“นายกฯ” แย้มเคาะชื่อประธานเจบีซีไทยคนใหม่ ขณะที่ “สีหศักดิ์” ประกาศพร้อมพาไทยกลับเข้าจอเรดาร์โลก ป้ายหน้าเวทีออตตาวาบี้กัมพูชาเก็บกู้ระเบิด “โรม” เบรกเอี๊ยด ประชามติโละ MOU หวั่นความลับชาติตกไปอยู่ในมือลูกหลานพระยาละแวก เตือนซ้ำรอยคิงส์เกตโดนฟ้องอ่วม ขณะที่ “กองทัพ” เบิกฤกษ์กองทุนหทัยทิพย์ สร้างรั้วชายแดนในพื้นที่ลักลอบเข้า-ออกเมืองผิดกฎหมายก่อน “ผบ.ฉก.นย.ตราด” เปลี่ยนการทำงานใหม่ สื่อสารทิศทางเดียวกัน ไม่สร้างความตระหนก
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันพุธ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เปิดเผยภายหลังเชิญนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ มาหารือเรื่องการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกัมพูชายื่นศาลระหว่างประเทศ (ศาลโลก) เมื่อเดือน มิ.ย. ปมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย ศาลโลกได้รับเรื่องหรือยังว่า ยังไม่ทราบ จุดยืนเราอยู่ของเรา ใครจะไปยื่นอะไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา ประเทศไทยเรามีจุดยืน มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และจะยืนอยู่บนประโยชน์ของประเทศเราเป็นหลัก
เมื่อถามว่า กรณีที่นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ฝ่ายไทยจะหมดวาระ นายอนุทินกล่าวว่า เดี๋ยววันที่ 2 ต.ค. จะมีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และจะมีการพิจารณาในเรื่องนี้ ซึ่งมีคนที่จะเป็นประธานแล้ว เมื่อถามว่าได้วางตัวใครไว้แล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า “เดี๋ยวรอประชุมวันพรุ่งนี้ก่อน”
ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ตร.) นายอนุทินกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า ได้ให้การยืนยันกับทุกท่านในด้านการทหารในแต่ละเหล่าทัพไปว่า รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน รวมถึงตํารวจด้วย ในภารกิจตํารวจตระเวนชายแดน สิ่งที่ต้องการสนับสนุนจากรัฐบาลตนดําเนินการด้วยความรวดเร็วอย่างเต็มที่ อย่างเมื่อวานนี้ในที่ประชุม ครม. ก็ได้เร่งอนุมัติงบกลางเพื่อสนับสนุนภารกิจกองทัพในการปกป้องแนวชายแดนของประเทศไทยที่เรากําลังมีปัญหากับกัมพูชา วันนี้เราดูในเรื่องประโยชน์ของประเทศไทยเท่านั้น เราเปลี่ยนท่าทีแล้ว เพราะสิ่งที่เขาปฏิบัติมา ก็ไม่มีอะไรที่เราจําเป็นจะต้องไปให้ความเกรงใจถ้าอะไรก็ตามที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย
“และถ้าถึงขั้นที่ว่ามีไปก็ไม่เกิดคุณค่าอะไร ครม.ของผมก็พร้อมจะยกเลิกเอ็มโอยู ทั้ง 4 เหล่าทัพจะดํารงสภาพนี้ในการเตรียมพร้อมในเรื่องของจุดยืน จนกว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาจะหมดไปต่อประเทศไทย ถือเป็นความชัดเจนที่รัฐบาลยึดถือกรอบนี้ เพื่อสนับสนุนข้อสรุปของฝ่ายความมั่นคง” นายกฯ กล่าว
ส่วนพฤติกรรมหน้าไหว้หลังหลอกของกัมพูชาที่ไว้ใจไม่ได้นั้น นายกฯ ตอบว่า "ไม่เอา เราไม่ว่าประเทศเพื่อนบ้าน เขาจะมีพฤติกรรมอะไรก็แล้วแต่ จะหลอกหรือไม่หลอก แต่ว่าเรามีความสามารถเพียงพอรู้ว่าจุดยืนของเราอยู่ตรงไหน แล้วเวลาใดที่เราควรจะตอบสนองการกระทําของเขาด้วยวิธีใด อันนี้ผมขอให้ความมั่นใจ"
ไทยเรดาร์โลก
ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บรรยายสรุปแก่คณะทูตานุทูตเกี่ยวกับผลการเข้าร่วมการประชุม UNGA 80 และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการทำงานวันแรก ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสมาชิกรัฐสภาภายใต้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยมีทูตานุทูต 67 ประเทศ องค์การระหว่างประเทศ 5 องค์การ รวมทั้งสิ้น 99 คนเข้าร่วม
