"อนุทิน" ทำฉัตร 7 ชั้นครอบองค์นรสิงห์เสริมสง่าราศี-ร่มเย็นเป็นสุข ออกสตาร์ทนับหนึ่งการทำงานรัฐบาล เร่งผลักดันนโยบายตามที่แถลง พร้อมต้อนรับคนมีอุดมการณ์ร่วมบ้านภูมิใจไทย หวังผลดีเลิศขึ้นพรรคอันดับ 1 บอกเป็นสิทธิ์ "พท." ยื่นสภาสอบคุณสมบัติ รมต.บางคน "โรม" เชิญนายกฯ แจง กมธ.มั่นคงฯ 2 ต.ค. ปม "ไชยชนก" ปูดเงินเดือน 40 ล้านแลกไม่จับแก๊งคอลฯ "ประเสริฐ” ชิงออกตัวสมัยนั่ง รมว.ดีอี 2 ปีไม่เคยมีใครเสนอผลประโยชน์ "รบ." เตรียมทำความเข้าใจ ปชช. หลังร่าง รธน.ผ่านวาระ 2 ป้องกันสับสน "พรรคร่วม" ทยอยส่งชื่อ ขรก.การเมือง "ภท." โวย กกต.เอกสารลับสอบคดีฮั้ว สว.หลุดสู่สาธารณะ "ปชน." คึกภาคใต้แห่สมัคร สส.
ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 1 ต.ค.2568 เวลา 08.52 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ภายหลังการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อรัฐสภา โดยนายกฯ ได้สวมชุดสูทสีเทา และยังคงใช้รถยนต์ส่วนตัวโรลส์-รอยซ์ ทะเบียน วอ 3333 กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ถือเป็นวันที่ 1 ของการทำงาน 120 วันของรัฐบาลอนุทิน ตามข้อตกลง MOA ร่วมกับพรรคประชาชน (ปชน.) และตามที่นายกฯ ได้เคยประกาศนับการทำงานเริ่มวันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป
โดยเวลา 09.00 น. นายประสิทธิ์ วัฒนาภา ประธาน TCELS ได้เข้าพบนายกฯ พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และคณะ ส่วนเวลา 13.30 น. นายกฯ มีกำหนดไปมอบนโยบายโครงการสัมมนาผู้นำหน่วยตำรวจระดับผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า และระดับผู้บังคับการหรือเทียบเท่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้รูปปั้นนรสิงห์จำลองที่ได้มีการย้ายกลับมายังตึกไทยคู่ฟ้าแล้วนั้น ได้มีการทำฉัตรทอง 7 ชั้นครอบรูปปั้นนรสิงห์จำลอง นอกจากนี้บริเวณผนังที่ติดภาพนายกรัฐมนตรีในแต่ละสมัย เจ้าหน้าที่ได้ขยับรูปของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 16 และ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ไปทางด้านขวา เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการติดภาพ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เพิ่ม
เวลา 12.00 น. นายอนุทินได้เดินมาไหว้องค์นรสิงห์จำลองที่มีฉัตรทอง 7 ชั้นครอบรูปปั้น พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการสวมฉัตร 7 ชั้นองค์นรสิงห์จำลองว่า เพื่อความเป็นสง่าราศี เนื่องจากนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี แนะนำมาว่าพอประดิษฐานแล้วควรเอาฉัตรมากางให้ท่าน จะได้ร่มเย็นเป็นสุข มีสง่าราศี ฟังดูก็ดี มีเหตุมีผล มีตรรกะ และอาจารย์บวรศักดิ์ก็มีความรู้เรื่องนี้อยู่
ถามว่า ต้องไหว้ทุกวันเมื่อเข้ามาในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หมด ตั้งแต่ที่บ้านพิษณุโลก ศาลเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร โดยไหว้จากข้างนอก
ซักว่ามีโอกาสใช้บ้านพิษณุโลกทำงานด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่จำเป็น ที่ทำเนียบรัฐบาลดีกว่า เมื่อถามว่าที่ตึกไทยคู่ฟ้ามีห้องนอนหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มี
ถามถึงการติดภาพผนังตึกจะมีติดด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะติดได้ต่อเมื่อไปแล้ว
นายอนุทินกล่าวถึงการขับเคลื่อนนโยบายที่จะเร่งดำเนินการนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ว่า นโยบายเป็นไปตามที่รัฐบาลแถลงไป เรื่องการทำงานส่วนใหญ่ตนรู้จักกับหัวหน้าส่วนราชการหรือผู้บริหารองค์กรที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาเรื่องความต่อเนื่องของการทำงาน
หนูหวังผลดีเลิศ 'ภท.' อันดับ 1
"ปัญหาที่จะเร่งผลักดันก็ตามที่บอกไว้ เรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะเร่งให้การสนับสนุนในทุกภาคส่วน เมื่อวันที่ 30 ก.ย. วงประชุม ครม.ก็ได้อนุมัติงบกลางให้กองทัพไปจัดเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดน ส่วนเรื่องการจะสร้างกำแพงหรือไม่นั้น ในรายละเอียดพูดไม่ได้ เป็นเรื่องของความมั่นคง แต่เรื่องการสนับสนุนงบประมาณก็เพื่อให้กองทัพได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการปกป้องอธิปไตยของบ้านเมืองในปัญหาเฉพาะหน้าขณะนี้ ซึ่งก็ไม่ได้ล่าช้า และในวันที่ 2 ต.ค. ที่จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีหลายวาระ หากประชุมเสร็จแล้วอะไรเปิดเผยได้จะมาเปิดเผยให้ทราบ" นายอนุทินกล่าว
ถามถึงกรณีนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สมัครเข้าสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะมีใครเข้ามาเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นายอนุทินในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.กล่าวว่า ใครที่สนใจจะรับใช้ชาติบ้านเมือง และเห็นว่าพรรค ภท.สามารถทำประโยชน์ให้ชาติบ้านเมืองได้ และต้องการมีส่วนร่วม เราก็ต้อนรับทุกคน
เมื่อถามว่า หลัง 4 เดือนจากนี้จะมีการเลือกตั้ง ได้ตั้งเป้าจะเป็นพรรคอันดับ 1 ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าทุกพรรคการเมืองก็ต้องหวังผลดีเลิศไว้ก่อน เราก็ต้องเล็งผลดีเลิศเช่นกัน
ซักถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมยื่นประธานสภาฯ ให้ตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีบางคน นายอนุทินกล่าวว่า ตามสิทธิ์อยู่แล้ว เมื่อถามว่า พร้อมชี้แจงใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ตามสิทธิ์อยู่แล้ว ถ้าต้องชี้แจงก็ชี้แจง
นายอนุทินปฏิเสธตอบกรณีนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุในที่ประชุมสภามีคนเสนอมอบเงินให้เดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อไม่ให้จับเรื่องคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์ว่า ตอนนี้ยังไม่ได้เจอนายไชยชนก ไปถามท่านได้
อย่างไรก็ตาม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง แกนนำพรรคเพื่อไทย และอดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า เป็น รมว.ดิจิทัลฯ มา 2 ปี ไม่เคยมีผู้ใดมาเสนอผลประโยชน์เพื่อไม่ให้จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์ จนทำให้มูลค่าความเสียหายจากอาชญากรรมออนไลน์ลดลงกว่าครึ่ง
"ผมแปลกใจที่รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ คนใหม่ ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่ แต่มีคนมาเสนอมอบเงินผลประโยชน์ถึงเดือนละ 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ผมเข้าใจว่าที่เขากล้าเสนอเรื่องผิดกฎหมายเช่นนี้ อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์ของท่านที่ทำให้เหล่ามิจฉาชีพเข้าใจได้ว่า มีช่องทางในการพูดคุยเรื่องดังกล่าว เมื่อท่านยืนยันว่าจะทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมจึงขอแนะนำให้เร่งดำเนินการหาตัวผู้กระทำความผิดมารับโทษโดยเร็ว อย่าดีแต่พูด อย่าทำตัวเป็นรัฐมนตรีต้นทุนต่ำ" นายประเสริฐระบุ
ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงกรณีนายไชยชนกระบุมีผู้ติดต่อเสนอเงินให้เดือนละ 40 ล้านบาท เพื่อแลกไม่จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และเว็บไซต์หลอกลวงว่า นายไชยชนกไม่ควรเงียบ เพราะการเงียบเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลที่นำโดยนายอนุทินไม่เอาจริงเอาจริงกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
"ผมได้อภิปรายในเรื่องดังกล่าว ร.อ.ธรรมนัสก็หายจากบนบัลลังก์ แต่มาประชุม ครม.นัดพิเศษที่สภาได้ ซึ่งหมายความว่าอยู่ในสภา แต่ไม่ได้มาชี้แจงในที่ประชุม เช่นเดียวกับนายอนุทิน ก็หายตัวไปในเวลาดังกล่าว คิดว่าอย่าทำให้เหมือนว่ารู้เรื่องนี้กับเขาด้วย หากบริสุทธิ์ใจและไม่มีส่วนเกี่ยว ไม่ได้ใช้อำนาจรัฐในการปกป้องและปกป้องนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ต้องสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้" นายรังสิมันต์กล่าว
บี้ไชยชนกอย่าเงียบสินบน 40 ล.
ประธาน กมธ.ความมั่นคงฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ใหญ่เกินกว่ารัฐมนตรีดีอีจะชี้แจง ต้องดูเส้นทางการเงินมีหน่วยงาน เรื่องนี้ไม่ใช่คดีแค่ภายในประเทศ หากเป็นเรื่องจริงถือเป็นเรื่องระดับโลก เพราะเรากำลังเห็นปรากฏการณ์ที่กลุ่มทุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำเงินนับแสนล้านบาทมายึดชาติของเรา ควรจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด และคนที่ควรจัดการมากที่สุดคือนายเบนจามิน
"หากรัฐมนตรีดีอีไม่ทำอะไรก็อาจผิดกฎหมายด้วย เบื้องต้นในวันที่ 2 ต.ค. กมธ.ความมั่นคงฯ จะมีการพิจารณาในเรื่องนี้โดยตรง เพราะมีการเชิญนายอนุทินที่ดำรงตำแหน่งทั้งสองตำแหน่งมาชี้แจง และหวังว่าจะร่วมมือ เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องลับ ทุกคนรู้จักกันหมด ก็แปลกดีที่ทุกคนพากันเงียบขนาดนี้ เรื่องนี้คือเรื่องเร่งด่วน” กมธ.ความมั่นคงฯ ระบุ
ถามว่า จะมีการเชิญ ร.อ.ธรรมนัสมาชี้แจงหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า เดี๋ยวมีอีกหลายรอบ ตนมีข้อมูลว่า ร.อ.ธรรมนัสมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ขอเอาหน่วยงานตั้งต้นก่อน และสาเหตุที่ต้องเชิญนายอนุทิน เพราะต้องดูหัวก่อน ถ้าหัวไม่ขยับก็ยาก ต้องดูท่าทีของนายอนุทินว่าจะเป็นแบบไหน หากต้องการเอาจริงเรื่องนี้ก็จะแก้โดยง่าย กมธ.ก็อาจจะไม่ต้องออกแรงมากเกินไป
เมื่อถามว่า จะมีการดำเนินการยื่นไปที่หน่วยงานอื่นอีกหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรามีข้อมูลตั้งต้นแล้ว หากหน่วยงานขยับทันที ทุกอย่างก็จบ หากหน่วยงานไม่ทราบอะไรเลย ยังมาขอก็ต้องวางยุทธศาสตร์การทำงานอีกแบบ
ส่วนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เรื่องที่นายไชยชนกระบุมีผู้เสนอเงินเดือนละ 40 ล้านบาทแลกไม่จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ผู้เสนอเงินให้ท่านรัฐมนตรี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144 แล้ว
"เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญควรที่ ป.ป.ช.ควรจะได้เข้าไปดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริง แต่นั่นแหละองค์กรอิสระทั้งหลายมีข้อระแวงสงสัยว่าบัดนี้อยู่ในการควบคุมของพรรคการเมืองบางพรรคไปแล้ว จึงยากที่เราจะเห็นความสุจริตในบ้านเมือง เรามาลองทายกันดูว่า ป.ป.ช. จะไต่สวนเรื่องนี้หรือไม่ สำหรับผมมีคำตอบในใจแล้ว" นายนิพิฏฐ์กล่าว
วันเดียวกัน เวลา 10.40 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา ยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสเข้าปฏิบัติหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกฯ อย่างเป็นทางการ พร้อมถ่ายภาพกับครอบครัวที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า
นายสิริพงศ์กล่าวว่า การทำหน้าที่ของโฆษกรัฐบาลจะสื่อสารให้ตรงประเด็นให้ได้มากที่สุด เพื่อให้การดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ไขว้เขว หากในการสื่อสารมีคนพูดหลายคนอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจที่แตกต่างและคลาดเคลื่อนกันบ้าง เราต้องมีหน้าที่ หากข่าวใดผิดเราต้องแก้ไขให้ถูกต้องให้กับประชาชนทราบ
ถามถึงการทำความเข้าใจเรื่องการทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสิริพงศ์กล่าวว่า เมื่อมีร่างรัฐธรรมนูญเข้าสภาแล้ว ต้องมาดูว่าสภารับร่างไหนมาพิจารณาบ้าง เมื่อรับมาพิจารณาแล้วทิศทางของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเป็นอย่างไร สุดท้ายต้องรอ กมธ.ออกมาก่อนว่าไฟนอลเป็นอย่างไร เพื่อที่จะประชาชนจะได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน ไม่สับสน แต่หากเรารวมทุกร่าง แนวทางอาจจะไปคนละแนวทาง ทั้งนี้ เมื่อผ่านวาระ 1 และ 2 แล้วจะต้องมีการประชาสัมพันธ์อย่างเข้มข้น
พร้อมแจง ปชช.ร่างแก้ รธน.
ซักว่า การทำประชามติที่มีหลายเรื่อง อาจเกิดความสับสนจะสื่อสารกับประชาชนอย่างไร นายสิริพงศ์กล่าวว่า ตรงไปตรงมา เพราะในบัตรเลือกตั้ง สส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต เบอร์ไม่ตรงกันอยู่แล้ว ส่วนประชามติเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมี 2 ข้อ ส่วนการยกเลิกเอ็มโอยูจะมีคำถาม 1 ข้อต่างหาก
"คิดว่าอาจไม่เป็นการยากลำบากขนาดนั้นที่จะทำความเข้าใจ แต่อาจจะเสียเวลาตอนเข้าคูหา เพราะมีหลายคำถามที่ประชาชนจะต้องใช้วิจารณญาณ แต่เมื่อถึงเวลาแล้ว พอ กกต.กำหนดอะไรขึ้นมาก็จะมีการสื่อสารกันไป เช่น ลักษณะบัตร สีของบัตร เป็นแบบไหน ต้องรอ กกต.เป็นผู้กำหนด" โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ
มีรายงานความคืบหน้าการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองว่า ขณะนี้พรรคร่วมรัฐบาลได้ทยอยส่งรายชื่อตรวจคุณสมบัติอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของพรรคกล้าธรรม (กธ.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรค กธ. จะมาเป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง ประจำรองนายกฯ ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, นายนิโรธ สุนทรเลขา อดีต สส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะมาเป็นที่ปรึกษารองนายกฯ ของ ร.อ.ธรรมนัส, นายภูผา ลิกค์ อดีตผู้ช่วยเลขานุการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะมาเป็นเลขานุการ รมว.เกษตรฯ, นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ซึ่งเพิ่งลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไท ย (พท.) จะมาเป็นที่ปรึกษา รมว.เกษตรฯ, นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. จะมาเป็นเลขานุการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, นายธันว์ วุฒิธรรม เป็นที่ปรึกษา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะมาเป็นที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เป็นเลขานุการ รมว.พม.
ที่รัฐสภา นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือขอให้ สส.พรรคเพื่อไทย ตรวจสอบกรณีนายอนุทินอาจผิดมาตรฐานจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรค 1 ขอให้ สส.รวมชื่อ 50 คน เสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จากกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบให้นายอนุทินดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ซึ่งได้รับโปรดเกล้าฯ และแถลงนโยบายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมี นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ เป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าว
นายภัทรพงศ์กล่าวว่า ตนเห็นว่าพฤติกรรมของนายอนุทินทั้งก่อนและหลังโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ได้แต่งตั้ง ครม.บางคน เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยว่าอาจมีคุณสมบัติที่ขัดหรือฝ่าฝืนต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทั้งอาจไม่มีความสุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ในหลายกรณี
ด้าน นพ.เชิดชัยกล่าวว่า จากที่นายภัทรพงศ์พูดมาถูกทั้งหมด ซึ่งตนได้รับมอบหมายจากนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้มารับหนังสือ และจะส่งกรรมการพรรคพิจารณา เพื่อเข้าชื่อ สส. 50 คน พร้อมส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
ถามว่า การเข้าชื่อเพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นมติพรรคหรือไม่ นพ.เชิดชัยกล่าวว่า จะต้องรอการประชุมพรรคในวันที่ 7 ต.ค. ถามย้ำว่า แสดงว่ามีแนวคิดนี้อยู่แล้วใช่หรือไม่ นพ.เชิดชัยกล่าวว่า ก็จะได้เอาข้อมูลไปดูว่ามีเหตุผลหรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไร
ข้องใจ กกต.เอกสารคดีฮั้วหลุด
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว, พ.อ.ไพบูลย์ พัสดร, นายธนวัฒน์ ศรีสุข และ ส.อ.อัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล เดินทางมายื่นหนังสือให้กำลังใจคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งคณะที่ 36 ของสำนักงาน กกต. รวมทั้งแสดงความกังวลต่อกรณีการวินิจฉัยสำนวนคดีการไต่สวนการฮั้วเลือก สว. เพราะปัจจุบันระยะเวลาได้ล่วงเลยมาจากวันที่ กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง 10 ก.ค. 2567 กว่า 1 ปี 2 เดือน แต่การสอบทุจริตก็ยังไม่แล้วเสร็จ โดยการมายื่นหนังสือครั้งนี้ทางกลุ่มยังได้อัญเชิญพระแก้วมรกตจำลองมานำทางในการยื่นหนังสือด้วย
ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานฝ่ายกฎหมายพรรค ภท. แถลงแสดงความข้องใจกรณีการอภิปรายแถลงนโยบายของรัฐบาลมีเอกสารราชการลับทางราชการของคณะอนุกรรมการชุดที่ 26 ที่สอบสวนคดีฮั้ว สว.ของ กกต. อยู่ในมือ สส.และบุคคลภายนอก รวมทั้งสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้มีใครบ้าง ลําดับที่เท่าไหร่ ซึ่งเรื่องนี้ควรจะเป็นสํานวนการสอบสวนที่เป็นความลับของทางราชการ รวมถึงมีบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา แต่มีรายละเอียดปรากฏไปยังบุคคลอื่นว่า ทำให้เกิดข้อสงสัยและขอตั้งคําถามกับ กกต.ว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อเอกสารทั้งหลายในสํานวนการสอบสวน ควรจะเป็นความลับของทางราชการ แต่กลับไปปรากฏสู่สาธารณะ
“คำว่า 'ลับ' แต่กลับมีการเผยแพร่ไปยังสาธารณะ ซึ่งคิดว่าเป็นประเด็นที่ต้องตั้งคําถามกับ กกต. ว่า กกต.ปล่อยให้เอกสารลับนี้ออกมาได้อย่างไร" นายศุภชัยกล่าว
