แพทยสภามีศักดิ์ศรี โหวตยันมติ8พ.ค.เป็นที่พึ่งสังคม/ยก2ประเด็นมัด‘ทักษิณ’

"นายกแพทยสภา" ไฟเขียว "สมศักดิ์" เข้าประชุมแพทยสภา 12 มิ.ย.เพียงคนเดียว หลังขอนำผู้ติดตามเข้าร่วมด้วย พร้อมให้เวลาชี้แจงวีโตแค่ 15 นาที "กก.แพทยสภา" ลั่นทุกคนมีศักดิ์ศรี การเมืองบีบไม่ได้ ยันโหวตยึดความถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพแพทย์ "แกนนำประชาคมแพทย์" ชี้เหตุผลวีโตยกโทษไม่เอาผิด 3 แพทย์ฟังไม่ขึ้น ระบุใครก็ดูออกคนไข้ชั้น 14  ไม่ได้ป่วยหนัก "ม็อบ" บุกให้กำลังใจแพทยสภา  "อดีต สว.สมชาย" ปูดข่าวลือฝ่ายการเมืองยื่นข้อเสนอรถหรู-ตำแหน่งการเมืองแลกกลับมติลงโทษ   "อสส." ส่งคำชี้แจงศาลฎีกาฯ ปมชั้น 14 แล้ว  "ทนายวิญญัติ” ยัน "ทักษิณ" ไม่ต้องมาศาล 13 มิ.ย. เหตุไม่ได้มีหมายเรียก แย้มศาลอนุญาตขยายส่งคำชี้เเจงไป 23 มิ.ย.

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2568 ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา ลงนามในหนังสือ พส.011/6489 เรื่อง การเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) สภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา กรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. มีความประสงค์ขอเข้าร่วมฟังการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาในการประชุมครั้งที่ 6/2568 ในวันที่ 12 มิ.ย.2568 โดยแจ้งเข้าร่วมการประชุมพร้อมด้วยผู้ติดตาม เพื่อชี้แจงและแสดงความเห็นตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525

หนังสือระบุว่า แพทยสภาพิจารณาแล้วขอเรียนว่า การประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ตามมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ประกอบข้อ 12 แห่งข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการประชุมคณะกรรมการ พ.ศ.2560 กำหนดให้เฉพาะสภานายกพิเศษเท่านั้น ที่สามารถเข้าฟังการประชุมและชี้แจงแสดงความเห็นในที่ประชุมคณะกรรมการได้ โดยที่ให้ถือเป็นการประชุมลับ

ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว มีระเบียบวาระในการพิจารณาเป็นจำนวนมาก แพทยสภาจึงได้จัดระเบียบวาระสำหรับสภานายกพิเศษฯ ไว้ในวาระ เรื่องประธานแจ้งที่ประชุม เพื่อทราบในเวลา 12.00-12.15 น. เพื่อให้สภานายกพิเศษแห่งแพทยสภาได้ชี้แจงและแสดงความเห็นต่อคณะกรรมการแพทยสภา

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล กรรมการแพทยสภา และอาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และอดีตนายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้สัมภาษณ์ว่า แพทยสภาจะมีการประชุมในวันพฤหัสบดี 12 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่จะเป็นการพิจารณาวาระประชุมต่างๆ ตามปกติ แต่ทางนายสมศักดิ์จะเข้าประชุมแพทยสภาในเวลา 12.00 น. เพื่อขอชี้แจงเหตุผลการวีโตมติแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค. ที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 คน และเมื่อ รมว.สาธารณสุขชี้แจงเสร็จ ตามมารยาทก็จะออกห้องประชุม จากนั้นกรรมการแพทยสภาทั้งหมดจะเริ่มหารือ อภิปรายกันว่าจะลงมติกันว่าจะยืนยันมติเดิมเมื่อ 8 พ.ค.หรือไม่ หรือจะเห็นด้วยกับการวีโตของ รมว.สาธารณสุขที่ส่งถึงแพทยสภา โดยที่ประชุมจะไม่มีการอภิปรายลงรายละเอียดผลการสอบสวนไล่ไปทีละข้อเหมือนการประชุมแบบวันที่ 8 พ.ค.อีกแล้ว จากนั้นก็จะเริ่มลงมติต่อไป 