นายสีหศักดิ์ระบุว่า อยากจะเห็นการทูตที่นำประเทศไทยกลับสู่จอเรดาร์ การทูตที่ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และการทูตที่ไปหลายทิศทาง ผลประโยชน์อยู่ตรงไหนเราต้องไป ไม่ใช่เฉพาะเรื่องใกล้ตัว โดยตนได้เจอกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศต่างๆ หลายประเทศ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ในฐานะประธานอนุสัญญาออตตาวา
“ได้เรียนให้เขาทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ไทยก็ทำเรื่องร้องเรียนไป ท่านรับทราบ เนื่องจากจะมีการประชุมใหญ่ในเดือนธันวาคมนี้ เราคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดและสร้างสรรค์ที่สุด คือเราเร่งในเรื่องที่ตกลงกันในที่ประชุม GBC ในเรื่องการเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน” นายสีหศักดิ์กล่าว
รมว.การต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ได้พบกับเลขาธิการสหประชาชาติ จึงสรุปให้ทราบถึงความคืบหน้าล่าสุด และยืนยันว่าไทยต้องการอยู่อย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ เราต้องการให้ประเทศเพื่อนบ้านก้าวหน้า ซึ่งความก้าวหน้าของเขาจะเป็นผลประโยชน์ต่อประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ในที่ประชุมยังได้เจอกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา เราได้พูดกันว่าเราเป็นนักการทูต ต้องมีการพูดคุย ไม่ได้เป็นอุปสรรค เราต้องทำความเข้าใจ ตรงไหนที่ทำความเข้าใจได้ก็ดี
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กลยุทธ์การสื่อสารนั้นจะต้องรวดเร็วและตรงประเด็น เนื่องจากทราบว่าความล่าช้าในอดีตที่ผ่านมาอาจจะทำให้ประชาชนมีความไม่เข้าใจ และการสื่อสารที่ไม่เป็นทางการอาจจะทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนและความกังวลใจ เราจะเอาบทเรียนเหล่านั้นจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมามาปรับปรุงในการสื่อสารเชิงรุกให้มากขึ้น ทั้งนี้ ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) จะยังคงมีอยู่ ซึ่งเป็นคณะทำงานชุดเดิม
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เรื่อง MOU เป็นข้อมูลละเอียดอ่อนหลายอย่าง ไม่เช่นนั้นสภาคงไม่มีการประชุมลับ คำถามของตนคือ นายอนุทินจะทำอย่างไรที่ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลในการตัดสินใจ เรื่องนี้โดยฝ่ายกัมพูชาไม่รู้ ซึ่งอาจจะมีวิธีก็ได้ แต่ตนยังไม่รู้ แต่หากไม่มีวิธีแล้วฝ่ายกัมพูชารู้ จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของชาติหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ตนพยายามถาม แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างความท้าทายต่อไปว่า หากยกเลิกไปแล้วกัมพูชาอ้างว่าต่อไปไม่มีกลไก คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) กัมพูชาจะใช้เหตุนี้อ้างเพื่อไปศาลโลก หรือหากเราไม่มี MOU 43 แล้ว จะต้องมีอะไรมาแทนหรือไม่ จะต้องมีแผนหลายขยัก และต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ
“หรือแม้กระทั่ง MOU 44 การเอาผลประโยชน์ทางทะเลไปปนกับเรื่องการที่จะต้องมาตกลงเรื่องอาณาเขตทางทะเล ก็อาจจะมีปัญหาบางอย่าง ขณะเดียวกันเราก็ต้องดูว่าบางบริษัทเดียวกันที่ได้ลงทุนไปแล้วจะมาฟ้องประเทศไทยหรือไม่ กลัวว่าจะซ้ำรอยกรณีคิงส์เกต เรื่องเหล่านี้มีรายละเอียด ไม่ใช่ใครจะตัดสินใจได้ทันที การตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ง่าย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจุดยืนของผมคือเอาข้อมูลมากาง ยึดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ” นายนายรังสิมันต์ระบุ
ทบ.ลุยสร้างร้้ว
จ.สระแก้ว พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ ปฏิบัติภารกิจหลังรับตำแหน่ง โดยเดินทางไปเยือนกองบิน 3 จ.สระแก้ว เพื่อติดตามการพัฒนาโดรนและระบบแอนตี้โดรนเพื่อความพร้อมรบ โดยระบุว่า การใช้กำลังครั้งต่อไปจะไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เราจะถูกโจมตีด้วยโดรนขนาดเล็ก เราจะถูกใช้อาวุธระยะไกลยิงเข้าใส่
“ถ้าผมเป็นฝ่ายตรงข้าม ใครทำให้ผมเจ็บที่สุดก็จะทำคนนั้นก่อน เพราะฉะนั้นการที่มาวันนี้ ก็เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้น หรือถ้าเกิดขึ้นพวกเราก็ต้องพร้อม" พล.อ.อ.เสกสรรระบุ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึง MOU 43 ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ และการให้ความเห็นทั้งสองลักษณะ ซึ่ง MOU 43 เรายึดถือและปฏิบัติมา แต่ปัญหามีการละเมิดประมาณ 500 ครั้ง และไปจบที่การประท้วง ไม่ได้นำไปสู่การแก้ไขหรือปรับปรุงอย่างแท้จริง ส่วนกระบวนการที่จะยกเลิกหรือไม่ ต้องเป็นระดับฝ่ายบริหาร
“ส่วนหากยกเลิกแล้วจะส่งผลต่อการทำงานของกองทัพหรือไม่นั้น กองทัพสามารถทำงานได้หมดอยู่แล้ว ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ตามกรอบกฎหมายและข้อตกลงที่มีอยู่เราก็ยึดมั่นตามนั้น ที่ผ่านมาเราก็ยึดมาโดยตลอด” พล.ต.วินธัยระบุ
พล.ต.วินธัยยังกล่าวถึงกรณียอดบริจาคสร้างรั้วและบังเกอร์ชายแดนไทย-กัมพูชา ของ “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ ที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์บริจาคเป็นทุนตั้งต้น 1 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดบริจาคสมทบทะลุ 100 ล้านบาทแล้วนั้นว่า เรื่องการสร้างรั้วชายแดน อาจจะต้องแบ่งเป็นพื้นที่ ซึ่งเท่าที่ได้ติดตามข้อมูล หากพื้นที่ไหนมีความชัดเจนและสามารถดำเนินการได้ก็จะทำก่อน ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่มีความชัดเจน ก็ต้องรอให้เป็นไปตามกระบวนการ โดยเฉพาะ JBC แต่ที่สำคัญการสร้างรั้ว อาจจะมองไปที่พื้นที่ที่มีการเข้า-ออกผิดกฎหมายและเกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ก็อาจจะดำเนินการก่อน อย่างน้อยให้เห็นว่าไทยมีมาตรการที่ต้องต่อต้านสิ่งผิดกฎหมาย
ส่วนพื้นที่ที่มีความชัดเจน จะสร้างรั้วแบบใด แบบถาวรหรือสร้างแบบรั้วอิเล็กทรอนิกส์นั้น โฆษกกองทัพบกกล่าวว่า ยังไม่ทราบ และยังไม่เห็นรายละเอียด
ขณะที่ พล.ท.วรยศ เหลืองสุวรรณ กล่าวในพิธีรับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ว่า ขอให้เชื่อมั่นในกองทัพภาคที่ 1 ที่พร้อมจะปกป้องรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ โดยจะทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ และด้วยชีวิต โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.วีระยุทธ รักศิลป์ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ยืนยันว่าขณะนี้กำลังพลมีความพร้อม และไม่มีมอตโตหรือคติพจน์ในการทำงาน และมั่นใจว่าการทำงานไม่มีรอยต่อ ที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
จ.ตราด น.อ.ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก.นย.ตราด) ได้ประกาศปรับเปลี่ยนยุทธวิธีการทำงานให้ทันต่อสถานการณ์รับมือฝ่ายกัมพูชา ถ้าเราพร้อม เขาจะไม่พร้อมกับเรา ถ้าเราไม่พร้อม เขาก็จะพร้อมกับเรา เราต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพื่อที่จะไม่ให้เขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเรา
“ต่อไปนี้การสื่อสารจะต้องไปในทิศทางเดียวกัน ผู้บังคับบัญชาสูงสุดพูดอย่างไร เราต้องพูดอย่างนั้น พูดในสิ่งที่เป็นความจริงและถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน และลดความตื่นตระหนกในสังคม" ผบ.ฉก.นย.ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน


