นัดเจรจาที่‘มาเลย์’ ภูมิธรรมจ่อคุยฮุนมาเนต เขมรเปิดฉากยิงตั้งแต่ตี4

ทบ.ลั่น! ต้องตอบโต้ผู้รุกรานหลัง  "ทรัมป์" ขอให้หยุดยิงแต่กัมพูชาไม่หยุด โจมตีทหารไทยแต่เช้าตรู่ บ้านเรือน ปชช. สถานพยาบาลและชุมชนเสียหายจากจรวด BM-21 พบความเคลื่อนไหวอาวุธหนัก PHL-03, RM-70,   BM-21 ทอ.ส่ง F-16 จำนวน 2 หมู่ทิ้งบอมบ์ใกล้ปราสาทตาเมือนธม-ตาควาย ยึดช่องอานม้า "ทรัมป์" ยกปิดดีลการค้าบีบ 2 ปท.หยุดยิง รัฐบาลไทยอัดกัมพูชาโกหกบิดเบือน ยันพร้อมหยุดยิงแต่ต้องให้ความมั่นใจจะไม่เป็นภัยกับ ปชช. "กต." ปลุกนานาประเทศประณามเขมร ทำผิดซ้ำซากละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน "ศบ.ทก." จ่อทำหนังสือถึงกาชาดระหว่างประเทศประณามยิง รพ.-พลเรือน  ขณะที่ "ปธ.อาเซียน" เชิญผู้นำไทย-กัมพูชาถกด่วน  28 ก.ค. ที่กัวลาลัมเปอร์ "ภูมิธรรม" นำทีมไทยแลนด์เจรจา 

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้คุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและรักษาการนายกรัฐมนตรีไทย เพื่อเรียกร้องให้หยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังลุกลามอยู่ 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐหารือนายกฯ  กัมพูชาและนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ หากไม่หยุดยิงจะไม่เจรจาเรื่องภาษีสหรัฐว่า กัมพูชายังไม่หยุดยิง และยังตอบโต้มาอยู่ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ มีจรวดตกนอกเขตปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ว่า เมื่อเวลา 04.30 น. ทหารกัมพูชาได้เปิดฉากยิงทหารไทยด้วยเครื่องยิงจรวด BM-21 แต่ด้วยเป้าหมายของทางกัมพูชาไม่ใช่พื้นที่ทางทหาร แต่บ้านเรือนประชาชน รวมถึงสถานพยาบาลและชุมชน โดยเมื่อเวลา 06.30 น. กระสุนปืนใหญ่ (ไม่ทราบชนิด) ตกบริเวณพื้นที่บ้านตาโสร์ ม.10 ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ (ยังไม่ทราบจำนวน) บ้านเรือนราษฎรเกิดไฟไหม้ รถดับเพลิงกับรถกู้ชีพกำลังเข้าดำเนินการ

ห่างกัน 10 นาที ช่วงเวลา 06.40 น. กัมพูชายิงปืนใหญ่เข้ามาตกใส่บ้านประชาชน ทำให้ไฟไหม้บ้านทั้งหลังในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ต่อมาเวลา 07.45 น. มีกระสุนปืนใหญ่ตกบริเวณพื้นที่บ้านหนองจูบ ม.2 ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก 3 ลูก เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ห่างกัน 5 นาที ช่วงเวลา 07.50 น. ทหารกัมพูชายังยิงจรวด BM-21 ลงมาในพื้นที่ อ.ช่องจอม บ้านเรือนประชาชนเสียหาย ส่วนชาวบ้านอพยพไปยังสถานที่ปลอดภัยก่อนหน้านี้แล้ว

เวลา 11.30 น. พล.ต.วินธัยเปิดเผยว่า   กัมพูชายังมีการเคลื่อนไหวด้วยการใช้อาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลยิงเข้ามาในฝั่งไทย บริเวณหน้าแนวมีการปะทะในหลายๆ จุดอย่างต่อเนื่อง พบมีอาวุธยิงสนับสนุนระยะไกลไปตกนอกเขตพื้นที่เป้าหมายทางทหารจำนวนมากในจังหวัดสุรินทร์