 “ยืนยันว่ากรรมการแพทยสภาตัดสินไปตามแนวทางจริยธรรมการประกอบวิชาชีพเวชกรรม  โดยไม่มีอคติส่วนบุคคลหรืออคติทางการเมืองใดๆ กรรมการแพทยสภาตัดสินตามเหตุผลวิชาชีพแพทย์ที่เป็นเรื่องของวิชาชีพเฉพาะ เหมือนสภาวิชาชีพอื่นๆ ซึ่งการพิจารณาของกรรมการแพทยสภาไม่ได้มีนอกมีใน ไม่ได้มีเรื่องอื่นภายนอกที่จะมามีอิทธิพลเหนือการตัดสินใจของกรรมการแพทยสภา รวมถึงการกดดันทางการเมืองอะไรต่างๆ จากภายนอก เราก็คิดว่าเราก็รับฟัง แต่การตัดสินใจต่างๆ เรายึดอยู่กับความถูกต้องตามกฎเกณฑ์ หลักเกณฑ์จริยธรรมวิชาชีพ” รศ.นพ.นิธิพัฒน์กล่าว

กก.แพทยสภาลั่นมีศักดิ์ศรี

กรรมการแพทยสภารายนี้ระบุว่า การพิจารณาและลงมติของที่ประชุมแพทยสภาทำอย่างเปิดเผย ทั้งการอภิปรายและลงความเห็น เราไม่ได้มีการปกปิดอะไร เป็นปกติวิสัยที่เราทำกันมาอยู่เป็นปกติ เราทำกับทุกกรณีเหมือนกันหมด ไม่มีการแยกแยะว่าเป็นเคสของผู้มีอำนาจหรือเป็นเรื่องของคนระดับวีไอพี ไม่มีแบบนั้นทุกกรณีทำเหมือนกันหมด เราให้ความสำคัญกับข้อร้องเรียนสมาชิกแพทยสภาเหมือนกันหมด เราเคยทำอย่างไร เราก็ทำแบบนั้นตลอด การประชุมทุกครั้งทำโดยเปิดเผย เพราะเราคิดว่าการตัดสินใจเรื่องเกี่ยวกับวิชาชีพแพทย์ ต้องทำโดยสง่างาม ไม่มีการปิดบังตัวตนอะไร

ถามถึงกรณีมีการจับตากันว่ากรรมการแพทยสภาบางคน โดยเฉพาะกรรมการโดยตำแหน่งที่เป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ อาจเกรงใจยิ่ง รมว.สธ.บอกจะมาประชุมด้วย เลยจะใช้วิธีไม่เข้าประชุมหรือไม่มาประชุมแล้วส่งตัวแทนมา  กรรมการแพทยสภารายนี้กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นศักดิ์ศรีความเป็นแพทย์จะดำเนินการไปตามครรลองความถูกต้อง เพราะการเข้าประชุมและการลงมติตัดสินใจเป็นเรื่องของมาตรฐานวิชาชีพแพทย์ ก็เชื่อมั่นกรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการที่มาจากการเลือกตั้งจะปฏิบัติเหมือนกันหมด

 “ผมก็มีความเชื่อโดยส่วนตัวว่า มติของแพทยสภาจะยืนยันสิ่งที่สังคมคาดหวังกับบทบาทของแพทยสภา และผมคิดว่ากรรมการท่านอื่นๆ ก็คงคิดไม่แตกต่างจากผม เพราะในท่ามกลางความสับสนของสังคมในเรื่องความไว้เนื้อเชื่อใจต่อสภาวิชาชีพเฉพาะไม่ใช่แค่แพทย์อย่างเดียว เช่นวิศวกรที่ไปคุมงานการก่อสร้าง  ผมมั่นใจว่าแพทยสภาจะยืนหยัดบนหลักการความถูกต้องในวิชาชีพและเป็นที่พึ่งของสังคม   ในทางการแพทย์ไม่มีปัญหาเราเป็นที่พึ่งได้แน่  แต่ในด้านอื่นๆ ที่การแพทย์ต้องไปเกี่ยวข้อง เราก็ยืนยันในด้านวิชาชีพของเราและการรักษาความถูกต้องตามหลักการ” รศ.นพ.นิธิพัฒน์กล่าว