ประธานฝ่ายกฎหมายพรรค ภท.กล่าวว่า ขอตั้งคําถามมายัง กกต. ทําไมมีเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้น แล้วก็คงต้องฝากไปยัง กกต. โปรดกําชับคณะผู้ทํางานในคณะสอบสวนคณะที่ 26 รวมถึงเรื่องอื่นๆ ด้วยว่า ท่านควรจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะในกรณีบุคคลที่เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย ในข้อสันนิษฐานทุกคนก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่การที่กลับเป็นที่เปิดเผย เขาได้รับความเสียหาย เพราะฉะนั้นอยากเรียกร้องกับ กกต. เข้าไปดูแลเรื่องนี้ แล้วกําชับผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องได้มีความรับผิดชอบตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และอย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ทาง กกต.จะต้องให้ความจริงจังกับทุกเรื่อง และโปรดดำเนินการตามคำเรียกร้องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอดิศร เพียงเกษ สส.พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาลกล่าวถึงนายอนุทินเป็นผู้ที่ DSI เรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในลำดับที่ 187 ใช่หรือไม่ รวมถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา อยู่ลำดับที่ 3
จากการตรวจสอบแหล่งข่าว กกต. พบว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ชุดที่ 26 กกต. เคยส่งหนังสือบันทึกการแจ้งและรับทราบข้อกล่าวหาไปยัง 229 คน ปรากฏรายชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อยู่ในลำดับที่ 187 รวมทั้งยังมีนักการเมืองชื่อดังที่มีตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลอนุทินอีกหลายราย อาทิ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.กระทรวงดีอี, น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
จ.สงขลา มีรายงานว่าพรรคประชาชน (ปชน.) ในภาคใต้ เตรียมจะส่งผู้สมัคร สส.ครบทั้ง 60 เขต โดยขณะนี้มีผู้ส่งใบสมัครเพื่อขอสมัคร สส.แล้วประมาณ 120 คน แต่มีบางเขตยังไม่มีผู้ขอลงสมัคร ยังไม่ได้ปิดรับสมัคร หากใครที่สนใจร่วมอุดมการณ์พรรคยังส่งใบสมัครเข้าได้
นายวิจักษณ์ พฤกษ์สุริยา รองเลขาธิการพรรค ปชน. ยอมรับว่ามีผู้ส่งใบสมัครเพื่อลงสมัคร สส.เขตในนามพรรค ปชน.ในภาคใต้เฉลี่ยเขตละ 3 คน บางเขตมี 5 คน อยู่ในวัยหนุ่มสาวร้อยละ 50 อีกร้อยละ 50 ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ มีความหลากหลายในอาชีพ มีทั้งนักการเมืองท้องถิ่น นักวิชาการ นักธุรกิจ ภาคประชาชน อยู่ในกระบวนการสัมภาษณ์ผู้สมัคร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน
ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี
นายกฯยังห่วงหาดใหญ่ ประเดิมพ.ย.เว้น‘ค่าไฟ’
"อนุทิน" รับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน นำประชาชนกลับบ้านแล้ว 90% “เท้ง” แซะบอร์ดมีไว้แค่ให้พาดหัว
อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก
นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม
พสกนิกรทั่วไทย เข้าถวายสักการะ ‘พระพันปีหลวง’
พระราชวงศ์บำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ พสกนิกรทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ากราบพระบรมรูปในหลวง ร.9 และสักการะพระบรมศพ
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง

