ค้าชายแดนป่วน ปิดด่านกัมพูชา ทำยอดวูบ99%

"คลัง" เผยเศรษฐกิจเดือน ส.ค. 68 ยังไหว อานิสงส์ "ส่งออก-ท่องเที่ยวในประเทศ" หนุน ส่วนบริโภคภาคเอกชน-นักท่องเที่ยวต่างชาติสัญญาณแผ่ว จับตาผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐฯ-ทิศทางค่าเงินบาท-นโยบายรัฐบาล-ความขัดแย้งพื้นที่ชายแดน "กรมการค้าต่างประเทศ" เผยการค้าชายแดนเดือน ส.ค.ลด 3.1% เฉพาะกัมพูชาปิดด่านทำยอดวูบ 99.9% เหลือส่งออกแค่ 7 ล้าน

เมื่อวันที่ 29 กันยายน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ส.ค. 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ยังขยายตัว โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 27,743.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ที่ 5.8% โดยการส่งออกขยายตัวในอัตราชะลอลง หลังจากสหรัฐฯ บังคับใช้อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ แต่ยังเห็นการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์  อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ โดยตลาดคู่ค้าหลักของไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น  มีอาทิ ตลาดอินเดีย, สหรัฐอเมริกา และจีน

ขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 22.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 6.4% ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม 2.58 ล้านคน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -12.8% ส่วนภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 0.6% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ยางพารามันสำปะหลัง และข้าวโพด เป็นต้น สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 86.4 จากระดับ 86.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยกดดันจากความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน  ปัญหาอุทกภัย และความไม่ชัดเจนของอัตราภาษีสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ในส่วนของการบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -1.8% และปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -0.3 ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริงลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -10.8% และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ส.ค. 2568 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.1 จากระดับ 51.7 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า และค่าครองชีพสูง รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน

อย่างไรก็ดี เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ส.ค. 2568 อยู่ที่ -0.79% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.81% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2568 อยู่ที่ 64.5% ต่อจีดีพี ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2568 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 267.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 “ยังจำเป็นต้องติดตามผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ ทิศทางค่าเงินบาท นโยบายของรัฐบาล และความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป" นายพรชัยระบุ

ด้านนางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนเดือน ส.ค. 2568 มีมูลค่า 150,131 ล้านบาท ลดลง 3.1% เป็นการส่งออก 75,056 ล้านบาท ลด 14.7% และการนำเข้า 75,074 ล้านบาท เพิ่ม 12.2% ขาดดุลการค้า 18 ล้านบาท และรวม 8 เดือนของปี 2568 (ม.ค.-ส.ค.) การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนมีมูลค่า 1,338,400 ล้านบาท เพิ่ม 9.2% เป็นการส่งออก 763,533 ล้านบาท เพิ่ม 7.6% การนำเข้า 574,867 ล้านบาท เพิ่ม 11.4% ได้ดุลการค้า 188,666 ล้านบาท

 ทั้งนี้ หากแยกเฉพาะการค้าชายแดนกับเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ เดือน ส.ค. 2568 มีมูลค่า 63,938 ล้านบาท ลด 23.6% เป็นการส่งออก 33,951 ล้านบาท ลด 30.1% การนำเข้า 29,986 ล้านบาท ลด 14.5% ได้ดุลการค้า 3,965 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนกับมาเลเซียมีมูลค่าสูงสุด 26,969 ล้านบาท ลด 5.7% รองลงมาคือ สปป.ลาว 23,131 ล้านบาท ลด 0.1% เมียนมา 13,827 ล้านบาท ลด 20.8% และกัมพูชา 10 ล้านบาท ลด 99.9% ซึ่งสินค้าส่งออกชายแดนสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล 2,051 ล้านบาท เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ 1,350 ล้านบาท และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 1,117 ล้านบาท รวม 8 เดือน ปี 2568 การค้าชายแดนมีมูลค่ารวม 636,219 ล้านบาท ลด 3.6% เป็นการส่งออก 377,902 ล้านบาท ลด 6.7% และการนำเข้า 258,317 ล้านบาท เพิ่ม 1.2%

  สำหรับการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม เดือน ส.ค. 2568 มีมูลค่า 86,193 ล้านบาท เพิ่ม 20.9% เป็นการส่งออก 41,105 ล้านบาท เพิ่ม 4.3% การนำเข้า 45,088 ล้านบาท เพิ่ม 41.5% โดยการค้าผ่านแดนไปจีนมีมูลค่าสูงสุด  41,181 ล้านบาท เพิ่ม 12.9% รองลงมาคือสิงคโปร์และเวียดนาม มูลค่า 14,279 ล้านบาท เพิ่ม 56.0% และ 8,361 ล้านบาท เพิ่ม 27.8% ตามลำดับ รวม 8 เดือน ปี 2568 การค้าผ่านแดนมีมูลค่า 702,181 ล้านบาท เพิ่ม 24.2% เป็นการส่งออก 385,631 ล้านบาท เพิ่ม 26.5% และการนำเข้า 316,550 ล้านบาท เพิ่ม 21.4%

  นางอารดากล่าวว่า การส่งออกชายแดนไปกัมพูชา ลดลง 2 เดือนติดต่อกัน เพราะมีการปิดด่าน โดยเดือน ก.ค. 2568 ซึ่งเป็นเดือนแรกลด 97.5% มาเดือน ส.ค. 2568 ลด 99.9% เหลือส่งออกแค่ 7 ล้านบาท เป็นการส่งออกไวน์ 5 ล้านบาท แร่และเชื้อเพลิง 1 ล้านบาท และวิสกี้ 1 ล้านบาท  และคาดว่าจนถึงสิ้นปีหากยังคงปิดด่าน การค้าก็จะชะงักต่อไป ส่วนยอดรวมการค้าชายแดนและผ่านแดนทั้งปี 2568 คาดว่าจะทำได้ตามเป้า 1.81-1.85 ล้านล้านบาท เพิ่ม 1-2% เพราะได้การค้าผ่านแดนไปจีน สิงคโปร์ เวียดนามมาทดแทน

ส่วนเป้าหมายการค้าชายแดนและผ่านแดน ปี 2569 กรมจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่เบื้องต้นจะไม่มีตัวเลขการค้าชายแดนฝั่งกัมพูชา โดยมูลค่าหากทำได้เท่ากับเป้าปี 2568 ที่ 1.81-1.85 ล้านล้านบาท ก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.