ส่วน นพ.ชาติชัย อติชาติ แพทย์ศิริราช รุ่น 90 ในฐานะผู้ดูแลเพจประชาคมแพทย์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวเปิดระบบออนไลน์ผ่านกูเกิลฟอร์ม ให้แพทย์ร่วมกันลงชื่อสนับสนุนความโปร่งใสในการประชุมใหญ่กรรมการแพทยสภา ด้วยการให้กรรมการแพทยสภาลงมติอย่างเปิดเผยและให้แพทยสภากล่าวถึงกรณีเหตุผลที่นายสมศักดิ์วีโตมติแพทยสภาว่า จากข่าวที่สื่อนำเสนอเหตุผลการวีโตของ รมว.สธ. ในเชิงการแพทย์บางส่วนฟังขึ้น แต่ในส่วนของการลงโทษจะถึงขั้นจะยกโทษไปเลยหรือไม่ อันนี้ขอวิเคราะห์มติของแพทยสภาทีละคน

นพ.ชาติชัยกล่าวว่า แพทย์หญิงซึ่งไม่ใช่ผู้ Refer (ส่งต่อผู้ป่วย-คนไข้) แต่เป็นผู้เขียนเอกสารต่างๆ และเป็นผู้อนุญาตด้วยวาจาให้นำเอกสารดังกล่าวผนวกไปกับการ Refer ได้ ลักษณะดังกล่าวในทางการแพทย์-ทางเทคนิคการ Refer เป็นงานละเอียดในเรื่องเอกสารการส่งตัวคนไข้ การเขียนเอกสารไว้ล่วงหน้า มันไม่ได้เป็นความผิดที่รุนแรง แต่จะทำให้ข้อมูลมันคลาดเคลื่อนไปได้ ก็ต้องตักเตือนเหมือนกัน

 “แต่มันจะเป็นความผิดรุนแรงหรือไม่ ผมคิดว่าแพทยสภามีเหตุผลที่ให้ตักเตือนแพทย์หญิงคนดังกล่าว เพราะมันเป็นความละเอียดของงาน  แต่ทางสภานายกพิเศษวีโตมาบอกให้ยกโทษไปเลย ซึ่งผมไม่เห็นด้วยตรงนี้ เพราะประเด็นการวีโตดังกล่าวไม่ได้คำนึงถึงงานที่ละเอียดของงานส่งตัวที่เป็นงานละเอียด” นพ.ชาติชัยกล่าว

แกนนำประชาคมแพทย์กล่าวว่า กรณีแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจสองคนที่ให้ลงโทษพักใบประกอบวิชาชีพฯ ซึ่งมีทั้งประเด็นเช่นการให้สัมภาษณ์สื่อ (อาการคนไข้นายทักษิณ) ก็ต้องมา discuss กันถึงรูปแบบ-วิธีการ ซึ่งกรรมการเขาเห็นว่ารูปแบบการให้สัมภาษณ์มันเหมือนการให้ความเห็น ซึ่งการให้ความเห็นโดยไม่มีข้อมูลที่แท้จริงก็จะถือว่าไม่ถูกจรรยาบรรณ แต่สภานายกพิเศษที่วีโตมาบอกว่าเป็นการให้สัมภาษณ์โดยไม่ตั้งตัว

 “ผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเหตุผลในการวีโต  เพราะใครๆ ก็ดูออกว่ามันเป็นอย่างไร ซึ่งสภานายกพิเศษเขาก็ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการวีโต แต่ที่บอกว่าแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจสองคนดังกล่าวให้ยกประโยชน์ให้ไปเลย คือไม่ให้มีความผิดเลย ซึ่งมันก็เป็นการกลับหน้ามือเป็นหลังมือ  ผมไม่เห็นด้วย ซึ่งแพทย์ส่วนมากก็เห็นความผิดปกติอยู่แล้วว่าผู้ป่วยไม่ได้ป่วยอะไรจนอยู่ รพ.ถึง 180 วัน ใครก็ดูออกถึงเจตนาว่าเพื่อยืดเวลาไปจนถึงช่วงการให้มีการพักโทษ ดูกันออกอยู่แล้ว ซึ่งมันก็มีรายละเอียดอีกเยอะถึงความไม่ชอบมาพากลต่างๆ” แกนนำประชาคมแพทย์ระบุ

นพ.ชาติชัยกล่าวว่า ต่อให้ไม่มีเรื่องของแพทยสภา แต่วันที่ 13 มิ.ย. ที่ศาลฎีกานัดไต่สวนเรื่องนี้ มีสองประเด็นสำคัญ ก็สามารถชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของราชทัณฑ์ได้ชัดเจน ประเด็นแรกคือความมีอยู่ที่แท้จริงขอแพทย์เวร ที่ต้องขอบคุณสภานายกพิเศษที่เขียนข้อความในเอกสารวีโตที่ส่งให้แพทยสภา ที่ระบุคำว่า แพทย์เวร เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าสรุปแล้วมีแพทย์เวรในวันนั้นหรือไม่ แต่ข้อความในวีโตเขียนไว้ว่า พยาบาลได้โทรศัพท์ปรึกษาแพทย์เวร มันกลายเป็นว่าอาจจะเกิดการกั๊กข้อมูลหรือไม่ ของแพทยสภาไม่มีการระบุแพทย์เวรเลยทั้งสิ้น แต่ในการวีโตของคุณสมศักดิ์มีการบอกว่ามีแพทย์เวร นี่คือข้อที่แตกต่างกันชัดเจน ซึ่งมีพิรุธชัดเจน นอกจากนี้ ประเด็นคือเรื่องหลักฐานการรักษาพยาบาลทางอ้อม ศาลก็อาจดูเรื่องอื่นๆ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ที่หากจะไปตกแต่งหรือไปเมกภายหลังน่าจะลำบาก

"ดูสองประเด็นคือเรื่องของแพทย์เวรว่ามีตัวตนหรือไม่ ที่อาจจะเป็นพยานสำคัญ หรืออาจจะเป็นผู้ต้องหาสำคัญ เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง ส่วนประเด็นที่สองเช่นเรื่องของใบเสร็จ ก็เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นที่่ รพ.ตำรวจ ดูๆ แล้วก็น่าเป็นห่วง" นพ.ชาติชัยกล่าว

ไร้หมายเรียกทักษิณไปศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกองทัพธรรม โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. และนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เดินทางมายังอาคารแพทยสภา กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้กำลังใจแพทยสภา ในการประชุมแพทยสภาวันที่ 12 มิ.ย.

ทั้งนี้ คปท.และกองทัพธรรมได้ยื่นหนังสือต่อแพทยสภา พร้อมทั้งอ่านแถลงการณ์ว่า ขอสนับสนุนยืนยันมติแพทยสภาตามวันที่ 8 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา และขอให้การประชุมวันที่ 12 มิ.ย.นี้ลงมติเดิมด้วยเสียงที่เป็นเอกฉันท์มากที่สุด โดย นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้จัดการสำนักงานเลขาธิการแพทยสภา และอดีตนายกแพทยสมาคมโลก เป็นผู้รับหนังสือ

นายสมชาย แสวงการ อดีต สว. กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวลือบางประการที่มาจากหมอ บอกผมว่า ขณะนี้มีรถหรูส่งมาถึงหน้าบ้าน และมีข้อเสนอเกี่ยวกับการตอบแทนเรื่องตำแหน่ง หากกรรมการแพทยสภาลงมติตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการ รวมทั้งกรรมการแพทยสภาที่เป็นโดยตำแหน่งถูกกระบวนการบีบให้ลงมติตามฝ่ายการเมืองเช่นกัน

 “ขอเรียกร้องในการประชุมและลงมติครั้งนี้ ควรเปิดเผยการลงมติเป็นรายบุคคล เพื่อให้สังคมตรวจสอบต่อไป หากการลงมติแพทยสภาแย้งกับมติของตนเองก่อนหน้านั้น เท่ากับว่าแพทย์ทำตัวเป็นงูเห่า สังคมจะไม่เชื่อถือศรัทธา และจะเกิดกระบวนการแซงก์ชันแน่นอน” นายสมชายกล่าว

