ปิดดีล1.57แสนล.กระตุ้นศก.

ปิดดีล! “คลัง” แจงคณะอนุกรรมการกลั่นกรองใช้งบ 1.57 แสนล้านบาท ถกพิจารณาโครงการผ่านเข้ารอบใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเคาะ ดันเข้า ครม.วันที่ 24 มิ.ย. ด้าน กมธ.งบฯ ปิดห้องถก! ปมมี สส.ไลฟ์สดผ่านช่องของตนเอง กังวลประเด็นล่อแหลม-ถูกตัดต่อให้เข้าใจผิด ก่อนได้ข้อสรุปถ่ายทอดสดได้เฉพาะตัวเอง ห้ามไลฟ์ตลอดเวลา

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลังเป็นประธาน ว่าขณะนี้การพิจารณาแผนงานและคำขอใช้งบประมาณในวงเงินรวม 157,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาลได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เตรียมนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมในวันที่ 18 มิ.ย. 2568 และนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 24 มิ.ย.ต่อไป

“วันนี้คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาคำของบประมาณแล้วเสร็จแล้ว และเตรียมนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันพุธที่ 18 มิ.ย.นี้ คาดว่าบอร์ดน่าจะพิจารณาเห็นชอบในวันเดียวเลย และนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. นัด 24 มิ.ย.นี้เลย เพื่อเร่งเบิกจ่ายให้ทันสิ้นปีงบประมาณ 2568 หรือ 30 ก.ย.นี้ และเพื่อให้โครงการสามารถเริ่มต้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว” นายพรชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายพรชัยระบุว่าแม้วงเงินที่วางกรอบไว้จะอยู่ที่ 157,000 ล้านบาท แต่การพิจารณาใช้งบครั้งนี้ "ไม่ได้พิจารณาเต็มวงเงิน" ส่วนรายละเอียดว่าใช้งบจำนวนเท่าใดหรือกับโครงการใดบ้าง ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ โดยขอให้เรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเสียก่อน จึงจะสามารถแถลงรายละเอียดอย่างเป็นทางการได้อีกครั้ง

โดยก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง  เปิดเผยว่า การกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณ 157,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น สืบเนื่องจากมีคำขอโครงการจากหน่วยงานต่างๆ เข้ามามากกว่า 10,000 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 400,000 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องกลั่นกรองและกำหนดหลักเกณฑ์ให้รัดกุมและชัดเจนมากขึ้น โดยย้ำว่าโครงการลงทุนต้องมีความจำเป็นและตรงจุด เช่นโครงการเกี่ยวกับแหล่งน้ำ ต้องอยู่ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหรือภัยแล้งซ้ำซาก ส่วนโครงการถนน จะต้องช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ของประเทศ

พร้อมกันนี้ ยังมีการกำหนดให้ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนปกติ ห้ามใช้วิธีพิเศษ และจะไม่พิจารณาโครงการที่มีวงเงินต่ำกว่า 500,000 บาท เพื่อลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของงบประมาณ พร้อมย้ำว่างบวงเงินรวมนี้ไม่จำเป็นต้องใช้งบลงทุนทั้งหมด หากมีเงินเหลือจากการคัดกรองโครงการก็จะมีกลไกนำไปใช้ในด้านอื่นๆ ที่เกิดประโยชน์ต่อประเทศต่อไป

อย่างไรก็ดี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พิชัย ชุณหวชิร-Pichai Chunhavajira โดยระบุว่า "ในการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ (16 มิ.ย.) ต้องขอขอบคุณคณะทำงานทุกท่านที่ร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการต่างๆ เดินหน้าได้อย่างคุ้มค่า เป็นไปตามกฎหมาย ป้องกันการทุจริต และกระจายรายได้ไปทั่วประเทศ"

"ทุกโครงการไม่ใช่แค่ตัวเลขในแผนงาน แต่คือกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งต้องทำทั้งเรื่องน้ำให้ไม่ท่วม ไม่แล้ง เชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยว กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย สร้างความปลอดภัยในประเทศ ทุกขั้นตอนที่เราร่วมกันวางรากฐานในวันนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจ้างงาน และได้ผลในการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปพร้อมกัน"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สภาผู้แทนราษฎร ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะรองประธาน กมธ.ฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้หารือต่อที่ประชุมเรื่องการถ่ายทอดสดการประชุม หลังจากที่ประชุมเคยมีมติไปแล้วเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่าให้มีการถ่ายทอดเฉพาะภาพและเสียงไปยังบริเวณด้านหน้าห้องประชุม ห้องรับรองผู้ชี้แจง และห้องประจำตัว สส.ที่เป็น กมธ.เพื่อให้สามารถติดตามการประชุมได้อย่างต่อเนื่อง ยกเว้นเป็นการประชุมลับ

จากนั้นมีการหารือแบบลับประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที  จึงได้กลับเข้าสู่วาระการประชุมปกติ ที่มีการถ่ายทอดสดออกมานอกห้องประชุม โดยมีรายงานว่าที่ประชุมยังคงมีมติไม่ให้มีการถ่ายทอดสด แต่การถ่ายทอดสดผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของ กมธ.บางคนยังสามารถทำได้ ยกเว้นในวาระการประชุมลับที่มีประเด็นสุ่มเสี่ยง เช่นเรื่องความมั่นคง ซึ่งอนุญาตให้สามารถถ่ายทอดได้เฉพาะตัวผู้เผยแพร่การถ่ายทอดสดเอง แต่ไม่สามารถถ่ายทอดสดตลอดเวลาได้

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในช่วงที่มีการหารือแบบลับนั้น ได้มีการหยุดถ่ายทอดภาพและเสียงออกมาที่หน้าจอโทรทัศน์ด้านหน้าห้องประชุม ผู้ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องจึงได้ยินเสียงการหารือเพียงชั่วครู่เท่านั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำกมธ.ได้เดินออกมาที่หน้าห้องประชุม พร้อมขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาดูแล ไม่ให้มีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่ กมธ.เข้ามาภายในห้องประชุมระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.