โพลตอกย้ำบัญชีม้าปัญหาระดับชาติ ทำคนไทยปรับพฤติกรรมเรื่องดิจิทัล เสียงส่วนใหญ่เชื่อมือนายกฯ หนูปราบได้แน่ “นพดล” ชี้ใช้เวลา 4 เดือนอาจสร้างผลงานจับต้องได้ หากต่อยอดจากสมัยนั่ง รมว.มหาดไทย
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน 2568 สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่องหัวอกประชาชนกับบัญชีม้า จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,154 คน โดยเมื่อถามว่า ประชาชนกังวลหรือไม่ว่าบัญชีธนาคารของตนเองอาจถูกอายัดโดยไม่รู้ตัว พบว่า 38.30% กังวลมาก, 36.57% ค่อนข้างกังวล และ 25.13% ไม่กังวลเลย
ถามอีกว่า หลังจากมีข่าวบัญชีม้า ประชาชนปรับพฤติกรรมทางการเงินของตนเองอย่างไร พบว่า 57.89% ตรวจสอบธุรกรรมบ่อยขึ้น, 41.94% เลือกใช้บริการโอน/จ่ายผ่านช่องทางที่มั่นใจว่าปลอดภัย, 37.95% หลีกเลี่ยงการโอนเงินให้บุคคลที่ไม่รู้จักหรือน่าสงสัย, 33.28% ถอนเงินสดมาเก็บไว้มากขึ้น และ 22.18% กระจายเงินหลายบัญชี สวนดุสิตโพลยังสอบถามว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อธนาคารและหน่วยงานรัฐในการปกป้องผู้บริสุทธิ์จากผลกระทบบัญชีม้ามากน้อยเพียงใด พบว่า 61.87% เชื่อมั่น และ 38.13% ไม่ค่อยเชื่อมั่น ทั้งนี้ เมื่อถามอีกว่าจากข่าวบัญชีม้าในช่วงนี้ ประชาชนได้บทเรียนหรือข้อคิดอะไรบ้าง พบว่า 66.98% ติดตามข่าวอย่างต่อเนื่องและตรวจสอบธุรกรรมของตนเองบ่อยขึ้น, 56.41% ระวังไม่หลงเชื่อคนแปลกหน้าที่ติดต่อมาขอใช้บัญชี, 55.03% ไม่ให้ใครยืมบัญชีหรือข้อมูลส่วนตัว, 35.44% ควรกระจายความเสี่ยง เช่น มีหลายบัญชี มีเงินสดสำรอง และ 32.67% อยากให้ภาครัฐ/ธนาคารสื่อสารข้อมูลและขั้นตอนให้ชัดเจนกว่านี้
“สุดท้ายเมื่อถามว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลนายอนุทิน ในการจะเข้ามาแก้ปัญหาบัญชีม้ามากน้อยเพียงใด พบว่า 64.04% เชื่อมั่น และ 35.96% ไม่ค่อยเชื่อมั่น” ขณะเดียวกัน ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล มูลนิธิสถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เผยผลสำรวจเรื่อง เสียงของเหยื่อมิจฉาชีพต่อมาตรการเข้มอายัดบัญชีม้า จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,030 ตัวอย่าง
โดยผลการสำรวจพบว่า ประชาชนเกือบทั้งหมด 95.2% ระบุว่ารับรู้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพ มากถึงมากที่สุด สะท้อนถึงการรับรู้ที่ชัดเจนและแพร่หลายไปทั่วทุกกลุ่มอาชีพ ขณะที่ 3.1% ระบุว่ารับรู้บ้าง และมีเพียง 1.7% เท่านั้นที่ยอมรับว่ารับรู้น้อยหรือไม่รู้เรื่องเลย
ในประเด็นทัศนคติต่อมาตรการยาแรง พบว่า 83.6% เชื่อว่าการอายัดบัญชีม้าสามารถลดปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมิจฉาชีพได้จริง ถือเป็นเสียงส่วนใหญ่ที่สนับสนุนความเข้มงวดของรัฐ, 75.9% เน้นย้ำว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือธนาคารพาณิชย์ ควรพัฒนาเทคโนโลยีตรวจสอบอัจฉริยะที่รวดเร็วและแม่นยำ เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์, 71.5% ยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องปรับปรุงวิธีการเพื่อสร้างความเป็นธรรม นอกจากนี้ 63.2% มองว่าวิกฤตการอายัดบัญชีที่ส่งผลต่อผู้บริสุทธิ์สามารถพลิกเป็นโอกาสในการยกระดับความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินของประเทศ ส่วน 27.4% เห็นว่าจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่องแม้จะมีผลกระทบ และมีเพียง 1.1% เท่านั้นที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการอายัดบัญชีม้าอย่างเด็ดขาด
ที่น่าสนใจ ในด้านความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อหน่วยงานหลักในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พบว่า สตช.ได้รับความเชื่อมั่นสูงสุดที่ 62.3% รองลงมาคือ ธปท. 58.9% และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ 51.3% นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นถึงภาพจำเชิงบวกต่อผลงานของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่เคยดำเนินมาตรการตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้สำเร็จ โดย 80.5% ของประชาชนยังจดจำความสำเร็จนี้ได้อย่างชัดเจน และ 92.7% หวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคืนเงินให้แก่เหยื่อโดยเร็ว ขณะเดียวกัน 78.5% ต้องการให้รัฐบาลสานต่อมาตรการที่จับต้องได้ ปิดเส้นทางการสื่อสารและการเงินของมิจฉาชีพตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง, 74.6% แสดงความคาดหวังให้รัฐบาลยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนเพื่อจัดการแก๊งข้ามชาติ และ 73.4% ต้องการให้รัฐบาลลงทุนด้านงบประมาณ ระบบฐานข้อมูล และเทคโนโลยีตรวจสอบแบบเรียลไทม์ที่เชื่อมโยงตำรวจ ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ
ผศ.ดร.นพดลระบุว่า เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพควบคู่กับเชิงปริมาณแล้ว งานวิจัยนี้เสนอข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ดังนี้ 1.ป้องกันเชิงรุก ขยายมาตรการที่เคยสำเร็จ เช่น การตัดไฟฟ้าและระบบสื่อสารของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ครอบคลุมทั้งออนไลน์และข้ามประเทศ โดยเน้นความร่วมมือระดับอาเซียน 2.พัฒนาระบบเทคโนโลยี ลงทุนในฐานข้อมูลกลางและระบบตรวจสอบธุรกรรมแบบเรียลไทม์ เชื่อมโยงตำรวจ ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ และ ปปง. เพื่อบล็อกบัญชีม้าตั้งแต่ต้นทาง 3.คุ้มครองผู้สุจริต สร้างกลไกปลดล็อกบัญชีที่รวดเร็ว โปร่งใส และมีมาตรฐานชัดเจน ไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังการยืนยันความสุจริต 4.เยียวยาผู้เสียหาย ด้วยการจัดตั้งกองทุนเยียวยาผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือโครงการช่วยเหลือเฉพาะกิจสำหรับเหยื่อที่สูญเสียทรัพย์และได้รับผลกระทบทางจิตใจ ครอบครัว และอาชีพ เพื่อให้สามารถกลับมาตั้งหลักได้ และ 5.การให้ความรู้และเสริมพลังสังคม สร้างแคมเปญการสื่อสารที่เข้มข้นต่อเนื่อง โดยตระหนักว่าอาชญากรไซเบอร์มีการปรับตัวตลอดเวลา การให้ความรู้จึงต้องควบคู่กับการปรับปรุงเทคโนโลยีและกฎหมาย
“ในเวลา 4 เดือนนี้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจับต้องได้ หากรัฐบาลนายอนุทินสามารถใช้วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสต่อยอดความสำเร็จในอดีตช่วงที่เป็น รมว.มหาดไทย มายกระดับระบบการเงินและความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศ จะไม่เพียงช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจไทย แต่ยังจะเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างความมั่นคงและความยั่งยืนให้แก่ประชาชนทุกคนในสังคมมีความสุข” ผศ.ดร.นพดลระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