ด้านกลุ่มศิษย์เก่าแพทย์รามาธิบดีรุ่น 16 และศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชรุ่น 91  (พ.ศ.2523-2529) จำนวน 84 ราย ร่วมลงชื่อออกแถลงการณ์สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของแพทยสภา และขอให้กรรมการแพทยสภาทุกท่านร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน

วันเดียวกัน ความคืบหน้ากรณีวันที่ 13 มิ.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดพร้อมหรือนัดไต่สวน กรณีความปรากฏการบังคับโทษจำคุก นายทักษิณ ชินวัตร จำเลยในคดีหมายเลขแดงที่  อม. 4/2551, คดีหมายเลขแดงที่ อม.10 /2552, คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 นั้น

มีรายงานว่า ศาลฎีกาฯ ไม่ได้ออกหมายเรียกตัวนายทักษิณมาไต่สวนในวันดังกล่าว ทางองค์คณะทั้ง 5 คนหรือทางศาลฎีกาก็ยังไม่มีคำสั่งอะไรเป็นพิเศษมา คาดว่าในวันที่ 13 มิ.ย.นี้จะยังไม่มีคำสั่งชี้ขาดเกี่ยวกับปมบังคับโทษเลย ก็ต้องรอดูว่าองค์คณะทั้ง 5 ของศาลฎีกานักการเมืองจะพิจารณาคำชี้เเจงเเละมีคำสั่งอย่างไรต่อไป

แหล่งข่าวจากอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ระบุว่า ขณะนี้ทางอัยการสูงสุดยังไม่ได้มอบหมายให้ใครไปศาลฎีกาฯ หรือจำเป็นที่อัยการจะต้องเดินทางไปหรือไม่ เเต่ถ้าในหน้างานก็จะเป็นของสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตฯ ซึ่งจนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ได้มีคำสั่งมอบหมายให้ใครไป

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าทางอัยการสูงสุดได้มีการชี้เเจงไปยังศาลฎีกาฯ ทำนองว่าไม่มีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เนื่องจากเป็นชั้นบังคับคดี เพราะพอหลังจากศาลมีคำพิพากษาเเล้วทางอัยการก็ไม่มีหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง

ส่วนนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความเเละผู้รับมอบอำนาจของนายทักษิณ กล่าวว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ตนเเละทีมทนายความก็จะเดินทางไปศาลฎีกาฯ ในส่วนประเด็นชี้เเจงเราก็ทำเตรียมไปชี้แจง เนื่องจากการพิจารณาคดีนี้เป็นรูปเเบบลักษณะคดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก็เตรียมชี้เเจงในส่วนที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้ต้องปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายในขณะต้องรับโทษตามความเป็นจริง ก็ต้องดูว่าภายหลังจากศาลได้รับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เเล้วศาลจะมีการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างไร หรือมีประเด็นอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งตนเป็นทั้งทนายความเเละในฐานะผู้รับมอบอำนาจ สามารถกระทำการเเทนตัวการได้ ในที่กฎหมายให้กระทำการแทนได้

"ผมทำคดีมาก็ไม่เคยมีลักษณะที่จะนำมวลชนไปศาล ทนายทำหน้าที่ทนายไม่ใช่ผู้นำมวลชน ที่ผ่านมาก็ทำคดีโดยยึดตามหลักกฎหมาย เป็นไปตามขั้นตอน ในส่วนนายทักษิณลูกความของผมก็จะไม่ได้เดินทางไปศาลด้วย เนื่องจากศาลฎีกานักการเมืองก็ไม่ได้มีหมายเรียกท่านมา  ท่านต้องใช้สิทธิ์ชี้แจงต่อศาลตามกระบวนการ  โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นขอศาลฎีกานักการเมืองขอขยายเวลาส่งเอกสารไต่สวนไป 30 วัน โดยศาลฎีกาฯ อนุญาตถึงวันที่ 23 มิ.ย." ทนายความของนายทักษิณระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม