“แพทองธาร” ระทึก! ศาลรัฐธรรมนูญขอนัดประชุมแทรก 1 ก.ค.นี้ จับตาคดี 36 สว.ร้องคดีปมคลิปเสียงลุงฮุน มีผวาซ้ำรอยรายที่ 5 ตาม “สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์-เศรษฐา” ป.ป.ช.มีมติให้เวลา 10 วันเก็บข้อมูลคดีคลิปเช่นกัน “บิ๊กอ้วน” ไม่หวั่นนิติสงคราม เย้ยสภาสูงร้องแก้เกี้ยว “สุชาติ” เซ็งเด็กเกเรได้อมยิ้ม "เจ๊ไหม" บอกเห็นโฉมหน้า ครม.อิ๊งค์ 2 ยังคงสิ้นหวังแล้ว สิ้นหวังอยู่ สิ้นหวังต่อ “เสกสกล” ตามบี้ “พีระพันธุ์” เตือนอุ๊งอิ๊งระวังซ้ำรอยนายกฯ นักขายบ้าน
เมื่อวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน 2568 ประเด็นการเมืองยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ทั้งกรณีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกจากรัฐบาล โดยกรณี สว. 36 คนเข้าชื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กระทำฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชานั้น
ล่าสุด สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) ในระหว่างปี 2566-2568 นั้น สัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 23-26 มิ.ย. จึงได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการสมาชิกสมาคมตามข้อบังคับของสมาคมศาลรัฐธรรมนูญฯ ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ จึงงดการประชุมปรึกษาคดี 1 สัปดาห์ โดยจะประชุมปรึกษาคดีในคราวต่อไป ณ วันอังคารที่ 1 ก.ค. 2568
รายงานข่าวจากศาลแจ้งว่า เดิมตุลาการศาล รธน.นัดประชุมในวันอังคารที่ 8 ก.ค. และตามด้วยวันอังคารที่ 15 ก.ค. ขยับจากเดิมที่นัดประชุมวันพุธและพฤหัสบดี แต่มีการแจ้งขอนัดประชุมในวันอังคารที่ 1 ก.ค.แทรกขึ้นมาเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 มิ.ย. และมีการออกเอกสารข่าวของศาล รธน.แจ้งงดประชุม ทั้งที่โดยปกติไม่ค่อยมีการออกเอกสารข่าวลักษณะดังกล่าว จึงต้องจับตาว่าการประชุมในวันที่ 1 ก.ค.ที่นัดแทรกเข้ามา จะมีการพิจารณาคำร้องของ สว.หรือไม่ และหากศาลรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย จะมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยตามคำขอของประธาน สว.ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีนายกรัฐมนตรีที่ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วถึง 4 คน คือ นายสมัคร สุนทรเวช ในคดีชิมไปบ่นไป, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในคดียุบพรรค, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และนายเศรษฐา ทวีสิน ในคดีตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ให้รับตรวจสอบเบื้องต้นกรณี น.ส.แพทองธารฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธารกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยให้สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ถอดเทป พร้อมคำแปลภาษาต่างประเทศให้ถูกต้อง เนื่องจากถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญทางคดี ตลอดจนการสอบพยานผู้เกี่ยวข้อง ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบตามปกติ เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามาก็จะรับตรวจสอบในเบื้องต้น ทั้งนี้ที่ประชุม ป.ป.ช.ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาจะต้องตรวจสอบเบื้องต้นให้เสร็จภายใน 10 วันตามกระแสข่าวที่ออกมา เพียงแต่กำชับให้เร่งตรวจสอบให้เสร็จโดยเร็ว เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และให้รายงานให้ที่ประชุม ป.ป.ช.รับทราบความคืบหน้าเป็นระยะๆ
อ้วนไม่ห่วงนิติสงคราม!
