มั่นใจ12มิ.ย.ยืนมติแพทยสภา

ไม่มีพลิก! "ประชาคมแพทย์" มั่นใจ  12 มิ.ย. แพทยสภายืนยันมติฟันชั้น 14 ท่วมท้น  เตรียมหอบ 600 รายชื่อ หนุนโหวตแบบเปิดเผย  ขานชื่อทีละคน-โชว์ผลมติต่อสังคม "หมอสมศักดิ์"   ปลุกรักษาเกียรติยศองค์กร หวั่่นพังทั้งระบบ  "โฆษก สธ." ซัดกลับ "หมอตุลย์" ปมเช็กบิลแชตไลน์หลุด "ชาญชัย" ขอศาลฎีกาฯ ฟังไต่สวนคดี 13 มิ.ย. "นิด้าโพล" ชี้ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ ส่งผลต่อความอยู่รอดรัฐบาลอิ๊งค์

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน นพ.ชาติชัย อติชาติ  แพทย์ศิริราช รุ่น 90 ในฐานะผู้ดูแลเพจประชาคมแพทย์ ซึ่งออกมาเคลื่อนไหวเปิดระบบออนไลน์ ผ่านกูเกิลฟอร์มให้แพทย์ร่วมกันลงชื่อสนับสนุนความโปร่งใสในการประชุมใหญ่คณะกรรมการแพทยสภา ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มิ.ย. เพื่อลงมติยืนยันมติเดิม 8 พ.ค. ที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษานายทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ภายหลังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภาวีโตมติดังกล่าวว่า แม้กรรมการแพทยสภาจะมี 70 คน แต่จะมีกรรมการเข้าประชุมออกเสียงได้ 69 คน เพราะมีกรรมการ 1 คน (พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ แพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ) มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะลงมติ

ทั้งนี้ ในการลงมติยืนยันมติเดิมเพื่อทำให้การวีโตของสภานายกพิเศษตกไป ที่ประชุมต้องตกลงกันว่าจะใช้การลงมติแบบใด จะใช้วิธีขานชื่อกรรมการทีละคน หรือจะลงมติลับแบบที่เคยทำตอนประชุม 8 พ.ค. ตอนนี้เพจประชาคมแพทย์ได้รวบรวมเสียงแพทย์ทั่วประเทศได้ 600 กว่าเสียง   จะนำหนังสือและอีเมลที่มีการรวบรวมรายชื่อแพทย์ดังกล่าวไปส่งให้กรรมการแพทยสภา เพื่อเรียกร้องให้มีการลงมติแบบเปิดเผย

โดยข้อเรียกร้องดังกล่าวคือ จะขอให้เปิดเผยสองระดับ ระดับแรกคือ การลงมติที่กรรมการทุกคนจะรู้ว่ากรรมการแต่ละคนลงมติอย่างไร ผ่านการลงมติแบบขานชื่อทีละคน แล้วให้ลงความเห็นในลักษณะถามว่า ใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับมติเดิมเมื่อ 8 พ.ค. และระดับที่สองคือ เปิดเผยกับสังคม คือสังคมได้รู้ว่ากรรมการทั้ง 69 คน ใครลงมติแบบไหน ซึ่งแล้วแต่การพิจารณาของแพทยสภา  ทางกลุ่มไม่ได้จะไปบีบบังคับ อย่างไรก็ตามจากที่ทราบมาแบบวงใน กรรมการแพทยสภาหลายคนเห็นด้วยกับการลงคะแนนแบบเปิด เชื่อว่าความดีย่อมชนะความกลัว ความหวังของตนหวังว่า กรรมการที่สวมหมวกสองใบ (กรรมการแพทยสภาโดยตำแหน่ง) เมื่อทุกคนมาอยู่ในที่แจ้ง ควรเปิดเผยว่าลงคะแนนไปด้วยความเห็นบนสามัญสำนึกที่ถูกต้อง ตามมโนธรรมของวิชาชีพแล้วสังคมจะปกป้องท่านเอง คงอยากให้ฝากไว้เป็นประวัติศาสตร์

"ยังมองโลกในแง่ดีอยู่ว่า หากทุกอย่างเป็นไปตามคาด คะแนนเสียงอาจเป็นเอกฉันท์ด้วยซ้ำ ซึ่งจะทำให้การวีโตที่ส่งมาตกไป เสียงในการลงมติ เรามองว่าจากการวิเคราะห์รายบุคคล เช่น กรรมการแต่ละคนมีแบ็กกราวด์อย่างไร ทำให้คาดว่าน่าจะมีเสียงยืนยันมติเดิมประมาณ 60 คน จาก 69 คน ซึ่ง 9 คนที่หักไป ผมไม่แน่ใจว่าอาจจะไม่มาประชุมเลย แล้วก็ไม่ได้ส่งตัวแทนมา หรืออาจจะส่งตัวแทนมาแต่งดออกเสียง ซึ่งหากได้เสียง 60 เสียง ก็หมายถึงได้เสียงลงมติยืนยันมติเดิมเกิน 2 ใน 3 ก็เท่ากับเรายังสามารถปกป้องวิชาชีพของเราได้ต่อไป”  นพ.ชาติชัยระบุ

ส่วนกระแสข่าวการล็อบบี้กรรมการแพทยสภานั้น นพ.ชาติชัยกล่าวว่า การประชุมเมื่อ 8 พ.ค.น่าจะมีจริงอยู่ เพราะตอนนั้นกระแสยังไม่ค่อยรุนแรงมาก แต่การประชุมครั้งนี้สังคมมีความคาดหวังสูง   การล็อบบี้กรรมการรายคน คิดว่าเฉพาะคนที่มีตำแหน่งทางราชการเท่านั้นที่อาจถูกล็อบบี้ได้ อาจเป็นเรื่องความเกรงกลัวส่วนบุคคล ความเกรงใจเพราะต้องทำงานเป็นผู้ใต้บังคับบัญชากับผู้ที่วีโตมา แต่สุดท้ายอย่างที่บอกคือความดีย่อมชนะความกลัว ดังนั้นอยากให้แพทย์และสังคมช่วยกัน ให้กำลังใจและสนับสนุนให้กรรมการแพทยสภาทุกคนที่เข้าประชุมปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และคำนึงถึงมโนธรรมในใจ แล้วสังคมจะโอบอุ้มกรรมการแพทยสภาทุกคนหากมีการลงมติอย่างโปร่งใส

ด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา อดีตนายกแพทยสภาหลายสมัย กล่าวว่า ในการประชุม 12 มิ.ย. กลัวอย่างเดียวว่า จะมีกรรมการลาประชุมกันเยอะ แล้วเสียงไม่ถึง 2 ใน 3 ทั้งนี้ การลงมติของแพทยสภาที่ผ่านมาไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนใหญ่จะยืนยันมติเดิม เสียง 2 ใน 3 ถึงทุกครั้ง แต่ครั้งนี้กลัวไม่ได้ เพราะมีการเมือง ที่แล้วมาเสียงถึงทุกที โดยสามัญสำนึกเห็นกันอยู่แล้วว่าคนไข้ไม่ได้ป่วยหนัก  ครึ่งเดือนเดินได้เลย

"การประชุมแพทยสภาวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เราต้องรักษาเกียรติยศ ชื่อเสียงขององค์กรไว้ เรื่องนี้สำคัญ  เพราะหากคนขาดศรัทธา หมอจะเสียหายมาก หากมาไม่ครบองค์ประชุมก็แย่แล้ว แสดงว่าระบบมันแย่ ตอนนี้คนก็อยากรู้ว่าการประชุมจะมีกรรมการคนใดเข้าหรือไม่เข้าบ้าง ผมก็เห็นว่าควรมีการเปิดเผยตรงนี้ มีบางคนเสนอให้โหวตลงมติแบบเปิดเผยด้วยซ้ำ ให้ใช้วิธีเรียกชื่อกรรมการแล้วออกเสียงแบบในที่ประชุมสภาฯ จะได้รู้ว่าใครเป็นอย่างไร ผมอยากให้เราตัดสินด้วยความเป็นธรรม เป็นกลาง ว่าไปตามความถูกต้อง เพราะหากหมอเราไม่ทำตามความถูกต้อง ก็จะเสียหายทั้งระบบ ความเชื่อถือในวงการแพทย์ก็จะเสียไป” อดีตนายกแพทยสภาระบุ

  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการแพทยสภาที่ไม่สามารถออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมได้เพราะมีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ พล.ต.ท.นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ ส่วน ศ.พิเศษ นพ.อมร ลีลารัศมี ประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนจริยธรรม รศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย หนึ่งในอนุกรรมการฯ ที่สอบสวนกรณีดังกล่าว โดยหลักแม้สามารถลงมติได้ แต่ตามมารยาทอาจงดออกเสียง     

ขณะที่ น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขฝ่ายการเมือง กล่าวตอบโต้ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ที่ระบุนายสมศักดิ์ไม่มีอำนาจพิจารณาจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและกรรมการแพทยสภา ไม่มีอำนาจพิจารณาพฤติกรรมแพทย์ที่ส่งข้อความทางไลน์ และแพทยสภาไม่มีอำนาจพิจารณาพฤติกรรมแพทย์ที่ส่งข้อความทางไลน์ ว่า 1.กรณีสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงแพทยสภาและ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้ตรวจสอบจริยธรรมและพฤติกรรมของแพทยสภาบางส่วนกรณีแชตไลน์หลุด เป็นสิทธิอันชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีผู้มายื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบ

2.พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ในความเป็นจริง พ.ร.บ.วิชาชีพฯ กำหนดให้แพทยสภาควบคุมจริยธรรมและลงโทษแพทย์ที่กระทำที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ในอดีตก็มีการร้องเรียนประเด็นนี้จำนวนมาก จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่แพทยสภาไม่ควรนิ่งดูดาย 3.การที่ รมว.สาธารณสุขใช้สิทธิวีโต เป็นอำนาจที่ พ.ร.บ.วิชาชีพฯ กำหนดให้ทำได้ นอกจากนี้ ใน พ.ร.บ.ดังกล่าว มาตรา 24 ยังให้อำนาจสภานายกพิเศษมีสิทธิจะส่งความเห็นเป็นหนังสือไปยังแพทยสภาในเรื่องใดๆ ได้ การที่มีผู้ออกมากล่าวหาโจมตีนายสมศักดิ์ เคลื่อนไหวจะถอดถอนออกจากตำแหน่งจึงควรรับรู้เรื่องนี้เอาไว้ 4.ขอให้ทุกฝ่ายรอผลมติแพทยสภา ออกมาอย่างไรต้องพร้อมยอมรับ แต่การกระทำที่ไม่ถูกต้อง ละเมิดต่อจริยธรรมของแพทย์บางคน สร้างความเสียหายให้กับบุคคลอื่น  สามารถดำเนินการไปตามกฎหมาย

 “ทุกอย่างสามารถกระทำได้ภายใต้กฎหมาย  ไม่ใช้กฎหมู่มาเหนือกฎหมาย อย่าให้ใครมาล็อบบี้  แพทยสภาก็มาจากการเลือกตั้ง ก็ต้องทำหน้าที่ตามกฎหมายให้ถูกต้อง และย่อมถูกตรวจสอบได้  กฎหมายจึงบัญญัติให้มีสภานายกพิเศษสำหรับถ่วงดุลเป็นธรรม ไม่สามารถทำตามอำเภอใจใครได้ ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการขั้นตอนที่กฎหมายได้ให้อำนาจและหน้าที่ ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ควรมีระยะการติดตาม และไม่ควรทำให้สังคมเข้าใจผิด” น.ส.ตรีชฎาระบุ

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นคนที่เคลื่อนไหวยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ทำการไต่สวนการส่งตัวและการรักษาทักษิณ เปิดเผยว่า วันที่ 9 มิ.ย.นี้  จะส่งหนังสือถึงศาลฎีกาฯ เพื่อแจ้งขอนำคณะของตนประมาณ 5-6 คน เพื่อขอเข้าร่วมฟังและสังเกตการณ์การไต่สวนของศาล ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ 

   "เอกสารใบเสร็จรับเงิน รพ.ตำรวจ เป็นการยืนยันว่านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง หลักฐานตรงนี้ใบเสร็จที่จ่ายให้ รพ.ตำรวจ มีการล็อกไว้ในระบบ  หากไปแก้ในระบบ จะรู้ทันทีว่ามีการแก้ไข ไม่ใช่ว่าแก้ไม่ได้ คนพวกนี้ทำได้หมด แต่เราจะรู้ทันทีหากเขาจะแก้ไขข้อมูลในระบบ หากนายทักษิณยืนยันว่าป่วยจริง เขาก็ต้องชี้แจงออกมาว่าเขาจ่ายเงินให้หมอให้โรงพยาบาลจริงหรือไม่ เวชระเบียนเป็นอย่างไร แล้วพยาบาลเขาก็มีข้อมูลอีกชุดหนึ่งของเขา ค่ายาก็มีอีกชุดหนึ่งของทางเภสัชกร นำมาโชว์กันเลย” นายชาญชัยระบุ

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกรณีปมชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจของนายทักษิณว่า  ส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหรือไม่ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 29.62 ระบุว่าจะส่งผลมากต่อความอยู่รอดของรัฐบาล รองลงมา ร้อยละ 29.31 ค่อนข้างส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาล, ร้อยละ 24.58 ไม่ส่งผลใดๆ เลย, ร้อยละ 15.73 ไม่ค่อยส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาล ส่วนความสำคัญของผลการประชุมแพทยสภา ในวันที่ 12 มิ.ย.68 ต่อสถานการณ์ทางการเมืองไทยหลังจากนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 34.27 ระบุว่าค่อนข้างมีความสำคัญ รองลงมา ร้อยละ 26.72 มีความสำคัญมาก, ร้อยละ 21.37 ไม่ค่อยมีความสำคัญ, ร้อยละ 16.11 ไม่มีความสำคัญเลย.