหลาดหลายอย่าง เช่น จำนวนงานสัมมนาที่โครงการตั้งเป้าไว้สูงจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ รวมตามคำขอต้องจัดงานสัมมนาทั้งหมด 2,294 ครั้ง ในเวลา 1 ปี โดยของบประมาณทั้งสิ้น 350 ล้านบาท แต่ถูกทาง ครม.ตัดงบเหลือ 83 ล้านบาท ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้นายพิเชษฐ์ โดยมีการขอกดดันให้แปรงบเพิ่มจนได้งบมา 178 ล้านบาท ซึ่งผมได้รับการบอกกล่าวจากกรรมาธิการ (กมธ.) งบ 68 ว่านายพิเชษฐ์ได้เข้าไปในห้องประชุม กมธ.วิสามัญงบด้วยตัวเองในขณะที่มีการพิจารณางบที่ตัวเองชงขึ้นมา โดยธรรมเนียมปฏิบัติเป็นสิ่งที่ต้องห้าม” นายภัณฑิลระบุ

นายภัณฑิลกล่าวอีกว่า ภายหลังจากโครงการอนุมัติแล้ว ในพื้นที่ จ.เชียงราย มีการจัดทำคำขอที่แสดงความต้องการไปถึงสภา เพื่อให้จัดสัมมนาในพื้นที่จำนวนมาก ทั้งที่ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่เป็นการทั่วไป รวมถึงเอกสารคำขอที่มีการพิมพ์มาเหมือนกันทุกตัวอักษร เว้นไว้ให้กรอกวันที่ ชื่อ ที่อยู่ ที่ต่างกันเท่านั้น ซึ่งยอดการของบทั้งหมด ถึงจะมีการตัดในชั้น กมธ.ก็ยังต้องจัดสัมมนามากกว่า 1,300 ครั้งต่อปี หรือวันละเกือบ 4 งานอยู่ดี เราทราบกันอยู่ว่าไม่สามารถทำได้ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าการของบอบรมทั้ง 3 โครงการ เป็นการขอตั้งโครงการที่รู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถใช้งบตามวัตถุประสงค์ได้ โดยมีความตั้งใจจะโยกงบไปใช้ในโครงการอื่นตั้งแต่แรก

“มีหลักฐานสำคัญคือ เอกสารของสำนักรักษาความปลอดภัย ที่ระบุว่า นายพิเชษฐ์มีดำริให้มีกองเกียรติยศของเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภา เพื่อใช้ในงานพิธีต่างๆ เลย จะจัดโครงการฝึกอบรมโดยใช้งบ 3.5 แสนบาท จึงโยกงบจากโครงการอื่นที่อยู่ในดุลยพินิจของตัวเองมาใช้ และยังมีอีกหลายโครงการที่นายพิเชษฐ์กระทำในลักษณะดังกล่าว” นายภัณฑิลกล่าว

เขากล่าวว่า ในการจัดงบประมาณปี 69 นายพิเชษฐ์ได้มีการของบเพิ่มเป็น 593 ล้านบาท ซึ่งในเนื้อหามีการของบเหมือนเดิม คือจัดกิจกรรมสัมมนา แต่มีจำนวนมากขึ้น เป้าหมายในการจัดโครงการมากขึ้น ซึ่งการใช้งบประมาณที่ส่อทุจริตเช่นนี้ เราต้องรีบยับยั้งก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากกว่านี้ ตนจึงต้องการยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าการกระทำของนายพิเชษฐ์เข้าข่ายการกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสอง  หรือไม่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม และขณะนี้มีการรวบรวมรายชื่อจาก สส. อยู่ในขั้นตอนการเตรียมเอกสาร โดยคาดว่าจะมีการดำเนินการภายในสัปดาห์หน้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช.รุกฆาตแพทองธาร อิ๊งค์ซื้อเวลาสู้คดี ศาลรธน.

เป็นไปตามคาด ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจกับการที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี-รมว.วัฒนธรรม จะยื่นขอ ขยายเวลาในการส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อ "ศาลรัฐธรรมนูญ" ในคดีถูกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)