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนิติสงครามว่า ไม่ห่วง เพราะดูจากคดีที่มายื่นไม่มีเหตุผลและหลักฐานเพียงพอดำเนินการได้ วันนี้นายกฯ ต้องการความเป็นเอกภาพของคนไทยทั้งหมด หากเราสามารถร่วมมือกันได้จะเป็นเรื่องดี เป็นเหตุผลที่พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกัน ส่วนทางกองทัพในฐานะ รมว.กลาโหม ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร ทั้งในส่วนกระทรวงกลาโหม และ 4 เหล่าทัพ ทุกฝ่ายเป็นเอกภาพ มีการหารือกันตลอด
ถามย้ำถึงกรณี สว.ยื่นถอดถอนนายกฯ หากศาลสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่จะเหมือนกับกรณีของนายเศรษฐาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นคนละเรื่องกัน และเป็นธรรมดาที่ สว.ต้องแก้เกี้ยว เขาต้องหาทางปกป้องตัวเอง ซึ่งเป็นสิทธิ นายกฯ ไม่มีปัญหาอะไร ให้เขาฟ้องกันไป ทั้งนี้ไม่อยากให้ใช้คำว่านิติสงคราม เพราะเป็นเรื่องที่ท่านใช้บทบาทฟ้องร้องตามกระบวนการ ซึ่งผู้รักษากระบวนการยุติธรรมต้องพิจารณาและตัดสิน เราก็รับทราบและชี้แจงสิ่งต่างๆ เหมือนที่เคยถูกฟ้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ทำหนังสือชี้แจงไป ก็ไม่มีอะไร ยังทำงานตามหน้าที่ต่อไปได้
ส่วนนายสมชาย แสวงการ อดีต สว. โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "ข่าวดี 1 ก.ค. ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดหมายประชุมพิจารณาคดี และฝันว่าศาลจะรับคดีไว้พิจารณา และสั่งให้ น.ส.แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่"
สำหรับความเคลื่อนไหวในการปรับ ครม.นั้น นายภูมิธรรมกล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลว่า มั่นใจ 100% ว่ารัฐบาลจะเดินหน้าอย่างแข็งแรง หลังจากปรับ ครม.ภายในสัปดาห์นี้ ทุกคนจะได้เห็นการทำงานในมิติใหม่ที่ต่างจากเดิม
ถามว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทย (พท.) จะปรับเปลี่ยนเช่นไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า การพูดคุยเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ถือว่าจบแล้ว ชัดเจนว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีอะไรบ้าง ในส่วนของพรรค พท.จะเป็นสเตปต่อไป ส่วนจะได้เพิ่มกี่เก้าอี้นั้นไม่ทราบ เพราะเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ไม่ได้เข้าร่วมประชุม เพราะเป็นการพูดคุยของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อถามถึงโผ ครม.ที่จะถูกโยกไปอยู่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตามโผไปอยู่หลายกระทรวง มหาดไทยเพิ่งมาเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ก่อนหน้านี้บอกว่าไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ บางโผบอกอยู่ที่เดิม แต่ยังไม่ชัดเจน คงต้องรอนายกฯ สั่ง ส่วนชอบกระทรวงไหนที่สุดนั้นก็รักทุกกระทรวง
ถามถึงการไปมอบนโยบายที่กระทรวงมหาดไทยบ่ายวันนี้ ถือเป็นการดูที่ทำงานใหม่ด้วยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ไปในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอทั่วประเทศ ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ไปคุยในฐานะรองนายกฯ อยู่แล้ว
โอ่ทำได้ดีกว่าเดิม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรค พท.ได้กำกับดูแลมหาดไทย จะทำผลงานได้ดีกว่าที่ผ่านมาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า สิ่งที่เป็นปัญหาที่ผ่านมาคือ กระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นกระทรวงที่จะนำนโยบายรัฐบาลไปผลักดันยังทำไม่สมบูรณ์ ถือเป็นอุปสรรคต่อการทำงานมาก ครั้งนี้พรรค พท.คิดว่าจะผลักดันนโยบายทั้งหมดไปสู่ประชาชนได้อย่างเต็มที่ ทั้งเศรษฐกิจฐานราก การปราบยาเสพติดอย่างเข้มข้น การจัดการเรื่องชายแดน นโยบายที่ค้างอยู่มันเดินไม่สุด เป็นเหตุที่ทำให้เราอยากได้กระทรวงนี้กลับคืนมา เพื่อให้นโยบายเดินหน้าได้ เชื่อมั่นว่าจะทำได้ดีกว่าเดิม
เมื่อถามว่า มีชื่อนายพลมาเป็น รมว.กลาโหม พรรคมีปัญหาหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีปัญหา ตั้งแต่ตอนที่อยู่ก็คุยกับนายกฯ ว่าจะดึงทหารมาช่วยเพิ่มขึ้น
ต่อมานายภูมิธรรมได้เดินทางมายังกระทรวงมหาดไทยเพื่อมอบนโยบายแก่ข้าราชการ โดยกล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้มาในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแล มท. เคยอยู่ที่ มท.ในฐานะเป็นเลขานุการ รมว.มหาดไทย ตั้งแต่ปี 2544 สมัย ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็น รมว.มหาดไทย เชื่อว่าภายในสัปดาห์หน้านี้ ครม.ชุดใหม่จะมีการโปรดเกล้าฯ และเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตน
“มหาดไทยถือเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญ และเป็นหัวใจที่สำคัญของรัฐบาล ที่สามารถนำทรัพยากรต่างๆ ของรัฐ ในวันนี้ถือว่ามาเยี่ยมเยียน และอยากทำความเข้าใจเรื่องสถานการณ์ต่างๆ ก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้ข้าราชการได้ทำงานอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาก็ค่อยว่ากันต่อไป ขอบพระคุณและยินดีที่ทุกคนให้การต้อนรับ เพราะเดินเข้ามารู้สึกเหมือนเป็น มท.1 เลย”
ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ในฐานะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการจัดตั้ง ครม.แพทองธาร 2 ว่า กลุ่ม 18 ของตนนั้นยังสังกัดพรรค รทสช. แต่มีความรู้สึกไม่สบายใจในเรื่องการปฏิบัติตัวของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าและมติพรรคที่ออกไปก่อนหน้านี้ ในการขอให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง อีกทั้งยังมีการเคลื่อนไหวของ สส.ชุมพร 3 ราย และ สส.บัญชีรายชื่อ 2 รายที่ออกมากดดัน และตั้งแต่วันแรกที่ทราบมติของพรรค กลุ่ม 18 ก็ได้ออกแถลงการณ์ว่า สส.ทั้ง 18 คนยังยืนยันสนับสนุนรัฐบาลอยู่
“เหตุการณ์เมื่อวานทำให้กลุ่ม 18 สงสัยในพฤติกรรมของหัวหน้าพรรค ที่สุดท้ายแล้วเป็นคนเชื่อถือได้หรือเชื่อถือไม่ได้กันแน่ อยากให้ประชาชนไปตัดสินใจในประเด็นนี้เอง แต่ในส่วนของผมนั้นไม่สบายใจอย่างแน่นอน และในวันนี้กลุ่มจะมีนัดทานข้าวเพื่อหาทิศทางหลังจากนี้”
เมื่อถามว่า หลังจากเห็นโผ ครม.แพทองธาร 2 ออกมาแล้ว รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้างหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า การจัดตั้ง ครม.เป็นอำนาจนายกฯ ตนเองและกลุ่มไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงในส่วนตรงนั้นได้ แต่มองว่าเป็นเหมือนกับเด็กเกเรที่ได้อมยิ้ม กลุ่มเด็กเกเรกลับไปกลับมาในคำพูด กลับได้รับการตอบแทน แต่กลุ่มของตนทำตัวเป็นเด็กดี เพราะต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อ ก็ต้องมีสถานะที่จะคิดในส่วนของตนเองได้
นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรค รทสช. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ขอก้าวออกมา วันนี้ ดิฉัน ขอออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอขอบคุณ หัวหน้า เลขา และคณะผู้บริหาร รวมถึงพี่ๆ สส. และเพื่อนร่วมงานทุกท่านที่เคยให้โอกาส ให้การสนับสนุน และกำลังใจมาโดยตลอด ดิฉันยังศรัทธาและเชื่อมั่นในการเมืองสร้างสรรค์เหมือนเดิม วันนี้ขอก้าวออกมาเพื่อมองการเมืองจากข้างนอกอีกครั้ง ในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ที่ยังรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อธิปไตย และประชาธิปไตย เสมอมาและตลอดไป"
สิ้นหวังแล้วสิ้นหวังต่อ
ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลจับมือกันไปต่อว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอนสูง สิ่งที่เคยคิดว่าจับมือกันแน่นก็ไม่แน่ใจ โดยเมื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรและมีการโหวตกฎหมายสำคัญ เมื่อนั้นเราจึงจะรู้สมการที่แท้จริงว่าในสภาใครมีมืออยู่เท่าไหร่
เมื่อถามว่า มองหน้าตา ครม.ใหม่อย่างไรบ้าง น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ดูเผินๆ เหมือนเป็นการเล่นเก้าอี้ดนตรี สลับเก้าอี้นั่งกันมากกว่าการพิจารณาบุคลากร ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาทำหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ
“ยังคงสิ้นหวังแล้ว สิ้นหวังอยู่ สิ้นหวังต่อ” น.ส.ศิริกัญญากล่าวถึงหน้าตา ครม.ใหม่
นางอังคณา นีละไพจิตร สว. กล่าวถึงโฉมหน้า ครม.ใหม่ว่า ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร และไม่ได้รู้สึกมีความหวัง เพราะดูตามโผที่ออกมานั้น ไม่ได้หวังว่าสถานการณ์ภายในประเทศ หรือสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้านจะดีขึ้น ไม่มีอะไรใหม่ และไม่มีคนที่เราเชื่อว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มีคนที่น่าจะสมประโยชน์กันระหว่างพรรคการเมืองมากกว่า
“น.ส.แพทองธารยืนยันว่าไม่ลาออกและไม่ยุบสภา สิ่งเดียวที่ น.ส.แพทองธารทำได้ก็คงต้องพยุงกันไป แต่จะเกิดปัญหาที่คนดีๆ คนมีความสามารถทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ไม่อยากจะมาร่วมรัฐบาลด้วย เพราะมองว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ” นางอังคณาระบุ
ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการบริหารจัดการงานของสภาภายหลังที่ น.ส.แพทองธารประกาศเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลต่อหลังพรรค ภท.ถอนตัวว่า รัฐสภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ดังนั้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรี การเปลี่ยนแปลงในพรรค การเปลี่ยนจำนวนสัดส่วนฝ่ายค้านหรือรัฐบาลนั้น เป็นเรื่องของรัฐบาล สภาไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ แต่สภามีความพร้อมเมื่อเปิดสมัยประชุมญัตติหรือร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่รัฐบาลเสนอก็ต้องพิจารณากันไป
“เสียงรัฐบาลจะเป็นอย่างไรให้เป็นเรื่องของที่ประชุม เพราะสภามีอิสระในการลงคะแนน จึงคาดคะเนไม่ได้ แต่หวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการไปได้ เพราะประเทศเรามีปัญหาเยอะ ทั้งเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดน ถ้าเราไม่สามัคคีกัน ไม่ฟันฝ่า อุปสรรคเหล่านี้จะเป็นปัญหาต่อพี่น้องประชาชน” นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว
วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรค รทสช.มายื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอคัดค้านการแต่งตั้งนายพีระพันธุ์เป็นรัฐมนตรี โดยระบุว่านายพีระพันธุ์ในขณะนี้อยู่ระหว่าง ถูก ป.ป.ช.ไต่สวน เพื่อดำเนินคดีฐานละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีทุจริตแจกถุงยังชีพ รวมถึง ป.ป.ช.ยังรับไต่สวนคดีซุกหุ้น และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ระหว่างไต่สวนเรื่องดังกล่าว อันนำไปสู่การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนนายพีระพันธุ์เช่นกัน
เตือนซ้ำรอยเศรษฐา
“ความไม่ชัดเจน ความไม่แน่นอน ไม่มีจุดยืนของนายพีระพันธุ์ เป็นสิ่งที่น่ากลัวและอันตราย วันนี้นายกฯ จะตั้งรัฐบาลหรือปรับตำแหน่งรัฐมนตรีต่อก็เป็นเรื่องของท่าน แต่องค์กรอิสระทั้ง ป.ป.ช., กกต.และผู้ตรวจการแผ่นดิน กำลังไต่สวนตรวจสอบนายพีระพันธุ์ และเรื่องกำลังจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าผลวินิจฉัยออกมาว่านายพีระพันธ์ผิด จะมีคนไปร้องเรียนนายกฯ ซึ่งอาจซ้ำรอยนายเศรษฐา” นายเสกสกลกล่าว
นายสนธิญา สวัสดี ในฐานะนักร้องเรียนทางการเมือง ระบุว่า ในวันพุธที่ 25 มิ.ย.จะไปยื่นเรื่องกับ กกต. เพื่อให้ยุบพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคตามความผิด พ.ร.ป.พรรคการเมือง เนื่องจากเป็นการกระทำที่สร้างความแตกแยกและสร้างความเสียหาย หลังจากเกิดคดีคลิปเสียงผู้นำกัมพูชาหลุด รวมถึงมีกระบวนการให้เรียกร้องเพื่อให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี โดยเฉพาะพรรค รทสช.
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ จดชื่อประจานบนหนังหมา ระบุว่า "ผลของการประชุมพรรคร่วมรัฐบาลที่ รร.โรสวู้ด ขอให้ประชาชนคนไทยนำบทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์ มาใช้ คือ นักการเมืองชั่ว ยอมขายตัวเพื่อเงินตรา จารึกบนหนังหมา ประจานนานชั่วหลานเหลน โดยต้องเอาชื่อพรรคการเมืองเหล่านี้ ที่ผลักดันให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป มาประจานบนหนังหมา จารึกชื่อบนหนังหมา ประจานนานชั่วหลานเหลน และขอให้จดจำรายชื่อพรรคการเมือง นักการเมืองเหล่านี้ไว้ ค่อยคิดบัญชีกันในคูหาเลือกตั้งครั้งต่อไป"
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ทำไมอุ๊งอิ๊งเป็นผู้นำต่อไม่ได้ในกรณีคลิปเสียง ระบุว่า "พฤติกรรมแค่นี้อุ๊งอิ๊งควรมีสำนึก ต้องรับผิดชอบต่อความไร้ประสิทธิภาพที่จะนำพาประเทศ และควรลาออก แต่เมื่ออุ๊งอิ๊งไม่รับผิดชอบ พรรคร่วมก็กอดเก้าอี้แน่น สุดท้ายก็ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชน มาร่วมกันให้ฮุน เซนได้เห็นว่า คนไทยพร้อมที่จะปกป้องแผ่นดิน และพร้อมร่วมใจกันให้อุ๊งอิ๊งรับรู้ว่า ไม่สามารถะเป็นผู้นำประเทศได้อีกต่อไป มาเจอกันที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 28 มิ.ย.นี้ เวลา 16.00 น. ถึง 21.00 น. อย่าลืมมาพร้อมธงชาติไทย".
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท

