"ปลัดคลัง" รับลูกพร้อมลุย "คนละครึ่ง" คาดเร็วสุด ต.ค. 68 ปลุกใช้งานผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ยืนยันงบประมาณมีรองรับ ขอรอความชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้ง "ภราดร" ไม่รับปาก รถไฟฟ้า 20 บาทสามารถดำเนินการได้หรือไม่
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทยมีแนวคิดนำ "โครงการคนละครึ่ง" ขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้งเพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจว่า ยืนยันว่าในเชิงระบบนั้นมีความพร้อมที่จะดำเนินการได้อยู่แล้ว นั่นคือแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งสามารถดำเนินการได้เร็วที่สุดในตอนนี้ เพราะเป็นการเอาระบบที่มีอยู่แล้วกลับมาใช้ใหม่ ดังนั้นจึงเชื่อว่าการดำเนินการในทางเทคนิคจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งระบบทั้งหมดมีรองรับและพร้อมดำเนินการอยู่แล้ว โดยหากรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนลงมาก็สามารถเดินหน้าได้ทันที ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2568 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณไม่มีปัญหา โดยหากเริ่มโครงการในวันที่ 1 ต.ค. 2568 ก็สามารถใช้งบประมาณปี 2569 ขณะเดียวกันก็ยังมีงบกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีอยู่ราว 2.5 หมื่นล้านบาท ที่ได้โยกไปไว้ในงบกลาง ก็สามารถนำมาปรับรายการใช้ได้ ซึ่งถือว่าตรงตามวัตถุประสงค์อีกด้วย โดยรายละเอียดทั้งหมดยังไม่สามารถชี้แจงก่อนได้ ต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลก่อน แต่ในเชิงเทคนิคและงบประมาณยืนยันได้ว่ามีความพร้อมดำเนินการอย่างแน่นอน
“ในเชิงระบบมีอยู่แล้ว แค่เอาระบบที่มีอยู่มาใช้ใหม่ ผมลองเช็กเร็วๆ คือหากเริ่มโครงการในวันที่ 1 ต.ค. ระหว่างนี้หากชัดเจนก็อาจจะต้องมีการเปิดให้ลงทะเบียนร้านค้าที่จะเข้าร่วม ส่วนประชาชนอาจไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเพราะเคยลงมาแล้ว และคงยังไม่มีใครลบแอปพลิเคชันเป๋าตัง ตรงนี้ก็ใช้กันต่อได้ เพราะผ่านการยืนยันตัวตนกันไปหมดแล้ว ดังนั้นในทางเทคนิคไม่มีปัญหาพร้อมดำเนินการ” นายลวรณกล่าว
ส่วนรายละเอียดว่าจะเป็นการใช้จ่ายแบบ 50:50, 60:40 หรือ 70:30 ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล แต่ในแง่ของแพลตฟอร์มได้มีการสร้างไว้ให้สามารถรองรับการใช้จ่ายในรูปแบบ Co-Pay ที่จะเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ก็ได้ โดยตอนนี้อาจจะเร็วไปที่จะตอบ ขอรับโจทย์ชัดๆ จากรัฐบาลอีกทีว่าอยากได้แบบไหน เนื่องจากขณะนี้ยังสามารถปรับรายละเอียดได้อีกเยอะ เช่นร้านค้าและสินค้าประเภทไหนที่จะสามารถเข้าร่วมโครงการได้ เข้าร่วมในสัดส่วนเท่าไหร่ รัฐบาลต้องการให้ใช้จ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ ตรงนี้เป็นรายละเอียดที่ต้องรอความชัดเจน
อย่างไรก็ดี ในส่วนผลต่อเศรษฐกิจนั้นอาจยังเร็วไปที่จะประเมินตอนนี้ เพราะยังต้องรอดูรายละเอียดของโครงการก่อน เช่นขึ้นอยู่กับขนาดของโครงการด้วยว่า รัฐบาลจะใส่เม็ดเงินเข้าไปเท่าไหร่ หรือให้ใช้ต่อวันเท่าไหร่
ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ชื่อติดโผรัฐมนตรีป้ายแดง เปิดเผยว่า ได้เริ่มจัดทำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามกรอบ 120 วัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า ซึ่งมีหลายโครงการ อาทิ โครงการพักหนี้เกษตรกรทั้งต้นและดอก, โครงการลดราคาปุ๋ย, โครงการเยียวยาอย่างสมเหตุสมผลให้แก่ผู้ประกอบการ และประชาชนพื้นที่แนวชายแดน 7 จังหวัด
