กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ทรงเปิดกองทุน “หทัยทิพย์” พระราชทานเงินหนึ่งล้านบาทเป็นทุนตั้งต้น สร้างกำแพง-บังเกอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่ “สมเด็จพระสังฆราช” ประทาน 1 แสน ช่วยสมทบ กองทัพบกจัดพิธีวันทหารราบ สดุดีทหารกล้าสมรภูมิไทย-กัมพูชา “ผู้ว่าฯ สระแก้ว” งัด กม.คุมเข้มลอบเข้าเมือง
เมื่อวันพุธ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปทรงเปิดโครงการ “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ณ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
การนี้ พระราชทานพระวโรกาสให้ รองศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายบริหารและอาคารสถานที่ กราบทูลรายงานวัตถุประสงค์การจัดตั้ง "กองทุนหทัยทิพย์" ซึ่งศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี มีพระดำริให้จัดตั้งขึ้น พร้อมทรงรับเป็นประธานกรรมการบริหารกองทุน ด้วยทรงยึดมั่นในพระปณิธานในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยที่ยั่งยืนแก่ประเทศชาติและประชาชนในทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ ในสถานการณ์ปัจจุบันมีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งในความปลอดภัยในกำลังพลแนวหน้า และประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดน จึงเห็นควรสนับสนุนการสร้างกำแพงและบังเกอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นอันดับต้น โดยพิจารณาจากจุดที่มีความเป็นไปได้และมีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชน โดยจะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการโดยเร็วที่สุด
โอกาสนี้ มีพระดำรัสเปิดกองทุนหทัยทิพย์ ความว่า “ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้มาทำพิธีเปิด 'กองทุนหทัยทิพย์' ในวันนี้ การจัดตั้ง 'กองทุนหทัยทิพย์' เป็นความตั้งใจของข้าพเจ้า ที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินงานของภาครัฐและเอกชนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนและประเทศชาติ อันเกิดจากปัญหาความไม่สงบ หรือเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดภยันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน และอธิปไตยของชาติ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
'กองทุนหทัยทิพย์' จึงถือกำเนิดขึ้นจากความตั้งใจของข้าพเจ้าที่จะรวมพลังของทุกฝ่ายให้การบรรเทาทุกข์และสร้างความสงบสุขแก่ปวงชนชาวไทย ข้าพเจ้าขอมอบเงินส่วนตัวจำนวนหนึ่งล้านบาทสมทบ 'กองทุนหทัยทิพย์' เพื่อเป็นเงินทุนตั้งต้นในการขับเคลื่อนการดำเนินงานในกิจกรรม หรือโครงการสาธารณประโยชน์ต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนฯ สร้างความปลอดภัยและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้สามารถดำรงชีวิตต่อไปอย่างปกติสุข
ส่วนตัวของข้าพเจ้าจะพยายามแสวงหาเงินมาสมทบทุนกองทุนนี้เพิ่มเติมอีกจำนวน 20 ล้านบาท ในอนาคตอันใกล้ เพื่อให้กองทุนสามารถเริ่มดำเนินกิจการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าหวังว่า จะได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพวกเราชาวไทยทุกคนช่วยให้ 'กองทุนหทัยทิพย์' สามารถดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ต่อไปด้วยความเรียบร้อย สร้างความมั่นคง และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะในบริเวณชายแดนสืบไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จพระสังฆราช ประทานทรัพย์จำนวน 100,000 บาท สมทบกองทุน และสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ สมทบเงิน 100,000 บาท สมทบกองทุนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารกองทุนหทัยทิพย์ ขอเชิญพี่น้องประชาชนจากทุกภาคส่วน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงพลังปกป้องอธิปไตยของชาติ เพื่อการบรรเทาทุกข์และสร้างประโยชน์สุขสู่ประชาชนในพื้นที่ชายแดนอย่างยั่งยืน โดยบริจาคเงินสมทบ “กองทุนหทัยทิพย์” ได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ สาขาหลักสี่พลาซ่า ชื่อบัญชี "เงินกองทุนหทัยทิพย์" เลขที่ 229-4-29977-7 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานกองทุนหทัยทิพย์ โทรศัพท์ 0-2553-8618-19 ในวันและเวลาราชการ