"ฝ่ายไทยเรามีความจำเป็นที่จะต้องใช้ปฏิบัติการทางทหารดำเนินการตอบโต้ต่ออาวุธยิงสนับสนุนระยะไกล อย่างเช่นจรวดและปืนใหญ่ ที่ยังคงยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบหรือมีการสูญเสีย" โฆษกกองทัพบกกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ก.ค. เวลาประมาณ 15.30 น. กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชายังคงพุ่งเป้าใส่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านซำเม็ง ม.3 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับความเสียหายอย่างหนักที่ตัวอาคาร แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกไปก่อนแล้ว

เมื่อเวลา 11.45 น. เพจกองทัพภาคที่  2  โพสต์ข้อความว่า วันนี้ กองทัพกัมพูชาได้เปิดฉากยิงจรวด BM-21 เข้าใส่ปราสาทตาเมือนธม - เป็นการล่วงละเมิดอธิปไตยไทยอย่างอุกอาจและไร้ข้ออ้าง และเตือนระวัง

ขณะที่ พล.ต.วินธัยชี้แจงกรณีข่าวจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ถูกทำลายแล้ว 1 ระบบ เหลืออีก 5 ระบบ ว่าเป็นข้อมูลทางการข่าว เบื้องต้นยังไม่ได้รับข้อมูลเรื่องการทำลายไป 1 ระบบ ทบ.เพียงแต่ให้ข้อมูลว่า จากข่าวสารทางด้านการข่าว อาจมีการนำอาวุธชนิดนี้มาใช้ แต่ยังไม่ระบุว่าจะเข้ามาตั้งตรงไหนอย่างไร ขออย่าเพิ่งวิตก

F-16 ทิ้งบอมบ์ตอบโต้

ทางด้านกองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 หมู่บิน 4 ลำ ออกไปปฏิบัติภารกิจยุทธบริเวณปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยภารกิจสำเร็จลุล่วงพร้อมกลับฐานปฏิบัติอย่างปลอดภัย เพื่อสนับสนุนกำลังทางบก ปกป้องอธิปไตยของไทย สำหรับเมื่อช่วงกลางวันที่ผ่านมา ทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ปราสาทตาเมือนธม พื้นที่อธิปไตยของไทย

กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบถึงวันที่ 27 ก.ค. เวลา 12.00 น. ระบุว่า ในช่วงเช้า เวลาประมาณ 06.30 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้จรวดไม่ทราบชนิดจากที่ตั้งสนามบินกรุงสำโรง จำนวน 4 นัด ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชนไทย 2 หลัง สัตว์เลี้ยง 5 ตัว การปฏิบัติของฝ่ายเราในวันนี้ที่สำคัญ ได้แก่ การเข้าควบคุมพื้นที่ตามแนวเส้นปฏิบัติการ 1:50,000 บริเวณช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ซึ่งประเทศกัมพูชายังคงมีความพยายามในการเข้าพื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ช่องตาเฒ่า ด้านหน้าเขาพระวิหาร และภูมะเขือ พื้นที่ช่องจอม ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือน ซึ่งการรุกรานดังกล่าว อาจสร้างผลกระทบต่อประชาชนตามแนวชายแดน จากการยิงอาวุธที่ไม่มีรูปแบบ ไม่เป็นไปตามกฎการปะทะของฝ่ายกัมพูชาก็เป็นได้

ภาพรวมของสถานการณ์ ยังมีความตึงเครียดสูง และฝ่ายกัมพูชาอาจกำลังเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหาร เพื่อสร้างความเสียหายให้กับฝ่ายเราให้มากที่สุดในช่วงสุดท้ายก่อนการเจรจา   การอพยพประชาชน สนับสนุนส่วนราชการจังหวัดในการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัย ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือน พื้นที่ตอนในทั้ง 4 จังหวัด ดังนี้ จ.บุรีรัมย์ 1 จุด 10,173 คน, จ.สุรินทร์ 71 จุด 40,736 คน, จ.ศรีสะเกษ 135 จุด 39,580 คน และ จ.อุบลราชธานี อพยพเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือน 76 จุด 16,588 คน ปัจจุบันดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าพื้นที่รวบรวมพลเรือนแล้ว 107,077 คน (เพิ่มขึ้น 9,646 คน) ผลกระทบต่อประชาชน พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ 3 ลูก, ต.บักได อ.พนมดงรัก มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ 16 ลูก, บ.โสร์ ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท มีกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่ 9 ลูก บ้านเรือนเสียหาย 3 หลัง (ประชาชน ไม่มีรายงานการสูญเสียต่อชีวิต)

ทางด้านกัมพูชา เวลา 07.00 น. พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงว่า ทหารไทยได้รุกรานเข้ามาในดินแดนเขมรตลอดแนวชายแดน ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลเกี่ยวกับการหยุดยิง ทหารไทยยังคงยิงปืนใหญ่เข้าไปในดินแดนกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ในสมรภูมิชานกรอม-ภูเขาผี โดยทหารไทยเริ่มยิงปืนใหญ่ตั้งแต่เวลา 02.30 น. ใกล้รุ่งเช้าของวันที่ 27 ก.ค. จนถึงเวลาเกือบ 07.00 น. ของวันที่ 27ก.ค. และยังไม่มีท่าทีที่จะสงบลง

"ยังคงมีการต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องในของสมรภูมิปราสาทตาเมือนและจอบกอร์กี ที่ทหารไทยเริ่มยิงเข้ามาในดินแดนกัมพูชาและยึดครอง จนกระทั่งตอนนี้ (เวลา 07.00 น.) การสู้รบยังไม่สิ้นสุดลง ทหารไทยต้องการใช้ยุทธศาสตร์โจมตีเพื่อยึดที่มั่นก่อนการตกลงหยุดยิง" พลโทหญิงมาลีกล่าว

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กองทัพกัมพูชาระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง  BM-21 ถล่มปราสาทตาเมือนธมตลอดวันที่ผ่านมา แต่กลับให้โฆษกกระทรวงกลาโหมของตนออกมาแถลงข่าวบิดเบือน อ้างว่าปราสาทดังกล่าวเป็นของเขมร ไม่มีเหตุผลที่จะยิงถล่ม พูดหน้าตาเฉยไม่อายชาวโลกว่ากัมพูชาไม่ได้ใช้จรวด BM-21 ยิงเข้าใส่ปราสาทตาเมือนธม แถมยังกล่าวอ้างแบบข้างๆ คูๆ ว่าปราสาทเป็นของตนเอง ทั้งๆ ที่โลกเทคโนโลยีปัจจุบันทั้งดาวเทียม การบันทึกภาพและเสียง รวมทั้งพยานหลักฐานล้วนบ่งชี้ชัดเจนว่ากัมพูชาเป็นผู้ก่ออาชญากรรมสงคราม ด้วยการระดมยิงด้วยอาวุธร้ายแรงใส่พลเรือนไทยทั้งสิ้นโปรด "โซะเพี้ยบ โบเราะ" ควรมีความเป็นสุภาพบุรุษทางทหาร

ทรัมป์ยกภาษีบีบหยุดยิง

ทั้งนี้ เมื่อกลางดึกวันที่ 26 ก.ค. ตามเวลาประเทศไทย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า      "ผมเพิ่งคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเกี่ยวกับการยุติสงครามกับไทย และขณะนี้กำลังโทร.หารักษาการนายกรัฐมนตรีไทย เพื่อเรียกร้องให้หยุดยิงและยุติสงครามที่กำลังลุกลามอยู่ บังเอิญว่าเรากำลังเจรจาด้านการค้ากับทั้งสองประเทศ แต่จะไม่ทำข้อตกลงใดๆ หากทั้งสองฝ่ายยังสู้รบกันอยู่ และผมได้บอกพวกเขาแบบนั้นแล้ว!"

ต่อมาประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์เพิ่มเติมว่า    "ผมเพิ่งคุยกับรักษาการนายกรัฐมนตรีไทย เป็นการสนทนาที่ดีมาก ไทยก็เหมือนกัมพูชา ที่ต้องการให้มีการหยุดยิงทันทีและมีสันติภาพ ตอนนี้ผมจะส่งข้อความนี้กลับไปให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชาทราบ หลังจากคุยกับทั้งสองฝ่ายแล้ว การหยุดยิง สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองดูจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เราจะได้เห็นผลลัพธ์ในไม่ช้า!"

ประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์อีกครั้งว่า  "ผมเพิ่งได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา และได้แจ้งให้เขาทราบถึงการหารือของผมกับประเทศไทยและรักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ทั้งสองฝ่ายกำลังมองหาการหยุดยิงและสันติภาพโดยทันที พวกเขายังต้องการกลับเข้าสู่ "โต๊ะเจรจา" กับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเราคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่จะเจรจาจนกว่าการสู้รบจะยุติลง"

"พวกเขาได้ตกลงที่จะพบกันทันที และหาข้อตกลงหยุดยิงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดสันติภาพก็เกิดขึ้น! นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้หารือร่วมกับทั้งสองประเทศ ซึ่งมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่ยาวนาน หวังว่าพวกเขาจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติไปอีกหลายปี เมื่อทุกอย่างยุติลง และสันติภาพเกิดขึ้นแล้ว ผมตั้งตารอที่จะได้ลงนามในข้อตกลงทางการค้ากับทั้งสองประเทศ" ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุ

ต่อมา นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา  โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ว่า "ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับความขัดแย้งทางอาวุธในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ท่านประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้แสดงความประสงค์ที่จะไม่เห็นสงครามหรือการสู้รบที่จะส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจำนวนมากทั้งสองฝ่ายทั้งทางทหารและพลเรือน ด้วยเหตุนี้ ท่านประธานาธิบดีจึงพยายามไกล่เกลี่ยและยุติการสู้รบในหลายประเทศทั่วโลกให้สำเร็จมาโดยตลอด

ท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้มีการหยุดยิง และเกิดสันติภาพระหว่างสองประเทศโดยทันที เพื่อเป็นการตอบรับ ผมได้ชี้แจงต่อท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างชัดเจนว่า กัมพูชาเห็นด้วยกับคำขอให้มีการหยุดยิงโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไขระหว่างกองทัพทั้งสอง หลังจากที่ท่านได้หารือกับท่านภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ฝ่ายไทยเห็นด้วยกับคำขอของท่านให้หยุดยิงโดยทันที ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับทหารและประชาชนของทั้งสองประเทศ ผมหวังว่าฝ่ายไทยจะไม่เปลี่ยนจุดยืนอีก เหมือนกับที่เคยทำเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ภายใต้การไกล่เกลี่ยของท่านอันวาร์ อิบราฮิม" 

ด้านสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและพ่อนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ภาพตัวเองพร้อมข้อความ "ในสภาพที่ประเทศและประชาชนกำลังเผชิญความทุกข์ยากเช่นนี้ พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะเจ็บป่วยหรือพักผ่อนเลย พวกเราไม่เคยมีนิสัยทอดทิ้งประชาชนในยามที่พวกเขากำลังประสบความยากลำบาก ตลอดชีวิตของข้า ไม่ต่างจากเหล่าทหารคนอื่นๆ คือ (อุทิศชีวิตเพื่อชาติ และอัฐิให้กับครอบครัว)"

ไทยไม่มั่นใจเขมร        

ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 นายภูมิธรรมเปิดเผยว่า   หลังจากได้รับการประสานว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะคุยด้วย ตนได้มีการเชิญให้ รมว.การต่างประเทศ, รมว.การคลัง, รักษาการ รมว.กลาโหม และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเข้าฟัง และได้มีการสอบถามทางกองทัพบกไปด้วย ตนเล่าให้ฟังว่าที่ผ่านมาเรายืนยันในหลักสันติภาพและการเจรจาเพื่อขอให้แยกออกจากกันมาตลอด การที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ อยากเห็นการหยุดยิงและสันติภาพ ตนยืนยันว่าเราทำมาตลอด แต่สิ่งที่สำคัญก็ได้เล่าต่อว่ามีการยิงเข้ามาพื้นที่พลเรือนโดยไร้เป้าหมายทางทหาร

"แต่นายโดนัลด์  ทรัมป์ ก็ให้ความเห็นว่า หากยังไม่หยุดยิงก็ไม่สามารถเจรจาทำการค้ากับทั้งสองประเทศได้ ซึ่งผมได้ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเพราะเป็นไปตามหลักการอยู่แล้ว ยืนยันว่าเงื่อนไขของเราคือต้องการให้เขมรสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนไทย ไม่ใช่การว่ายอมหรือไม่ยอม แต่เรายึดถือประชาชนเป็นหลัก ซึ่งการพูดคุยเป็นไปด้วยดี และหลังจากนี้ก็จะรับเงื่อนไขไปเจรจากับกัมพูชาต่อไป"

อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรมระบุว่า เงื่อนไขของเราขณะนี้ไม่ได้ต้องการให้ประเทศที่ 3 เข้ามาแทรกแซง แต่ขอบคุณที่ห่วงใย ซึ่ง รมว.ต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาต้องไปพูดคุยเงื่อนไขให้จบว่าจะมีมาตรการอย่างไรในการที่จะหยุดยิง และถอยกำลังทหารออก รวมไปถึงยุทโธปกรณ์วิถีไกล

เมื่อถามต่อว่า หากการเจรจายังไม่ลงตัวจะยังไม่มีสัญญาณหยุดยิงใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ทหารของเราจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่จนกว่ารัฐบาลจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ว่าเป็นภัยต่อพี่น้องประชาชนและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพื่อนำไปสู่สันติภาพ ตนได้ยืนยันต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไปแล้ว ต้องทำให้เรามั่นใจว่าสิ่งที่ทำจะไม่มีการบิด เพราะฉะนั้นการเจรจาหยุดยิงพร้อมกับการเคลื่อนย้ายกำลังทหารและอาวุธร้ายแรงออกจากพื้นที่เดิม ขณะนี้จะเป็นหลักประกันที่แสดงถึงความจริงใจว่าอยากหยุดยิง

ส่วนเรื่องภาษีที่สหรัฐจะประกาศใช้วันที่ 1 สิงหาคมนี้ หลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้วเมื่อวาน ได้ข้อสรุปอย่างไรต่อ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ไม่มีปัญหา เมื่อเริ่มหยุดยิงเมื่อไหร่ก็จะแจ้งให้ทราบ   ส่วนจะทันวันที่ 1 สิงหาคมนี้หรือไม่ ยังไม่สามารถพูดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะอยู่ที่ฝ่ายกัมพูชา ส่วนแนวโน้มเรื่องภาษีสหรัฐน่าจะไปในทิศทางบวก

ทั้งนี้ วันเดียวกัน นายภูมิธรรมเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ ศาลากลางจังหวัดตราด ได้รับทราบรายงานจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด และที่ทำการปกครองจังหวัดตราด และทางมาที่ศูนย์พักพิงวัดห้วงน้ำขาว ต.เขาสมิง อ.เขาสมิง จ.ตราด เพื่อเยี่ยมผู้อพยพจากอำเภอบ่อไร่ คณะเดินทางมาที่ศูนย์พักพิงโรงเรียนอนุบาล                        

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์  รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ศบ.ทก. ว่า ฝ่ายรัฐบาลไทยต้องฟังเสียงประชาชน เรามีกลไก มีรัฐบาล ไม่สามารถที่จะตอบได้ในทันที ส่วนนายโดนัลด์ ทรัมป์ พูดคุยกับกัมพูชาแล้วแต่ไม่มีการหยุด  พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนคงเห็นว่าเขามีความจริงใจหรือไม่ ถ้าตนเป็นส่วนหนึ่งในซีกของกองทัพก็ไม่สบายใจตรงนี้ว่าเขาจะมีความจริงใจอย่างไร นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่เขายิงก่อน ครั้งแรกคือวางกับระเบิด เป็นสิ่งที่เราไม่สบายใจ ย้ำว่าเรามีความจริงใจแน่นอนที่จะหยุดยิง