ส่วนนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ที่หลายฝ่ายจับตา นายภราดรยอมรับว่า ไม่สามารถผลักดันได้ทัน เนื่องจากต้องมีการแก้ไขกฎหมายออกมาควบคุมการจำหน่ายกัญชา รวมถึงโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยังไม่แน่ใจว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เนื่องจากกฎหมายยังค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร
วันเดียวกันนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง กล่าวในพิธีแสดงความขอบคุณและอำลาว่า ในช่วงเวลาทำงานในตำแหน่ง รมว.การคลัง ตลอด 16 เดือน 3 วัน ได้รับความช่วยเหลือจากข้าราชการกระทรวงการคลังอย่างเต็มที่ ได้เรียนรู้อะไรมากมาย โดยเฉพาะในระบบราชการ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหน กรมไหน ได้เรียนรู้ขั้นตอนและวิธีการทำงานต่างๆ มากมาย ที่นอกเหนือจากสิ่งที่เคยได้ทำงานในวงการเอกชนและภาคธุรกิจ
ทั้งนี้ อยากให้เห็นว่ากระทรวงการคลังเป็นหนึ่งในหน่วยงานของภาครัฐ ที่เรียกได้ว่าเป็นคนประคับประคอง ชี้แนะและช่วยผลักดัน ประสานกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อให้การทำงานบรรลุได้ตามวัตถุประสงค์ของภาครัฐ ซึ่งสะท้อนว่ากระทรวงการคลังถือเป็นส่วนหนึ่งของคนที่ช่วยขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ในขณะที่อีกมุมคือผลกระทบที่อาจจะเกิดกับภาคเอกชนในมิติต่าง ๆ ก็จะรวมมาอยู่ที่กระทรวงการคลัง เพื่อช่วยกันหาแนวทางแก้ปัญหาด้วย
“สิ่งต่างๆ เหล่านี้กระทรวงได้พยายามทำให้เกิดความเข้มแข็งในเรื่องของการคลัง ขณะเดียวกันก็พยายามหารือ เพื่อทำให้เกิดความสอดคล้องในแง่ของนโยบายการเงินด้วย เพราะอาจจะกระทบกับภาคเอกชน เรื่องต่างๆ เหล่านี้ผ่านการทำงานด้วยความใกล้ชิด และจากนี้ไปหวังว่าจะได้เห็นนโยบายการเงินและการคลังทำงานสอดประสานกันไปได้ด้วยดี แต่มองไปในระยะข้างหน้าอาจจะยังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบ ก็ต้องเร่งแก้ไขกันต่อไป โดยที่ผ่านมาผมทำงานด้วยความสุขมาโดยตลอด” นายพิชัยกล่าว
ขณะเดียวกัน อยากขอบคุณ 2 รมช.การคลัง ได้แก่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ที่ช่วยเรื่องการตอบคำถามในสภาได้เป็นอย่างดี ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ซึ่งถือเป็นนักวิชาการที่ล้ำลึก มองภาพเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ในส่วนของภาษีสหรัฐฯ นั้นได้รับการประสานความร่วมมือเป็นอย่างดีกับหน่วยงานต่างๆ จนนำมาซึ่งข้อตกลงที่หลายฝ่ายมองว่ามีความเหมาะสม แต่ไม่ว่าจะตกลงด้วยเงื่อนไขอะไร นายพิชัย มองว่าตรงนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และหลังจากนี้จะต้องมีคนมาสานต่อเพื่อให้ได้ความชัดเจนที่สุด ดังนั้นยังเชื่อมั่นต่อไปว่า กระทรวงการคลังจะยังคงเป็นหน่วยงานหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไปเพื่อทำให้เกิดความมั่นคง และต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคประชาชน ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลังระบุอีกว่า หลังจากนี้คงจะได้เห็นภาพการทำงานของกระทรวงการคลังภายใต้ผู้บริหารคนใหม่ ที่จะยังคงทำงานใกล้ชิดกันเพื่อผลักดันเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยส่วนตัวไม่มีอะไรจะกล่าวมากนัก นอกจากคำว่า "ขอบคุณ" ข้าราชการกระทรวงการคลังทุกคน ที่สนับสนุนให้สามารถทำงานเดินหน้ามาได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านนี้จะราบรื่นไม่มีปัญหาแต่อย่างใด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


