คนละครึ่ง29ต.ค./ฟื้น‘ครม.ศก.’

"อนุทิน" ฟื้น "ครม.เศรษฐกิจ" ถกทุกวันจันทร์ “คนละครึ่งพลัส” เข้า ครม.สัปดาห์หน้า กันงบ 69 ไว้แล้ว "เอกนิติ" กางไทม์ไลน์ลงทะเบียน 20-26 ต.ค. เริ่มใช้จ่าย 29 ต.ค. ถึงสิ้นเดือน ธ.ค. ลุยเดินเครื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปักธงไตรมาส 4 ดันจีดีพีโตได้เกิน 1%  คลังผุดออมเงินผ่านซื้อหวยเป๋าตัง "พิพัฒน์" ลุยลดค่าครองชีพเดินทาง ปชช. “ศุภจี” มอบ  7 นโยบายเร่งด่วนให้กับทีมพาณิชย์ นายกฯ พร้อมรับมือสหรัฐชัตดาวน์ ไม่กระทบไทย

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม  นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เปิดเผยถึงรายละเอียดโครงการคนละครึ่งพลัสว่า ได้กันงบประมาณปี 69 ไว้ใช้สำหรับโครงการนี้อยู่แล้ว เพื่อเร่งขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจ สัปดาห์หน้าหลักการจะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และลงทะเบียนได้ไม่เกินกลางเดือน ต.ค.นี้

เมื่อถามว่า ระยะเวลา 4 เดือน จะเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้อย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลมีความชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องของการลงทุน หากผู้ประกอบการมีข้อติดขัดอย่างไรสามารถแจ้งมาที่รัฐบาลได้

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ตั้งใจว่าจะมีการประชุมทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจช่วงบ่ายวันจันทร์ น่าจะเกิดขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ตอนนี้ให้รัฐมนตรีเข้าไปที่กระทรวง เพราะวันนี้ถือเป็นวันแรกที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มรูปแบบ โดยให้แต่ละคนไปพบปะข้าราชการมอบนโยบาย จากนั้นจะเชิญประชุมเป็นกลุ่มๆ

ที่กระทรวงการคลัง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงการคลังว่า รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าเพื่อผลักดันให้รถยนต์เศรษฐกิจไทยพ้นจากหล่ม ไม่ตกเหว โดยยืนยันว่าทุกฝ่ายเห็นความจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องนี้ และจะร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจกันดำเนินการอย่างเต็มที่ภายใต้การรักษาเสถียรภาพทางการคลังอย่างเข้มข้น

นายเอกนิติกล่าวว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เตรียมผลักดันออกมาในระยะนี้คือ ‘โครงการคนละครึ่งพลัส’ วงเงินดำเนินการรวม 6.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการดำเนินการผ่านการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.4 ล้านราย วงเงิน 2.2 หมื่นล้านบาท และในสัปดาห์หน้าจะเสนอให้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบ สำหรับประชาชนทั่วไป 20 ล้านคน จะใช้เม็ดเงินจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 2.5 หมื่นล้านบาท และงบกลางอีก 1.9 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนได้ในวันที่ 20-26 ต.ค.2568 ขณะที่ร้านค้าลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.นี้ โดยสามารถลงทะเบียนได้จนกว่าจะจบโครงการ และเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.2568

นอกจากนี้ ในวันที่ 14 ต.ค.2568 จะเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาเห็นชอบโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยเฉพาะเมืองรอง โดยจะให้สามารถนำค่าใช้จ่ายในการเที่ยวเมืองรองหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ส่วนรายละเอียดต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่ใช้ลดหย่อน รวมถึงในช่วง 4 เดือนจากนี้ จะเร่งกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเร่งการจัดประชุม สัมมนา เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยพบว่าส่วนราชการมีงบประมาณในส่วนนี้ราว 3,000-4,000 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจอีก 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้

 “เบื้องต้นได้มีการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 จะขยายตัวได้เพียง 0.3% แต่จากการเร่งผลักดันโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภค โดยเฉพาะคนละครึ่งพลัส และการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเป็นบวกเพิ่มอีก 0.2-0.4% ขณะเดียวกันยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ  ทั้งการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง การเร่งรัดการเบิกจ่ายของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และท้องถิ่น เชื่อว่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจโตใกล้เคียงอีก 0.7% ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเมื่อรวมผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 จะโตเกิน 1% แน่นอน” นายเอกนิติระบุ

ทั้งนี้ ยังมีมาตรการที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว ผ่านการเพิ่มทักษะพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย จำนวน 1 แสนราย ขณะเดียวกันจะเร่งสนับสนุนการออมภาคประชาชน เพื่อให้มีเงินใช้ยามเกษียณ ผ่านการซื้อสลากแบบ 6 หลัก (L6) ผ่านระบบออนไลน์ สำหรับผู้ที่ไม่ถูกรางวัล โดยจะมีการคืนเงิน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายใน 4 เดือนอย่างแน่นอน

 “ยืนยันว่าหลังจากนี้กระทรวงการคลังจะมีแผนเกี่ยวกับการเร่งผลักดันเศรษฐกิจของประเทศออกมาอย่างต่อเนื่องทุกอาทิตย์ ทุกเดือน และภายใน ธ.ค.2568 แผนจะต้องออกหมด และในเดือน ม.ค.2569 จะต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตจากแผนที่วางไว้” รองนายกฯ และ รมว.การคลังระบุ

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง  กล่าวว่า ร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส พุ่งเป้าไปที่กลุ่มไมโครเอสเอ็มอีที่อยู่ในระบบภาษี โดยจากข้อมูลของกรมสรรพากรพบว่า ร้านค้าที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท จำนวน 3,000 ร้านค้า และที่มีรายได้ตั้งแต่ 1.8 ล้านบาท ถึง 30 ล้านบาท จำนวน 2,000  ร้านค้า รวมทั้งสิ้นกว่า 5,000 ร้านค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าที่ขายสินค้าและบริการ อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป

สำหรับโมเดลเรื่องการส่งเสริมการออมภาคประชาชนผ่านการซื้อสลาก L6 นั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังและสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างหารือเพื่อวางกรอบแนวทางการดำเนินการ โดยหลักการเบื้องต้นคือ จะเป็นการคืนเงินให้คนซื้อสลาก L6 แต่ไม่ถูกรางวัล ซึ่งในแต่ละงวดที่จะมีผู้ซื้อจากทั้งประเทศรวมกว่า 3 ล้านคน โดยจะกันเงินส่วนที่อยู่ในค่าบริหารงานของสำนักงานสลากฯ ที่มีสัดส่วน 17% นำมาจ่ายคืนประชาชนที่ไม่ถูกสลาก แต่ต้องเป็นการซื้อสลากผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งสัดส่วนเงินคืนจะคิดเป็นเงินต่อใบสลาก โดยเงินจำนวนดังกล่าวจะนำไปลงทุนเพื่อให้เกิดดอกผล หลักการเหมือนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ซึ่งโดยผู้ออมจะสามารถไถ่ถอนเงินดังกล่าวได้เมื่อมีอายุ 55 ปีขึ้นไป และยืนยันว่าจะไม่มีการพิมพ์สลากเพิ่ม และไม่ได้เป็นการมอมเมาประชาชนอย่างแน่นอน

ที่กระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายและทิศทางการทำงานของกระทรวงคมนาคมว่า มาตรการที่จะลดค่าครองชีพให้ประชาชน เบื้องต้น ครม.ได้มีมติให้คงมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอด ในสายสีม่วงและสีแดง ออกไปสิ้นสุด 30 พ.ย.2568 ได้มอบหมายให้นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ประชุมร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าการลดค่าครองชีพในการเดินทางของประชาชน ทั้งนี้ ภายใน 15 พ.ย.นี้ จะต้องนำเสนอเรื่อง 20 บาทตลอดสายว่าผลกระทบเป็นอย่างไรบ้าง ควรทำต่อหรือพอแค่นี้  และภายใน 4 เดือนจะต้องได้ข้อสรุป ทั้งรูปแบบระบบราง รถเมล์ และฟีดเดอร์ ที่ให้บริการประชาชน

ส่วนระบบตั๋วร่วม ถือเป็นนโยบายเรือธงที่ต้องเห็นความคืบหน้าเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือน โดยมุ่งพัฒนาให้ประชาชนใช้บัตรเพียงใบเดียวสามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้าและรถโดยสารประจำทางทุกระบบ แม้จะเป็นประเด็นซับซ้อนที่ต้องเจรจากับผู้ประกอบการทุกรายเพื่อให้ได้ข้อสรุป

ที่กระทรวงพาณิชย์ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ข้าราชการ พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ และทูตพาณิชย์ไทยในต่างประเทศว่า ได้มอบ 7 นโยบายในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ในระยะสั้นที่จะต้องดำเนินการเร่งด่วนใน 4 เดือน  ภายใต้แนวทาง “Quick Big Win” โดยผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 7 เรื่อง อาทิ ภาษีสหรัฐอเมริกาและการเจรจาการค้า จะเร่งสรุป Agreement of Reciprocal Tax (ART) กับสหรัฐ ภายในเดือน ธ.ค.2568 ก่อนที่จะนำเสนอ ครม.พิจารณา และนำเข้าสู่รัฐสภา, การค้าชายแดนไทย-กัมพูชา จะช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการใน 7 จังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไม่สงบ โดยจัดมหกรรมธงฟ้าลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และร่วมกับไปรษณีย์ไทยสนับสนุนค่าขนส่งฟรี 100 บาทต่อชิ้น 3.FTA และการบุกตลาดใหม่, ดูแลค่าครองชีพประชาชน จะจัดมหกรรมธงฟ้า 1,300 ครั้งต่อปี และจัดลดราคาสินค้าช่วงเทศกาล คาดลดภาระประชาชนกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี

วันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาลงมติโหวตคว่ำร่างงบประมาณ ส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐเดินหน้าสู่การชัตดาวน์ในรอบ 7 ปีว่า ถือเป็นมาตรการของสหรัฐ  แต่ในส่วนของไทยได้มีการเจรจาเรื่องภาษีลงตัวแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งน่าจะเป็นฝ่ายสหรัฐที่ยังไม่เรียบร้อย โดยไทยจะเดินตามข้อตกลงที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามเรื่องเศรษฐกิจไม่ได้เพิ่งมาผันผวน เรารับมือมาโดยตลอด ซึ่งต้องเตรียมหาตลาดใหม่ๆ ไม่ใช่รอพึ่งพาจากที่ใดที่หนึ่งอย่างเดียว มีคำพูดอยู่ว่า “All is in one basket" ซึ่งการทำงานของตนเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สหรัฐมีมาตรการของเขา ซึ่งเป็นการชัตดาวน์เรื่องการเมือง ท้ายที่สุดคงจะมีทางออก ส่วนทางไทยยืนยันไม่มีผลกระทบ

นายวรภัค ธันวาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในระยะสั้นจะยังไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย เพราะสถานการณ์เพิ่งเกิด และตลาดรับรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ดังนั้นผลกระทบระยะสั้นจึงน่าจะอยู่ที่สหรัฐเป็นหลักมากกว่า โดยเฉพาะจากการเทขายหุ้น แต่ในส่วนของไทยสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดูผลกระทบทั้งในระยะกลางและระยะยาวแล้วว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า หากสถานการณ์ไม่ยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐน้อย ส่วนผลกระทบต่อไทยจะผ่านช่องทางความผันผวนในตลาดการเงินเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ยังไม่เห็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในตลาดการเงินไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พท.ผวา ‘มันนีโพลิติกส์’

พรรคประชาชนเดินหน้าฝันแลนด์สไลด์ได้ สส. 250 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลประชาชน ดูจากตัวเลขผู้บริจาคให้พรรคมากกว่าแสนคน ขณะที่เพื่อไทยต้อนรับทีมสุวัจน์

ยึดเนิน350ได้แล้ว! ร่าง2ทหารกล้ากลับมาตุภูมิ/ส่งสัญญาณเตือนชนชั้นนำเขมร

ข่าวดี! ทหารไทยควบคุมเนิน 350 ได้แล้ว อยู่ระหว่างการสถาปนาความมั่นคง นำร่าง 2 วีรบุรุษกลับมาตุภูมิ ขณะที่กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ ตรวจพบการปะทะเป็นระยะ

สนามเลือกตั้งเมืองหลวง-กทม. ศึกชิง33เก้าอี้-แย่งเสียงปาร์ตี้ลิสต์ พรรคส้มเหงื่อตก หลายพรรครอเจาะยาง

หนึ่งในสาเหตุทางการเมืองที่คนยังเชื่อว่า พรรคส้ม-พรรคประชาชน จะชนะการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 ก็เพราะมองว่า สนามเลือกตั้งเมืองหลวง กรุงเทพมหานคร ที่มี

นายกฯอนุทิน เดินชมงานโอทอป วันแรก ก่อนเป็นประธานพิธีเปิด 22 ธ.ค.นี้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย วันที่ 20 ธ.ค. เวลา 16.30 น. นายอนุทินใช้เวลาช่วงวันหยุดราชการเดินเที่ยวงาน OTOP City 2025 วันแรก ที่เมืองทองธานี ซึ่งงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-28 ธ.ค.68 โ