กห.สบช่องของบซื้ออาวุธ

เมื่อถามว่า ทางกัมพูชามีอาวุธยิงระยะใกล้ 100 กว่ากิโลเมตร ถ้ากัมพูชาใช้อาวุธดังกล่าวเรากังวลหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า กังวลมาตั้งนานแล้ว เพราะเราทราบในห้วงเวลาที่ผ่าน ไม่อยากพูดประเด็นนี้เดี๋ยวจะถูกตำหนิอีก แต่ในสถานการณ์อย่างนี้ตนต้องบอกความจริงว่า เวลาที่ผ่านมาเราถูกตัดงบประมาณสำหรับซื้ออาวุธ เราจัดซื้อเท่าที่จำเป็น ดังนั้น อาวุธเชิงรุกรานเราไม่ได้ซื้อ เอาไว้เน้นไปที่ป้องกันอธิปไตยเท่านั้น แต่ก็มีจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มาก แต่ของเขามีถึง 6 ระบบ

"ตรงนี้เป็นสิ่งที่กองทัพคงต้องทบทวน ในฐานะที่ผมเป็นรัฐบาลและกองทัพ ผมได้พูดคุยกับรัฐบาลว่า หลังจากนี้คงต้องขอความกรุณาจากประชาชนให้เห็นใจกองทัพ และต้องคุยกับกองทัพเช่นเดียวกันว่า ไม่ใช่พอประชาชนเห็นใจแล้วจะจัดหาแบบกอบโกยก็ไม่ได้ ต้องเอาเฉพาะที่จำเป็น ขอให้ประชาชนและสื่อมวลชนมั่นใจ ช่วงที่ผมอยู่ตรงนี้จะไม่ทำให้เกิดอย่างนั้นเป็นอันขาด ถ้าเกิดขึ้นก็ต้องสอบสวนลงโทษผู้กระทำผิดเช่นกัน"

ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่แถลงการณ์กรณีกองกำลังกัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงยิงเข้าใส่บ้านเรือนของประชาชนในดินแดนไทยที่จังหวัดสุรินทร์ ว่า ตามที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (27 ก.ค. 2568) ประมาณ 04.30 น. กองกำลังกัมพูชาได้ใช้อาวุธร้ายแรงยิงเข้าใส่บ้านเรือนของประชาชนในดินแดนไทยที่จังหวัดสุรินทร์ ทั้งยังมีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนและข้อมูลเท็จ โดยกล่าวหาว่าฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อนนั้น ขอชี้แจงดังนี้ 1.ประเทศไทยขอประณามการกระทำอันร้ายแรงและเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างรุนแรงที่สุด และขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการโจมตีเป้าหมายพลเรือนในทันที การยุติการสู้รบไม่อาจเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่กัมพูชายังคงขาดความสุจริตใจอย่างร้ายแรง และละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนและหลักการพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยขอสงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามที่บัญญัติไว้ในข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และได้ดำเนินการตอบโต้ในลักษณะที่จำกัดเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เพื่อขจัดภัยคุกคามต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย

2.ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและเลวร้ายเหล่านี้ของกัมพูชา ซึ่งไม่อาจยอมรับได้ในระเบียบโลกที่ยึดถือกติกาและหลักนิติธรรม

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษก ศบ.ทก. แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่า เราขอประณามในเรื่องของความไม่จริงใจในการพูดคุยฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังทางทหาร มีการเตรียมที่มั่นดัดแปลงตามบริเวณชายแดนอย่างต่อเนื่อง ยังมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา มีการแสดงท่าทียั่วยุส่งเสริมการปลุกระดมมวลชนชาวกัมพูชาทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าสู่พื้นที่ความตึงเครียดบริเวณแนวชายแดน โดยใช้กระแสชาตินิยมมาปลุกปั่น หวังยกระดับให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ตลอดจนการแสดงออกท่าทีของความพร้อมในการใช้กำลังทหารผ่านการโพสต์ ผ่านทางช่องทางสื่อสารสังคมออนไลน์ต่างๆ ด้วยการบิดเบือนข้อเท็จจริง

 พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ที่ผ่านมา ทางฝ่ายกัมพูชายังคงมีการดำเนินการใช้อาวุธหนัก ไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่กระสุนวิถีโค้ง จรวดหลายลำกล้อง BM-21 รวมทั้งปรากฏข่าวสารความเคลื่อนไหวว่า อาจจะมีการใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพ เช่น PHL-03, RM-70 และ BM-21 จรวดหลายลำกล้องเพิ่มเติม ทั้งนี้ สรุปยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เวลา 09.00 น. วันที่ 27 ก.ค. สำหรับผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือน มีจำนวน 13 ราย บาดเจ็บสาหัส 11 ราย, บาดเจ็บปานกลาง 12 ราย,  บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย ยอดรวมทั้งหมด 49 ราย

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) แบบปิด เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี 15 รัฐสมาชิกยูเอ็นเอสซี รวมถึงคู่กรณีคือไทยกับกัมพูชาเข้าร่วมประชุม โดยการประชุมดังกล่าวเป็นโอกาสสำคัญให้ฝ่ายไทยย้ำจุดยืนต่อประชาคมโลกด้วยหลักฐานที่หนักแน่นและข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่า  กัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มและเปิดฉากยิงก่อน โดยโจมตีเป้าหมายพลเรือนไทย ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก และต้องอพยพเป็นแตะหลักแสนคน อีกทั้งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักการมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง

ปธ.อาเซียนนัดผู้นำ 2 ปท.เจรจา

นางมาระตีกล่าวว่า ในเรื่องการโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา ที่เกี่ยวกับคุ้มครองหน่วยแพทย์และสถานพยาบาล และเกี่ยวกับภารกิจคุ้มครองโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือน กระทรวงการต่างประเทศจะมีหนังสือถึงประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) แสดงการประณามอย่างรุนแรงต่อการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงเหล่านี้ และจะพบกับสำนักงานไอซีอาร์ซี ที่ประจำในประเทศไทย ในวันอังคาร 29 ก.ค.นี้ เพื่อชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไทยต้องการสื่อสารไปยังประชาคมโลกว่า การกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชา เป็นสิ่งที่ประชาคมระหว่างประเทศจะต้องร่วมกันประณาม

ช่วงค่ำ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยได้รับคำเชิญจากนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ให้เดินทางไปร่วมหารือแนวทางสันติภาพในภูมิภาคนี้ ในวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม 2568  ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยคณะจะออกเดินทางจากกองทัพอากาศเวลาประมาณ  10.30 น. และเข้าหารือ เวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศมาเลเซีย

 โดยคณะของทีมไทยแลนด์นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี,  นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และตน ในฐานะกรรมการ ศบ.ทก. ทั้งนี้ ได้รับแจ้งว่า ประธานอาเซียนได้เชิญผู้แทนรัฐบาลกัมพูชา  โดยนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางมาหารือด้วยตนเอง

นายจิรายุกล่าวต่อว่า ตามที่สื่อไทยบางสื่อนำเสนออ้างแหล่งข่าวว่า การไปเจรจาครั้งนี้ไทยจะยอมใช้แผนที่ 1:200,000 ตามกัมพูชาเพื่อหยุดยิงนั้น ไม่เป็นความจริง และเป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อย รัฐบาลไทยยึดแผนที่ 1:50,000 มาตลอด

 “ไม่มีรัฐบาลไหน หรือใครคนใดจะยอมขายชาติตนเอง การเสนอข้อมูลเช่นนี้ต้องระมัดระวังอย่างมากในขณะที่ชาติมีภัยคุกคาม ทั้งนี้ การเจรจาจะรับฟังแนวทางเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ และการนำสันติภาพกลับคืนมา โดยรัฐบาลไทยยืนยันปกป้องอธิปไตย บูรณภาพของดินแดนไทยทุกตารางนิ้ว" นายจิรายุกล่าว

มีรายงานด้วยว่า กัมพูชายิงจรวดลงที่ ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.