วันเดียวกัน กองทัพบกจัดพิธีวันทหารราบ และพิธีเทิดเกียรตินายทหารชั้นนายพลเหล่าทหารราบที่เกษียณอายุราชการและลาออกจากราชการ ประจำปี 2568 ณ ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธี
ในส่วนของพิธี ได้มีการประกอบพิธีสงฆ์และอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษนักรบไทย โดยผู้ร่วมพิธีได้รับชมวีดิทัศน์สดุดีทหารกล้าสมรภูมิไทย-กัมพูชา และร่วมยืนไว้อาลัยเพื่อรำลึกถึงเหล่าทหารหาญที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องแผ่นดินในสมรภูมิการรบไทย-กัมพูชา พร้อมกับมอบสัญลักษณ์ทหารราบเชิดชูเกียรติให้กับกำลังพลเหล่าทหารราบที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นประจำปี 2568
ทางด้าน พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวในงานพบปะสื่อมวลชนก่อนเกษียณอายุราชการ เปิดใจถึงการทำหน้าที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาว่า มีทีมงานที่ดี ทำงานเป็นหนึ่งเดียว แม้กระทั่งการต่อรองในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่กับต่างประเทศ ทีมงานมีความสำคัญ เพราะมีเป้าหมายเดียวกันในการทำให้กองทัพอากาศได้ประโยชน์สูงสุด คุ้มค่ากับเงินหรือภาษีที่เสียไป
"ล่าสุดหลังจากมีการปิดจ๊อบ ประชาชนอยู่ข้างเรา 91% เป็นกลาง 7% แต่ที่เป็นลบกับเรา 0% เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในการใช้กำลังทางอากาศ เราทำทุกอย่างด้วยความถูกต้อง ตามกฎกติกา ตามหลักสากล และเป็นกำลังหลักให้กับพี่น้องประชาชน" ผบ.ทอ.ระบุ
ขณะที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ปฏิเสธกรณีกระแสข่าวถูกตรวจสอบทรัพย์สินว่า ไม่เป็นความจริง เป็นเฟกนิวส์ เพื่อเป็นการสร้างความแตกแยกระดับนโยบายและระดับปฏิบัติ
“ยืนยันว่าการรายงานบัญชีทรัพย์สินของผม ซึ่งเป็นระเบียบอยู่แล้วว่าผู้นำหน่วยระดับพลตรีขึ้นไปต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินเพื่อรายงานต่อ ป.ป.ช.เป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อข่าวปลอมดังกล่าว ซึ่งจะก่อให้เกิดความแตกแยก" พล.ท.บุญสินกล่าว
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกองทัพบก ชี้แจงถึงการเลื่อนประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) กองทัพภาคที่ 1 ว่า มีปัจจัย 2 ประเด็น การปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่งภายในกองทัพบก โดยเฉพาะระดับแม่ทัพภาค ต้องมีการรับ-ส่งหน้าที่ ซึ่งจะมีผลภายใน 1ต.ค. อีกทั้งสถานการณ์ในพื้นที่ยังปฏิบัติไม่ได้ตามกรอบที่ตกลงกันไว้ เช่น บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ยังมีความขัดแย้งเรื่องมวลชนกัมพูชา ยังไม่มีความเรียบร้อย ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนเรื่องการกำหนดหัวข้อ การพูดคุย อีกทั้งการให้ข่าวสารที่ออกมาทางฝ่ายกัมพูชายังมีการบิดเบือน ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศการเจรจาไม่ราบรื่น
พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่า จะเลื่อนออกไปไม่นาน ส่วนจะกระทบกับไทม์ไลน์การประชุม GBC 10 ตุลาคมหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ แต่การประชุม RBC อาจจะเกิดก่อน 10 ตุลาคมนี้ก็ได้ ซึ่งการเลื่อนประชุมต่างๆ ก็มีเหตุผลบางอย่าง แม้อาจจะมีไทม์ไลน์ไว้ แต่หากมีความจำเป็นก็ต้องขยับไป
ที่ จ.สระแก้ว พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พร้อมด้วย นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นำคณะลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว พร้อมลงพื้นที่หนองจาน โดย พล.ต.เบญจพลระบุว่า ได้มา ตรวจเยี่ยมกำลังพลสามฝ่ายที่จัดเตรียมไว้รองรับสถานการณ์หากเกิดขึ้น ซึ่งเราตอบไม่ได้ว่าจะรุนแรงเมื่อใด แต่ยืนยันว่าเรามีความพร้อมทั้งด้านกฎหมายและการปฏิบัติ
ผู้ว่าฯ สระแก้วกล่าวว่า หลังวันที่ 10 ต.ค.นี้ ต้องติดตามท่าทีจากที่ประชุมระดับคณะกรรมการชายแดน โดยยืนยันว่าจังหวัดจะเฝ้าระวังพื้นที่อย่างเข้มงวด และจะใช้กฎหมายจัดการกับการลักลอบเข้าเมืองเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันยืนยันว่าฝั่งไทยยังไม่มีการก่อสร้างบ่อนกาสิโนใดๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท


