ผบ.ทบ.สั่งคุมเข้ม สงคราม‘โดรน’!

ไม่ไว้ใจเขมร! ผบ.ทบ.ออก 3 แนวทางปฏิบัติ ต่อต้าน ทำลายโดรนไม่ทราบฝ่าย  หลังพบบินตรวจการณ์ที่ตั้งทางทหาร เข้มพื้นที่ทัพภาค 1-2 หากพบเป็นภัยคุกคามร้ายแรง ใช้อาวุธประจำกายประจำหน่วยยิงทำลายได้ทันที  พื้นที่แนวหน้าใช้ hard- kill แต่ให้ระมัดระวังพื้นที่ส่วนหลัง ไม่ให้อันตรายต่อชีวิตประชาชน ด้าน ทบ.ออกประกาศขู่ อย่าเห็นเป็นเรื่องเล่น หากพบเจตนา โทษหนักจำคุกตลอดชีวิต-ประหารชีวิต

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์  รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ “โดรน” ที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที

ในการนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึง 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้

ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย

 ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่  จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร และสารวัตรทหาร เพื่อดำเนินการสกัดกั้นและติดตามจับกุมผู้บังคับหรือใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย

สำหรับแนวทางการใช้อาวุธในการต่อต้านอากาศยานไร้นักบิน แบ่งเป็นกรณี ดังนี้

1.กรณีมีการใช้อาวุธก่อน หรือพบพฤติการณ์เป็นภัยคุกคามร้ายแรง ที่อาจกระทบต่อชีวิตของกำลังพลและประชาชน รวมถึงอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ ให้หน่วยที่วางกำลังตามแนวชายแดนสามารถใช้อาวุธประจำกายหรืออาวุธประจำหน่วยเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามได้ทันที

2.กรณีตรวจพบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และ 2 พื้นที่แนวหน้า สามารถใช้ทั้งมาตรการ Soft Kill และ Hard Kill ได้ พื้นที่ส่วนหลัง ให้ใช้ Soft Kill เป็นลำดับแรก หากไม่สามารถดำเนินการได้ จึงให้ใช้ Hard Kill โดยต้องใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของประชาชน

3.กรณีตรวจพบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 และ 4 ให้เน้นการใช้มาตรการ Soft Kill ก่อนเป็นลำดับแรก หากสถานการณ์จำเป็น ให้ใช้มาตรการ Hard Kill ตามความเหมาะสม การใช้อาวุธให้ถือเป็นความรับผิดชอบหลักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหน่วยทหารสามารถใช้อาวุธได้เฉพาะในขอบเขตที่ตั้งและพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย โดยใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง และต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือทราบเบาะแสเกี่ยวกับการบังคับหรือปล่อยอากาศยานไร้นักบิน ที่อาจฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วนความมั่นคง 1374 ตลอด 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ กองทัพบกยังจัดทำกราฟิก ข้อความอธิบาย 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ โดยระบุว่า ห้ามบินโดรนทุกกรณี "ภัยเงียบจากฟ้า... อาจเท่ากับภัยต่อแผ่นดิน"

การใช้โดรนในลักษณะสอดแนมหรือจารกรรมข้อมูลลับ เช่น บินเหนือพื้นที่ทหาร พรมแดน หน่วยงานราชการ  บันทึกภาพ เสียง สัญญาณเพื่อส่งให้ต่างชาติ ดัดแปลงติดอุปกรณ์พิเศษ เช่น กล้องอินฟราเรด เครื่องดักฟังเข้าข่าย ความผิดฐานจารกรรม/สายลับ กระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

บทลงโทษตามกฎหมาย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 122(3), พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร, พระราชบัญญัติการเดินอากาศ โทษหนักจำคุกตลอดชีวิตหรือถึงขั้น "ประหารชีวิต" หากมีเจตนาและพฤติการณ์ร้ายแรง

พร้อมระบุตอนท้ายว่า อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก! การบินมีผลต่อความมั่นคง หน่วยความมั่นคงติดตามจับตาอย่างใกล้ชิด ความมั่นคงของชาติ... ไม่ใช่ของเล่น หากพบเห็นพฤติกรรมน่าสงสัย แจ้ง 1374 สายด่วนความมั่นคง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง